ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

แมนฯ ซิตี้ 4 - แมนฯ ยูไนเต็ด 1

สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม

เริ่มเกมมาแค่ 5 นาที แมนฯ ซิตี้ ออกนำเร็ว 1-0 เมื่อ แบร์นาร์โด้ ซิลวา เปิดเรียดจากกราบซ้ายเข้ากลางให้ เควิน เดอ บรอยน์ สอดมาซัดกลางประตูตุงตาข่ายไม่เหลือ

แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสเอาคืนในนาทีที่ 8 จากลูกที่ เฟร็ด ได้ทะลุเข้าไปจิ้ม แต่ติด เอแดร์ซอน ที่ผวาออกมาบล็อคได้เร็วมาก

รูปเกมของ เรือใบ เหนือกว่าอย่างชัดเจน นาทีที่ 17 เกือบบวกสกอร์เพิ่ม โรดรี้ จ่ายให้ เควิน เดอ บรอยน์ เบียดแนวรับ ผีแดง เข้าไปยิงในเขตโทษด้านซ้าย แต่ ดาบิด เด เคอา ยังล้มตัวปัดไว้ได้

กระนั้น นาทีที่ 22 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ตีเสมอได้ 1-1 จากจังหวะสวนกลับ ปอล ป็อกบา ขวางบอลสุดสวยออกซ้ายให้ เจดอน ซานโช่ ควบขึ้นไปลากตัดเข้ากลางแล้วปั่นบอลด้วยเท้าขวาจากระยะ 18 หลา ส่งลูกพุ่งเสียบเสาไกลสวยงาม

แต่นาทีที่ 28 ซิตี้ ก็มานำอีกครั้งเป็น 2-1 ฟิล โฟเด้น กระดกหนี ลินเดอเลิฟ หลุดไปยิงในเขตโทษติดเซฟ เด เคอา บอลชุลมุนพักใหญ่ก่อนเป็น เดอ บรอยน์ ที่ยิงเน้นๆ ตุงตาข่ายไม่เหลือ

ครึ่งหลัง รูปเกมก็ยังเป็น ซิตี้ ที่เดินหน้าบุกหนักเหมือนเดิม และมีลุ้นหนีห่างหลายครั้งจากทั้ง ริยาด มาห์เรซ และ โฟเด้น โดยนาทีที่ 62 เด เคอา ก็ต้องออกแรงเซฟลูกยิงของ เดอ บรอยน์ ด้วย

นาทีที่ 68 เรือใบ ที่บุกต่อเนื่องมาหนีห่าง 3-1 จนได้ เมื่อ เดอ บรอยน์ เปิดเตะมุมจากฝั่งซ้ายย้อนมาหน้าเขตโทษให้ มาห์เรซ สอดมายิงแบบไม่จับส่งบอลผ่านมือ เด เคอา เสียบมุมประตูสุดสวย

นาทีที่ 81 ซิตี้ น่าได้เพิ่มอีก ไคล์ วอล์คเกอร์ โยนไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ ชูเอา กานเซโล่ กระโดดตีลังกายิงจะย้อนเสียบเสาไกลอยู่แล้ว แต่ เด เคอา ก็ยังพุ่งปัดไว้ได้

ไม่แค่นั้น เรือใบ มาตอกฝาโลงอีกในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 2 เมื่อ กุนโดกัน ลากมาก่อนไหลทะลุช่องให้ มาห์เรซ หลุดเข้าไปอัดด้วยซ้ายแสกหน้า เด เคอา ตุงตาข่าย จบเกม แมนฯ ซิตี้ ถล่ม แมนฯ ยูไนเต็ด 4-1

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

แมนฯ ซิตี้ : เอแดร์ซอน - ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, เอมเมอริก ลาปอร์กต์, ชูเอา กานเซโล่ - เควิน เดอ บรอยน์, โรดรี้ เอร์นานเดซ, แบร์นาร์โด้ ซิลวา - ริยาด มาห์เรซ, ฟิล โฟเด้น, แจ็ค กรีลิช

แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา - อารอน วาน บิสซาก้า, วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, อเล็กซ์ เตลลิส - สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด - เจดอน ซานโช่, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, ปอล ป็อกบา - แอนโธนี่ อีลังก้า

ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์