สำหรับลีกสูงสุดผู้ดีฤดูกาลใหม่แมตช์เดย์แรกจะเตะเร็วขึ้นกว่าปกติ 1 สัปดาห์ มาลงหวดตั้งแต่ศุกร์ที่ 5 ส.ค. ลากจนถึง อาทิตย์ที่ 7 ส.ค. ส่วนกำหนดจบแมตช์เดย์#38 ก็ช้าลงหนึ่งอาทิตย์เช่นกันมาเป็น 28 พ.ค. 2023 ผลสืบเนื่องจากทัวร์นาเมนต์ ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ 2022 ที่กาตาร์ ปลายปีนี้ 

แล้วมันส่งผลให้ลีกต้องแบ่งแข่งสองช่วง โดยแมตช์เดย์#16 จะฟาดเกือกเสร็จสุดสัปดาห์ 12 พ.ย. ก่อนฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย เปิดสนาม 1 สัปดาห์ 

จากนั้นพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะกลับมาเล่นอีกครั้งช่วงเทศกาลบ็อกซิ่ง เดย์ หลังจบนัดชิงฯ เวิลด์ คัพ 8 วัน 

กำหนดแข่งขันที่ไล่เรียงออกมาเริ่มจากศุกร์ที่ 5 ส.ค.คริสตัล พาเลซ เปิดบ้านรับมือ อาร์เซน่อล 

ต่อด้วยเสาร์ที่ 6 ส.ค. น้องใหม่ ฟูแล่ม เจอโจทย์หิน ลิเวอร์พูล เตะคู่เที่ยงครึ่ง, คู่บ่าย 3 บอร์นมัธ - แอสตัน วิลล่า, ลีดส์ - วูล์ฟส์, เลสเตอร์ - เบรนท์ฟอร์ด, นิวคาสเซิ่ล - ฟอเรสต์, สเปอร์ส - เซาธ์แฮมป์ตัน และคู่ 17:30 น.เอฟเวอร์ตัน - เชลซี 

ตามติดที่วันอาทิตย์ที่ 7 ส.ค. เทน ฮาก เจิมหน้าที่ต่อหน้าแฟนบอลของ โอลด์ แทรฟฟอร์ด พบ ไบรท์ตัน จากนั้นปิดสัปดาห์ที่ลอนดอน สเตเดี้ยม ‘ขุนค้อน’ รับมือแชมป์เก่า ‘เรือใบสีฟ้า’ ที่ติดอาวุธด้วย เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ 

อีกนัดไฮไลท์ของเดือนส.ค.คือ ‘แดงเดือด’ ซึ่ง ยูไนเต็ด เปิดโรงละครแห่งความฝัน พบ ’หงส์แดง’ ตั้งแต่เกมที่สามของซีซั่น ทาง เทน ฮาก จะได้ล้างแค้นแทน โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กับ ราล์ฟ รังนิก โดนไปคนละ 5 และ 4 เม็ดตามลำดับ

https://twitter.com/premierleague/status/1537344234998575106

นอกจากโปรแกรมเตะอย่างเป็นทางการแล้ว ทางผลิตภัณฑ์กีฬา ไนกี้ ยังอวดโฉมลูกฟุตบอลรุ่นใหม่ โดยได้แรงบันดาลใจจากเมื่อ 3 ทศวรรษก่อนที่เปลี่ยนจาก ดิวิชั่น 1 (เดิม) สู่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จนเติบโตขึ้นเป็นลีกที่มีผู้ติดตามมากสุดของโลก