รอบตัดเชือกคู่แรกของศึกชิงแชมป์สโมสรโลก ฟลาเมงโก้ ทีมแชมป์อเมริกาใต้จากบราซิลส่ง ดาวิด ลุยซ์ กองหลังจอมเก๋าคุมเกมรับ โดยมี กาเบรียล บาร์โบซ่า ล่าตาข่าย ส่วน อัล ฮิลาล ทีมแชมป์เอเชียจากซาอุฯ มีแข้งดังอย่าง มุสซ่า มาเรก้า, โอเดียน อีกาโล่ และ ลูเซียโน่ เวียตโต้ ประสานงานในเกมรุก

เริ่มเกมมาเพียง 4 นาทีแรก อัล ฮิลาล ได้จุดโทษแต่หัววันเมื่อ เวียตโต้ โดน มาเตอูซินโญ่ ทำฟาวล์ ก่อนเป็น ซาเล็ม อัล ดอว์ซาวี่ รับหน้าที่สังหารเข้าไปเป็น 1-0

ฟลาเมงโก้ ตามตีเสมอ 1-1 ได้ในนาที 20 มาเตอูซินโญ่ ตวัดบอลจากหน้าเขตโทษให้ เปโดร ยิงจังหวะเดียวด้วยขวาไม่ต้องจับ บอลพุ่งเข้าเสาไกลอย่างแม่นยำ  

ช่วงทดเจ็บ ผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์ก่อนชี้ขาดว่า แชร์ซอน ไปเหยียบส้นเท้า เวียตโต้ ในเขตโทษ อัล ฮิลาล จึงได้จุดโทษอีกครั้งพร้อมแจกเหลืองสองให้ แชร์ซอน ทำให้ถูกไล่ออกจากสนาม ขณะที่ ซาเล็ม อัล ดอว์ซาวี่ รับหน้าที่ยิงจุดโทษอีกครั้งและไม่พลาดส่งให้ทีมจากซาอุฯ นำ 2-1 ในครึ่งแรก

ครึ่งหลังนาที 59 ฮัล ฮิลาล เกือบได้จากจังหวะที่ มุสซ่า มาเรก้า เปิดบอลให้ คาลิฟาห์ อัล ดอว์ซาวี่ ยิงด้วยขวาจ่อๆ ทว่าบอลชนคานอย่างจัง 

นาที 70 อัล ฮิลาล นำห่าง 3-1 จนได้จากการตัดบอลกลางสนามแล้วโจมตีทันที ซาเล็ม อัล ดอว์ซาวี่ โยนบอลจากซ้ายมาเขตโทษฝั่งขวา ลูเซียโน่ เวียตโต้ ได้ดึงลงก่อนยิงด้วยขวาส่งบอลแสกหน้า โดส ซานโตส เช็ดคานเข้าประตูไปอย่างเด็ดขาด

ช่วงทดเจ็บ ฟลาเมงโก้ ทวงคืนได้อีกลูกจากจังหวะที่ กาเบรียล บาร์โบซ่า ยิงติดบล็อกแฉลบเข้าทาง เปโดร ได้ซ้ำจ่อๆ เข้าไปเป็นประตูที่สองของตัวเอง ทว่าได้แค่นี้ทำให้จบเกมเป็น อัล ฮิลาล ที่ชนะ 3-2 ได้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศรอพบผู้ชนะระหว่าง เรอัล มาดริด กับ อัล อาห์ลี ในวันเสาร์นี้