รายงานจาก ‘ซัน สปอร์ต’ ว่า’สิงห์บลูส์’กำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลัง โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมชาวรัสเซียประกาศขายสโมสร และถูกรัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศคว่ำบาตรเนื่องจากมีความเกี่ยวข้อง วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ที่สั่งกองกำลังทหารบุกรุกรานประเทศยูเครน 

โดยช่วงที่ผ่านมา มีมหาเศรษฐีหลายคนที่ตกเป็นข่าวสนใจเข้าซื้อสโมสร เชลซี ต่อจาก อบราโมวิช โดยที่มีชื่อของ นิค แคนดี้ เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ชาวอังกฤษซึ่งเป็นแฟนพันธุ์แท้ของทีม หรือ โมฮาเหม็ด อัลเคเรจี เจ้าของ ซาอุดี มีเดีย กรุ๊ป กลุ่มทุนจากประเทศซาอุดีอาระเบีย รวมด้วย 

https://twitter.com/SunSport/status/1503869420917211140

ล่าสุดก็ปรากฏชื่อมิสเตอร์จอห์นสัน นักธุรกิจจากอีกฟากมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งมีปูมหลังเป็นผู้สนับสนุนอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมบิดแย่งคุมกิจการในสแตมฟอร์ด บริดจ์

แม้ตัวเลข 2 พันล่านปอนด์ น้อยกว่าที่ ‘ซาอุดี มีเดีย กรุ๊ป’พร้อมเสนอ 2.7 พันล้านปอนด์ แต่โอกาสที่มิสเตอร์ จอห์นสัน จะเป็นผู้ชนะมีมากกว่าเพราะสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับเส้นสายในกรุงลอนดอน 

นอกจากนั้นกลุ่มทุนที่จะเสนอซื้อกิจการ เชลซี ยังถูกแนะนำให้แจ้งพื้นเพของตัวเองว่าร่ำรวยมาจากไหน, รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่จากส่วนใดของโลกเป็นกรณีพิเศษ, เจตนารมณ์และแผนงานนำพาสโมสรไปสู่อนาคต 

สำหรับมหาเศรษฐีวัย 74 ปีคือคนอเมริกันผิวขาวทายาทบริษัทเภสัชกรรม จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เตรียมหารือกับ เรน กรุ๊ป เป็นนายหน้าจัดการเรื่องกระบวนการยื่นซื้อ ‘สิงห์บลูส์’

มิสเตอร์ จอห์นสัน ยังเข้าใจวัฒนธรรมของสโมสร เชลซี และพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่างดีเพราะมีโอกาสมาใช้ชีวิตที่กรุงลอนดอน ฐานะเอกอัคราชทูต แห่งสหรัฐฯ ประจำสหราชอาณาจักร ในยุคที่ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งปธน.

ด้านแบ็คกราวน์ดวงการกีฬาก็เป็นเจ้าของทีมอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล นิวยอร์ก เจ็ตส์ มาตั้งแต่ปี 2000