"ราชันชุดขาว" ขาดตัวหลักไปหลายคนไม่วาจะเป็น ลูก้า โมดริช กับ โทนี่ โครส ที่บาดเจ็บ แถมยังพัก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ กาเซมีโร่ เกมรุกต้องให้ แกเร็ธ เบล แบกทีม ส่วน "นกแก้ว" วาง เคราร์ด โมเรโน่ เป็นหน้าเป้า

เริ่มเกมมานาทีที่ 7 มาดริดได้ลุ้นก่อนจากจังหวะเตะมุม แกเร็ธ เบล ได้โขกจ่อๆ แต่ติดเซฟนายทวารเจ้าถิ่น

นาที 29 เอสปันญ่อล ส่งบอลตุงตาข่ายได้จากจังหวะที่ การ์ลอส ซานเชซ ยิงไกล เคราร์ด โมเรโน่ เกี่ยวบอลได้ก่อนกลับตัวยิงตุงตาข่าย ทว่าไลน์แมนยกธงย้ำหน้าแต่จากภาพช้ายืนแทบจะแนวเดียวกับ มาร์กอส ยอเรนเต้ กองหลังเรอัล มาดริด ทำให้จบครึ่งแรกยังเสมอ 0-0

ครึ่งหลัง รูปเกมของผู้มาเยือนยังไม่ดีขึ้นต้องถอด อีสโก้ ออกแล้วส่ง คาริม เบนเซม่า ลงมาแทนในนาที 69 

เอสปันญ่อลน่าจะได้ประตูสุดๆ ในนาที 68 ที่ได้ลุ้น 2 ครั้งซ้อนจากจังหวะแรก เซร์คิโอ การ์เซีย เปิดให้ โมเรโน่ ได้โขกจ่อๆ แต่ติดมือ เกย์เลอร์ นาวาส และไม่กี่อึดใจถัดมา การ์เซีย ได้เก็บตกหน้าเขตโทษก่อนวอลเล่ย์แบบไม่ต้องจับ บอลหลุดกรอบแบบได้เสียว

ท้ายเกมนาที 88 เจ้าถิ่นมีลุ้นอีกครั้งเมื่อ โมเรโน่ หลุดเข้าเขตโทษฝั่งขวาก่อนล็อกหนี เซร์คิโอ รามอส แล้วยิงด้วยซ้าย บอลพุ่งผ่านเสาไกลออกหลังไป 

ช่วงทดเจ็บ เอสปันญ่อล เอาประตูนำ 1-0 จนได้จากจังหวะบุกทางฝั่งขวา เซร์คิโอ การ์เซีย โยนเข้าเขตโทษให้ เคราร์ด โมเรโน่ เอี้ยวตัวยิงด้วยขวาส่งบอลตุงตาข่ายสวยงาม

จบเกมเอสปันญ่อล เฉือนชนะ เรอัล มาดริด 1-0 มีเพิ่มเป็น 31 คะแนน ขึ้นมาอยู่ที่ 13 ส่วน มาดริด มี 51 คะแแนน รั้งอันดับ 3 และตามหลังบาร์เซโลน่ามากถึง 14 คะแนน