เยอรมัน ที่ให้ รูดี้ โฟลเลอร์ คุมขัดตาทัพ เริ่มต้นได้ดีขึ้นนำก่อน 1-0 ตั้งแต่ 4 นาทีแรกจากการต่อบอลกันยอดเยี่ยมทางฝั่งซ้าย เบนยามิน เฮนริคส์ เปิดหักข้อจากสุดเส้นไปถึง โธมัส มุลเลอร์ พักอกลงก่อนหวดด้วยซ้ายเข้าไปอย่างยอดเยี่ยม

นาที 15 เจ้าถิ่นมีโอกาสอีกครั้ง โฟลเรียน เวียร์ตซ์ เปิดบอลให้ โธมัส มุลเลอร์ ได้ยิงด้วยซ้ายในกรอบหกหลา ทว่าไม่เข้ากรอบ 

อีก 10 นาทีถัดมา เยอรมัน ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกเมื่อ อิลคาย กุนโดกัน จาก บาร์เซโลน่า มีปัญหาบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวต้องส่ง ปาสกาส กรอสส์ จาก ไบรท์ตัน ลงแทน 

ฝรั่งเศส มีโอกาสบ้างในนาที 30 โอเรเลียง ชูอาเมนี่ ผ่านบอลให้ ร็องดาล โกโล มูอานี่ กดด้วยขวาในเขตโทษ แต่วางเท้าไม่ดีทำให้บอลโด่งออกหลังไปน่าเสียดาย 

ตราไก่ลุยต่อ นาที 38 โอเรเลียง ชูอาเมนี่ มีโอกาส่องเองติดเซฟออกหลังกลายเป็นเตะมุมของ คิงส์เลย์ โกมัน ที่ ชูอาเมนี่ ได้ยิงอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ผ่านมือ มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น จากนั้นจบครึ่งแรก เยอรมัน นำ ฝรั่งเศส 1-0

ครึ่งหลังนาที 57 ฝรั่งเศส มีโอกาสลุ้นจากจังหวะที่ เตโอ แอร์กน็องเดซ เปิดบอลให้ โอเรเลียง ชูอาเมนี่ ส่องด้วยขวาหน้าเขตโทษ บอลเข้ากรอบแต่ติดเซฟ แทร์ ชเตเก้น 

นาทีถัดมา ฝรั่งเศส มีลุ้นอีกครั้ง ชูอาเมนี่ คนเดิมสร้างโอกาสเปิดบอลให้ อองตวน กรีซมันน์  ได้โหม่งในเขตโทษ แต่ไม่เข้ากรอบ 

เยอรมัน เป็นฝ่ายได้ประตูหนีเป็น 2-0 ในนาที 87 ไค ฮาแวร์ตซ์ แทงบอลสุดยอดทะลุเข้าเชตโทษให้ ลีรอย ซาเน่ ควบเข้าไปจับจังหวะแรกแล้วจิ้มผ่านมือ ไมค์ เมนญ็อง สวยงาม

แต่อีก 2 นาทีถัดมา ฝรั่งเศส ก็มาได้จุดโทษเมื่อ ลีรอย ซาเน่ ไปหวด เอดูอาร์โด้ กามาวิงก้า แบบชัดเจน ผู้ตัดสินเป่าทันทีก่อนเป็น อองตวน กรีซมันน์ สังหารเข้าเสาขวามือตัวเองทำให้สกอร์เป็น 2-1

จากนั้นจบเกม เยอรมัน ที่เพิ่งปลดโค้ชกู้ศรัทธาคืนมาได้เล็กน้อยด้วยการเอาชนะ ฝรั่งเศสไปได้ 2-1