เริ่มเกมมาช่วง 5 นาทีแรก อินเตอร์ มิลาน มีลุ้นสองครั้งซ้อนจาก เลาตาโร่ มาร์ตีเนซ กองหน้าตัวเก่ง แต่ว่ายังไม่ผ่านมือ บาร์ทโลเมียจ ดรากอฟสกี้ นายทวารของเจ้าถิ่น

อินเตอร์ มาได้จุดโทษในนาที 12 หลังจาก มัตเตีย คัลดาร่า ไปทำฟาวล์ ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ ก่อนเป็น เลาตาโร่ มาร์ตีเนซ รับหน้าที่ยิงไปขวามือตัวเอง ทว่า ดรากอฟสกี้ พุ่งถูกทางเซฟเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

ทีมเยือนหาโอกาสได้ต่อเนื่อง นาที 29 เฮนริค มคิทาร์ยาน ได้โอกาสวอลเลย์หน้าเขตโทษ บอลโด่งข้ามคานไม่มาก

เจ้าถิ่นมีลุ้นบ้างในอีก 4 นาทีถัดมา อกูเดโล่ ชิพข้ามตัว ฮันดาโนวิช แต่ชนคานอย่างน่าเสียดาย

จากนั้น เลาตาโร่ มาร์ตีเนซ ได้ลุ้นอีกในนาที 42 หลังรับบอลจาก นิโคโล่ บาเรลล่า ก่อนยิงด้วยขวาหน้าเขตโทษ แต่ ดรากอฟสกี้ ก็ยังป้องกันเอาไว้ได้ 

จนแล้วจนรอด อินเตอร์ ไม่สามารถขึ้นนำได้ใน 45 นาทีแรก แม้เป็นฝ่ายหาโอกาสลุ้นยิงประตูได้มากถึง 16 ครั้ง  

ครึ่งหลัง อินเตอร์ อดได้ประตูขึ้นนำ ดาร์เมียน ตบเข้าในให้ เลาตาโร่ โหม่งตุงตาข่ายแล้ว แต่โดนจับล้ำหน้าจาก ลูกากู จังหวะก่อนหน้านั้น

ทว่ากลับเป็น สเปเซีย ที่ออกนำ 1-0 เอ็มบาล่า เอ็นโซล่า รับบอลยาวก่อนพลิกหนีสองผู้เล่นอินเตอร์ แล้วจ่ายให้ ดาเนียล มัลดินี่ ตัวสำรองวิ่งมายิงด้วยขวาในเขตโทษเข้าเสาไปอย่างแม่นยำ 

อินเตอร์ ลุยหนักเพื่อตีเสมอให้ได้ ฮาคาน ชาลาโนลู มีโอกาสในนาที 69 เมื่อได้บอลฝั่งซ้ายก่อนเลี้ยงตัดในแล้วยิงด้วยขวา บอลพุ่งหลุดกรอบออกหลังไปนิดเดียว

ท้ายเกมนาที 82 อินเตอร์ มาได้จุดโทษอีกครั้งเมื่อ เดนเซล ดุมฟรีส์ โดน ซัลวาดอร์ เฟร์เรร์ ทำฟาวล์ในเขตโทษ คราวนี้เปลี่ยนคนยิงมาเป็น โรเมลู ลูกากู ที่วิ่งเข้าซัดด้วยซ้ายเข้าเสาขวามือตัวเอง ส่วน ดรากอฟสกี้ พุ่งผิดทาง อินเตอร์ จึงตามตีเสมอ 1-1

ทว่าอีก 3 นาทีถัดมา สเปเซีย ได้จุดโทษบ้างเมื่อ เดนเซล ดุมฟรีส์ ไปกระแทกด้านหลังใส่ วิคเตอร์ โควาเลนโก้ ผู้ตัดสินเป่าทันที เอ็มบาล่า เอ็นโซล่า รับหน้าที่ยิงผ่านมือ ซามีร์ ฮันดาโนวิช เข้าไปไม่พลาด สเปเซีย นำอีกรอบ 2-1

จากนั้น อินเตอร์ ไม่สามารถตามตีเสมอได้อีก ทำให้จบเกมเป็น สเปเซีย ชนะ 2-1 ส่งผลให้ อินเตอร์ ยังมี 50 คะแนนเท่าเดิม และตามหลัง นาโปลี 15 คะแนน