อลัน เชียเรอร์ ตำนานกองหน้า นิวคาสเซิ่ล ไม่สบายใจที่เห็นแฟนบอลเฮฮาหน้าสนามเหย้าหลังเทกโอเวอร์สโมสรสำเร็จไปอยู่ในมือกลุ่มทุนรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากประวัติแง่ลบของมกุฎราชกุมารซาอุฯดูเทามากๆ
‘สาลิกาดง’ เปลี่ยนมือเจ้าของจาก ไมค์ แอชลี่ย์ ที่ครองกว่า 14 ปีไปสู่กองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะจากซาอุดีอาระเบีย (พีไอเอฟ), พีซีพี แคปปิตอล พาร์ทเนอร์ ของ อะแมนด้า สเตฟลี่ย์ และ อาร์บี สปอร์ตส์ แอนด์ มีเดีย ของมหาเศรษฐีพี่น้องรูเบน ด้วยมูลค่า 305 ล้านปอนด์
มองเผินๆเหมือนเป็นการบอกลาเจ้าของจอมตืดที่เฉลี่ยอัดฉีดเงินเสริมทัพไม่เกิน 10 ล้านปอนด์ ไปสู่กลุ่มมหาเศรษฐีที่มั่นคั่งสุดของโลก
แต่หากแฟนบอล ‘ทูน อาร์มี่’ ไปศึกษาประวัติดีๆ อาจหน้าถอดสีเพราะเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย มีประวัติด่างเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน
“เรากำลังหลงดีใจเกินเหตุหรือเปล่า? ก็เพราะรู้กันทั่วโลก ฟังมาก็เยอะว่ามีหลักฐานเกี่ยวกับละเมิดสิทธิมนุษยชนในซาอุดีอาระเบีย, เราต้องศึกษาให้ถี่ถ้วน ว่ากำลังจะเจอกับอะไร”เจ้าของฉายา ’ฮอตช็อต’ร่ายผ่าน ‘ดิ แอธเลติค ยูเค’
https://twitter.com/TheAthleticUK/status/1446370022536982528
“สถานการณ์ฟุตบอลทำให้เราตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ทั้งสามารถนำไปสู่การเสแสร้งหลอกตัวเองอยู่ด้วย”
“อย่างเราเคยเกลียดไอ้ชั่วที่เสียบสกัดรุนแรงเมื่อมันเล่นให้ทีมอื่น กระทั่งตอนที่หมอนั่นเซ็นร่วมงานสโมสรเรา แล้วจากนั้นมันกลายเป็นไอ้ชั่วแห่ง นิวคาสเซิ่ล”
“สำหรับผมแล้วการเทกโอเวอร์สโมสรครั้งนี้ เรื่องของจริยธรรมไม่ได้ถูกหยิบยกเอามาเป็นเรื่องสำคัญให้คำนึง”
“ควรมีการทดสอบที่มาที่ไปเจ้าของสโมสรหรือผู้บริหารหรือไม่? บางทีพวกเขาอาจทำแล้ว หรือบางทีระบบของผู้อำนาจและเจ้าของทีมจำเป็นต้องปรับโฉมเพื่อสะท้อนคุณงามความดีของตัวเองออกมา”
ฟังจากน้ำเสียง เชียเรอร์ ทำให้ไอเดียเรื่องชักชวนเขาพร้อมกับ เควิน คีแกน ไปเป็นทูตสโมสรอาจโดนปฏิเสธ
