เจมส์ พัลล็อตต้า อดีตประธานสโมสร โรม่า ได้เปิดเผยถึงเหตุผลที่ว่าทำไมสโมสรจำใจขายผู้เล่นอย่าง อาลีสซง เบ็คเกอร์ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สองสตาร์ ลิเวอร์พูล ในปัจจุบันออกจากทีม
นักลงทุนชาวอเมริกันได้อ้างว่าเขาได้ซื้อสโมสรที่ล้มละลาย โดยกลายเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของพลพรรค จัลโล่รอสซี่ ต่อจากตระกูล เซนซี่ เมื่อปี 2011
พัลล็อตต้า วัย 63 ปี รับผิดชอบ โรม่า เกือบ 10 ปี จนกระทั่งเขาขายสโมสรต่อไปให้กับตระกูล ฟรีดกิ้น ในเดือนสิงหาคม ปี 2020
มีผู้เล่นระดับโลกหลายคนที่อยู่กับทีมในเวลานั้น และในที่สุดก็ถูกขายออกไป อาทิ ซาลาห์, อาลีสซง, รัดย่า นาอิงโกลัน, มาร์กินญอส และ เอดิน เชโก้
"ผมมองไปยังทีมของเรา และบอกตรงๆ ว่าถ้าไม่ใช่เรื่องกฎควบคุมการเงินที่บังคับให้เราต้องขายผู้เล่น โรม่า จะเป็นอันดับหนึ่งในวันนี้" พัลล็อตต้า กล่าว
"ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เรามี ซาลาห์, นาอิงโกลัน, เชโก้, (มิราเล็ม) เปียนิช, (เควิน) สตรอทมัน, (เลอันโดร) ปาเรเดส, เอแมร์ซอน พัลมิเอรี่, (คอสตาส) มาโนลาส, (เมห์ดี้) เบนาเตีย และ มากินญอส"
"ไม่มีทีมใดนอกจาก ยูเวนตุส ที่คว้าแชมป์สคูเด็ตโต้ในช่วงปี 2012 ถึง 2020 เราเข้าเส้นชัยได้ 2 ครั้ง และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก"
"ทีมที่เราซื้อตอนปี 2011 แตกต่างอย่างมากจากทีมที่เราขาย"
"เราสืบทอดสโมสรที่มีหนี้สินมหาศาล รายได้ต่ำ มันเหมือนบุคคลล้มละลาย ผมไม่สนใจว่าเจ้าของคนก่อนจะพูดอะไร"
"เราเจรจาซื้อกับ Unicredit และหากผมกำลังดีลกับแบงก์ มันก็หมายความว่าแบงก์นั้นเป็นเจ้าของสโมสร"
อย่างไรก็ตาม ในยุคของ พัลล็อตต้า ทีมจากถิ่นสตาดิโอ โอลิมปิโก ไม่เคยประสบความสำเร็จคว้าแชมป์รายการใดๆ เลย
