เอ็นเอฟแอล และ เอ็นเอฟแอลพีเอ (สมาคมผู้เล่นเอ็นเอฟแอล) เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่ามีผลทดสอบ 'โควิด-19' เป็นบวกเพิ่มจำนวนมากผิดปกติและทั้งสององค์กรกำลังพิจารณาปรับปรุงโปรโตคอลเพิ่มเติมในช่วง 4 สัปดาห์สุดท้ายของซีซั่นนี้เพื่อรับมือการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ตามรายงานจากอีเอสพีเอ็น

ตามรายงานจาก อดัม เชฟเตอร์ ผู้สื่อข่าวอีเอสพีเอ็นระบุว่ามีผลทดสอบ 'โควิด-19' เป็นบวกถึง 37 เคสเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตัวเลขเหล่านี้มีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ทีมส่วนใหญ่ทำการทดสอบผู้เล่นและบุคลากรที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว (ปกติจะทดสอบสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งต่างจากผู้เล่นที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนจะต้องทำการทดสอบทุกวัน) 

หากนำตัวเลขผลทดสอบเป็นบวกเมื่อวันจันทร์เปรียบเทียบกับผลการทดสอบตลอดช่วง 2 สัปดาห์ระหว่างวันที่ 14 พฤศจิกายนจนถึงวันที่ 27 พฤศจิกายนมีผลเป็นบวกเพียง 72 ครั้ง ทำให้มองเห็นถึงการเพิ่มจำนวนมากผิดปกติ ดังนั้น เอ็นเอฟแอล จึงแจ้งไปยังทีมต่างๆให้ลูกจ้างระดับ เทรียร์ 1, เทรียร์ 2 และผู้เล่น เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็ม 3 หรือบูสเตอร์โดสภายในวันที่ 27 ธันวาคมนี้ 

'เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ซีดีซี ได้เปิดเผยผลการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ได้รับอนุมัติอาจลดลงเมื่อเวลาผ่านไป และแนะนำว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนที่มีสิทธิ์ทุกคนที่มีอายุเกิน 18 ปี ควรได้รับวัคซีนกระตุ้น เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสในชุมชนของเราเพิ่มมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญของเราได้แนะนำให้เราใช้คำแนะนำของ ซีดีซี' บันทึกช่วยจำของเอ็นเอฟแอลเผย

การแพร่ระบาดของเชื้อ 'โควิด-19' สายพันธุ์โอมิครอนส่งผลกระทบต่ออย่างน้อย 5 ทีมคือ แอตแลนต้า ฟอลค่อนส์, ดีทรอยท์ ไลออนส์, มินเนโซต้า ไวกิ้งส์, ชิคาโก้ แบร์ส และ วอชิงตัน ฟุตบอล ทีม ซึ่งทำให้ลีกเอ็นเอฟแอลต้องปรับปรุงโปรโตคอล 'โควิด-19' เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะต้องมีการทดสอบทุกวันโดยไม่คำนึงถึงสถานะการฉีดวัคซีน