ที่ เอติฮัด สเตเดียม เป็นเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก กลุ่ม จี ระหว่าง เรือใบสีฟ้า เปิดบ้านรับมือ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 

45 นาทีแรก เรือใบสีฟ้า ครองเกมได้เยอะกว่าตามที่หลายฝ่ายคาดไว้ แต่ปัญหาหลักคือการเข้าทำที่ยังไม่ชัดเจนและไม่มีโอกาสจะแจ้งมาพอทำให้จบด้วยสกอร์ 0-0

เล่นมาถึงนาทีที่ 56 ดอร์ทมุนด์ ออกนำก่อน 1-0 จากเตะมุมทางซ้ายบอลโดนเสยไปเสาไกล มาร์โค รอยส์ กึ่งยิงกึ่งผ่านเข้ากลางประตู จู๊ด เบลลิงแฮม โขกเปลี่ยนทางเสียบตาข่าย 

แมนฯ ซิตี้ พยายามเอาคืน นาทีที่ 66 เควิน เดอ บรอยน์ แทงขึ้นมาให้ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ วิ่งไปยิงส่งบอลเช็ดเสาด้านนอกออกหลังน่าเสียดาย

เรือใบสีฟ้า ตีเสมอในนาที 80 เควิน เดอ บรอยน์ แตะเข้ามาหน้าเขตโทษ จอห์น สโตนส์ แต่งแล้วยิงด้วยขวาบอลพุ่งแหวกอากาศเสียบตาข่ายแบบสุดสวย

ซิตี้ แซงนำ 2-1 ในนาที 84 จากความสุดยอดของ ชูเอา กานเซโล่ จ่ายแบบดีดไซด์ก้อยเข้าเขตโทษทางขวา เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ลอยตัวจิ้มบอลเสียบตาข่ายทีมเก่า

จบเกม แมนฯ ซิตี้ แซงชนะ ดอร์ทมุนด์ ไปแบบสนุก 2-1 คว้า 6 คะแนนเต็ม

ส่วนอีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน โคเปนเฮเก้น เปิดบ้าน เซบีย่า ไปแบบไม่มีสกอร์ 

มากันที่ กลุ่ม อี เป็นศึกของ เชลซี เปิดสนาม แสตมฟอร์ด บริดจ์ ดวลกับ ซัลซ์บวร์ก ยอดทีมจากประเทศออสเตรีย

ในช่วงครึ่งแรก สิงโตน้ำเงินคราม ที่ประเดิมเจ้านายใหญ่ แกรม พ็อตเตอร์ พยายามครองบอลและกดดันใส่ทีมเยือน กระนั้นจังหวะจบสกอร์ยังไม่ชัดเจนมากพอ

ครึ่งหลังผ่านไป 3 นาที เชลซี ขึ้นนำ 1-0 เมสัน เมาท์ ปาดจากทางขวาหลุดไปถึง ราฮีม สเตอร์ลิง แต่งหนึ่งจังหวะก่อนปั่นด้วยขวาเข้ามุมเสาไกล

แต่นาทีที่ 75 ซัลซ์บวร์ก ตีเสมอ 1-1 ชิกวูบุยเก้ อาดามู หลุดมาทางขวาก่อนปาดเข้ากลางให้ โนอาห์ โอคาฟอร์ ยิงเรียดผ่านมือ เกปา เสียบตาข่าย 

เชลซี พยายามทำประตูชัยแต่ไม่สำเร็จ จบเกมเสมอกันไป 1-1 โดยทาง สิงโตน้ำเงินคราม มีแต้มเดียวจาก 2 นัด