พีท แคร์โรลล์ หัวหน้าโค้ช ซีแอตเทิ่ล ซีฮอร์คส์ ยืนยันว่าเขาพอใจกลุ่มควอร์เตอร์แบ็กชุดปัจจุบันหลังผ่านพ้นร่างดราฟท์ 2022 โดยไม่มีการเลือกจอมทัพคนใหม่ แม้ว่าพวกเขาจะเทรด รัสเซลล์ วิลสัน ไป เดนเวอร์ บร็องโก้ส์ ในช่วงปิดฤดูกาลนี้ก็ตาม จากรายงานของเอ็นเอฟแอลเน็ตเวิร์คเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา 

ซีแอตเทิ่ล ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นจุดลงจอดที่เป็นไปได้สำหรับควอร์เตอร์แบ็กในร่างดราฟท์ 2022 แต่ท้ายที่สุด ซีฮอร์คส์ ไม่เลือกควอร์เตอร์แบ็กใหม่จากดราฟท์ทั้ง 9 คนของพวกเขา เนื่องจากเฮดโค้ช แคร์โรลล์ พอใจกับกลุ่มจอมทัพชุดปัจจุบันที่มี จีโน่ สมิธ, เจค็อบ อีสัน และ ดรูว์ ล็อค ที่ย้ายมาจาก เดนเวอร์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเทรด วิลสัน แม้จะมีข่าวสนใจเทรด เบเกอร์ เมย์ฟิลด์ จาก คลีฟแลนด์ บราวน์ส ด้วยเช่นกัน

ก่อนจะเข้าสู่การทำกิจกรรมช่วงปิดฤดูกาล 3 สัปดาห์ที่จะกำลังเริ่มต้น ซีฮอร์คส์ จะเดินหน้าต่อไปด้วย สมิธ, ล็อค และ อีสัน โดยคาดว่าสองรายแรกจะต่อสู้กันเพื่อแย่งตำแหน่งควอร์เตอร์แบ็กตัวจริงในเกมสัปดาห์แรกของซีซั่น 2022 เว้นแต่พวกเขาจะค้นพบสิ่งที่กำลังมองหาในที่สุด 

'เราแข่งขันกันเสมอ นั่นคือทั้งหมดที่เรารู้วิธีการทำที่นี่ เราจะตรวจสอบทุกอย่างที่เป็นไปได้เสมอ' แคร์โรลล์ กล่าวถึงห้องควอร์เตอร์แบ็กของ ซีฮอร์คส์ 'ตอนนี้รู้สึกตื่นเต้นจริงๆที่ได้เห็นคนเหล่านี้ครั้งแรก และเราจะได้เห็นกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เรากำลังแข่งขันกันเสมอ เรากำลังมองหาเสมอ'

เมื่อถูกถามว่า ซีฮอร์คส์ จะเป็นจากการ 'มอง' เป็นการ 'เพิ่ม' ในอนาคตอันใกล้นี้หรือไม่ แคร์โรล์ ตอบว่า 'จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วขนาดนั้น เรามีความสุขมากกับคนที่เรามีอยู่ ได้เห็นพวกเขาต่อสู้ และเราจะได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น คุณไม่มีทางรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เราจะมองหาเสมอ'

แคร์โรลล์ ยังกล่าวถึงโอกาสของ ล็อค อดีตคควอร์เตอร์แบ็ก บร็องโก้ส์ ที่จะแข่งขันกับ สมิธ โดยรายแรกเหลือเวลาอีกหนึ่งปีในสัญญารุคกี้ว่า 'เขาเข้ามาเพื่อแข่งขันกับพวกเราที่นี่'

'จีโน่ สมิธ คือคนที่เล่นให้เรามากที่สุดและมีภูมิหลังมากที่สุด ดังนั้น ดรูว์ จึงอยู่ในโหมดไล่ตามในตอนนี้ เราจะลงสนามครั้งแรกในวันจันทร์และมีโอกาสจะได้เห็นสิ่งที่เขาทำ'

'ผมรักศักยภาพ เรารักคนที่ออกมา ผมชอบเขาในวัฒนธรรมของเราและวิธีที่เราจะเข้าใกล้สิ่งต่างๆ เราจะสนับสนุนเด็กคนนี้และให้โอกาสเขาในการค้นหาสิ่งดีที่สุดที่เขามีให้ ผมคิดว่าเขาจะทำมันจริงๆ เราจะดูว่ามันจะไปได้ไกลแค่ไหน'