เลสเตอร์ ซิตี้ ที่พ่ายยับต่อ แมนฯ ซิตี้ 3-6 ในนัดล่าสุด ได้กลับมาเล่นในบ้านและเรียก เจมี่ วาร์ดี้ คืนตัวจริง ส่วน ลิเวอร์พูล ได้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ ฟาบินโญ่ หายจากโควิดกลับมาเล่น แนวรุกส่ง มฮาเหม็ด ซาลาห์, ดีโอโก้ โชต้าา และ ซาดิโอ มาเน่ ประสานงานร่วมกัน

เริ่มเกมมาเพียง 15 นาที ลิเวอร์พูล มีโอกาสออกนำเมื่อได้จุดโทษในจังหวะที่ วิลฟรีด เอ็นดีดี้ ไปทำฟาวล์ โมฮาเหล็ด ซาลาห์ และเป็น ซาลาห์ รับหน้าที่ยิง ทว่าซัดไปติดเซฟ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ส่วนจังหวะซ้ำก็โหม่งไปชนคานอย่างน่าเสียดาย

หงส์แดงเกือบตีเสมอได้ในนาที 23 จากจังหวะเปิดบอลของ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ที่ข้ามหัว จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กระดอนพื้นหวิดเบียดโคนเสาแรกแต่ยังไม่ผ่าน แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ตบทิ้งเอาไว้ได้

นาที 27 เป็นโอกาสของ ลิเวอร์พูล อีกครั้งจากลูกตั้งเตะที่เป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้ส่องหน้าเขตโทษ ทว่าบอลโด่งข้ามคานออกหลังไป

หงส์แดงน่าจะได้สุดๆ ในอีก 5 นาทีถัดมา จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ยกบอลเข้าเขตโทษแนวรับ เลสเตอร์ สกัดไม่ดีกลายเป็นตั้งให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซัดด้วยซ้ายติดปลายมือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผวาปัดทิ้งเหลือเชื่อ

ท้ายครึ่งแรกนาที 38 เลสเตอร์ มีลุ้นจากจังหวะโต้กลับที่ เจมี่ วาร์ดี้ จ่ายบอลให้ เจมส์ แมดดิสัน ยิงด้วยขวามุมแคบ ทว่าไม่เข้ากรอบ จากนั้นจบครึ่งแรกเสมอกัน 0-0   

ครึ่งหลังนาที 57 หงส์แดงมีโอกาสเมื่อ ฟาบินโญ่ จ่ายบอลให้ ซาดิโอ มาเน่ ซัดด้วยขวาจากหน้าเขตโทษ แต่ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ก็เซฟเอาไว้ได้ 

ทว่าอีก 2 นาทีถัดมาเป็นทางฝั่ง เลสเตอร์ ออกนำ 1-0 เมื่อ เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์ จ่ายบอลจากซ้ายให้ อเดโมล่า ลุคแมน ตัวสำรองที่เพิ่งลงได้นาทีเดียวแตะหนึ่งจังหวะก่อนเอี้ยวตัวยิงส่งบอลผ่านมือ อาลีสซง เข้าไป

ช่วงเวลาที่เหลือ ทีมเยือนลุยอย่างหนักแ และมี โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ลงมาแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในนาที 70 เพื่อเสริมเกมรุกเต็มตัว 

นาที 82 ได้ลุ้นจากเตะมุมที่ ดีโอโก้ โชต้า ลอยตัวโขกไม่มีคนประกบ ทว่าบอลโดนไม่เต็มหน้าผากทำให้หลุดเสาออกหลังไป

จากนั้นจบเกม เลสเตอร์ แก้ตัวเปิดบ้านพลิกชนะ ลิเวอร์พูล 1-0