‘ซีพี 3’ แบกสังขารปีที่ 36 ลงแข่งเพลย์ออฟทั้งเกมแบบตอนห้าวๆไม่ไหว ทางโค้ชวิลเลี่ยมส์ก็รู้ใจให้พักแทบมากหน่อยครึ่งแรกปล่อยเป็นหน้าที่ แคเมอร่อน เพย์น ใช้ความปราดเปรียวเผาแบ็คคอร์ท แอลเอ คลิปเปอร์ส จนลิ้นห้อย 

จากนั้น พอล ค่อยลงมาปล่อยของครึ่งหลังซัดคนเดียว 41 แต้มมากสุดอาชีพในเพลย์ออฟ จนคว้าชัย 130-103 คะแนนถึง สเตเปิ้ลส์ เซนเตอร์ ปิดซีรี่ส์ 4-2 เกม ช่วยต้นสังกัดได้ชิงฯเอ็นบีเออีกครั้งตั้งแต่ปี 1993 

“มันยังมีข้อข้องใจเกี่ยวกับผลงานของเขาก่อนเกมคืนวาน ในใจผมก็บอกว่าไว้ถึงเวลาพวกคุณก็คอยดู” วิลเลี่ยมส์ เปิดปาก 

“ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าฟอร์มระเบิดเถิดเถิงแบบนั้น แต่นั่นบ่งบอกว่า คริส เป็นผู้เล่นแบบไหน หมอนั่นคงก้มหน้าก้มตาพยายามต่อไป ยังคงสร้าง หาทางส่งบอลลงห่วง, ยิง 3-คะแนน และบัญชาการทุกๆอย่าง”  

พอล ก้าวไปเล่นเอ็นบีเอ ไฟนัลส์ หนแรกอาชีพก็แทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เช่นกันระหว่างพิธีรับโทรฟี่แชมป์คอนเฟอเรนซ์ ตะวันตก เพราะเจ้าตัวเกือบไม่แข่งเกมหกเมื่อผลสแกน เอ็มอาร์ไอพบปัญหาเอ็นมือขวา ไหนจะอุปสรรคที่ต้องเผชิญก่อนนั้นทั้งเจ็บไหล่ในเพลย์ออฟรอบแรก หรือติดโควิดจนพลาดแข่ง 2 เกมเปิดซีรี่ส์นี้

“ก็คิดกับตัวเองถึงพวกที่ปรามาสผมไว้ ว่าหากเราทำในสิ่งที่ควรทำได้ ก็คงเข้าทำนองหัวเราะทีหลังดังกว่า ดังนั้นคุณต้องยืนระยะให้นานที่สุด เพื่ออุดปากขาแซะ แล้วนั่นคือที่ทีมเราทำกัน” พอล เปิดเผยบ้าง

https://twitter.com/mcten/status/1410513450199961603

“แล้วให้บ้าตายเถอะพวก ก่อนเพลย์ออฟชิงฯคอนเฟอเรนซ์ ผมมีประสบการณ์ติดโควิด ก็อยู่กักตัวอยู่บ้านพักที่แอลเอ ไม่ได้ล่มหัวจมท้ายกับทีมเมต”

“ดังนั้นการผ่านไปเล่นเอ็นบีเอ ไฟนัลส์ จึงมีความหมายมากแล้วผมไม่แค่ตอบสนองความอยากตัวเองแต่ทุกคนในห้องแต่งตัวต่างก็อยากชิงฯเหมือนกัน”      

‘ซีพี 3’ พลาดลงแข่งสองเกมแรกของซีรี่ส์นี้ตามมาตรการสุขภาพ/ความปลอดภัยจากโควิด-19 พอกลับมาแข่งได้ แต่ก็ยังสนิมเกาะเกมที่ 3-4 ชู้ตรวมลงแค่ 11 จาก 41 ครั้ง 

แต่วานนี้เข้าฝักส่งลง 16 จาก 24 ครั้ง (ยิงไกลลง 7 จาก 8 หน) แล้วมีอีก 8 แอสซิสต์