สองทีมโซนท้ายตารางเปิดศึกแย่ง 3 แต้มที่มีผลต่อการลุ้นหนีตาย วัตฟอร์ด ส่ง เอ็มมานูเอล เดนนิส และ ชูเอา เปโดร นำแนวรุก ส่วน นอริช ซิตี้ มี ตีมู ปุ๊กกี้ เป็นความหวัง 

เริ่มเกมมา 20 นาทีแรก นอริช ซิตี้ ต้องใช้โควตาเปลี่ยนตัวเร็วเมื่อ ยาค็อบ โซเรนเซ่น มีปัญหาบาดเจ็บ เคนนี่ แม็คลีน จึงได้ลงเล่นแทน 

นาที 32 วัตฟอร์ด มีโอกาสจากลูกเตะมุมที่ ซาเมียร์ กองหลังตัวใหม่ได้โหม่ง แต่บอลไม่ห่างตัว แองกัส กันน์ รับเข้าซองเอาไว้ได้

ช่วง 15 นาทีท้ายของครึ่งแรก วัตฟอร์ด คอนโทรลเกมได้เหนือกว่าชัดเจน และมีโอกาสในช่วงทดเจ็บที่ ชูเอา เปโดร แหวกทางขวาของเขตโทษก่อนเลือกจิ้มเอง บอลไปตรงตัว แองกัส กันน์ ขณะที่ เอ็มมานูเอล เดนนิส หัวเสียที่เพื่อนไม่จ่ายให้ทั้งที่ตำแหน่งรอยิงดีกว่า 

จากนั้นมีลุ้นอีกจังหวะ เดนนิส จ่ายให้ ซิสโซโก้ ยิงในเขตโทษ แต่โดนไม่เต็ม บอลจึงหลุดออกหลังไป ทำให้จบครึ่งแรกสกอร์ยังเสมอ 0-0

ครึ่งหลังเป็น นอริช ซิตี้ ที่นำก่อน 1-0 ในจังหวะที่ ปุ๊กกี้ ขยันไล่บอลจนแย่งบอลได้สุดเส้นหลังก่อนเปิดให้ จอช ซาร์เจนท์ ที่แม้บอลย้อนหลังแต่ก็โชว์สัญชาตญาณเกี่ยวยิงด้วยข้างเท้าด้านนอกส่งบอลชนคานก่อนเด้งข้ามเส้นเป็นประตู

เกมมาถึงนาทีที่ 60 ไฟในสนามวิคาเรจ โร้ด ก็ดับบางส่วน ก่อนใช้เวลาแก้ไขนาน 11 นาทีจึงกลับมาแข่งต่อได้ 

กลับมาเล่นกันต่อไป 3 นาที นอริช เป็นฝ่ายขยับหนี 2-0 มิล็อต ราชิซ่า เปิดบอลจากฝั่งซ้ายให้ จอช ซาร์เจนท์ ลอยตัวโขกส่งบอลลงพื้นก่อนเข้าประตูไป เป็นประตูที่ 2 ในเกมนี้ของแข้งชาวอเมริกัน 

สถานการณ์ของ วัตฟอร์ด เลวร้ายลงไปอีกเมื่อเหลือผู้เล่น 10 คนในนาที 78 หลังจาก เอ็มมานูเอล เดนนิส ได้ใบเหลืองที่สองจากการทำฟาวล์ แม็กซ์ อารอนส์ ทำให้ถูกไล่ออกจากสนาม

นาที 90 วัตฟอร์ด ฮึดส่งบอลตุงตาข่ายได้จากการวอลเลย์สุดสวยของ มุสซ่า ซิสโซโก้ ทว่าล้ำหน้าเสียก่อน จากนั้นผู้ตัดสินที่สี่ชูป้ายทดเจ็บนานถึง 15 นาทีเพราะเหตุไฟดับบวกอาการบาดเจ็บ

ช่วงทดเจ็บ ทีมเยือนได้อีกประตู อดัม ไอดาห์ ตวัดบอลจากสุดเส้นฝั่งขวาไปหน้าประตู ยูราย คุชก้า ตัวสำรองเจ้าถิ่นสกัดผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเองไปอย่างโชคร้าย นอริช ซิตี้ จึงนำห่าง 3-0

จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นอีก จบเกม นอริช บุกชนะ วัตฟอร์ด 3-0 ทำให้เก็บเพิ่มเป็น 16 คะแนน พร้อมแซง วัตฟอร์ด ขึ้นไปอยู่ที่ 17 ของตาราง