ทัพกังหันขาดผู้เล่นตัวหลักไปหลายคนเพราะบาดเจ็บ แต่ยังมี เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ นำทัพ ส่วนแนวรุกวาง เวาต์ เว็กฮอร์สต์ ดวลกับเจ้าถิ่นกรีซที่มีคะแนนมากกว่า 3 คะแนน

เริ่มเกมมา 14 นาที กรีซ ได้ลุ้นก่อนจากจังหวะเติมเกมรุกของ คอนสแตนตินอส มาฟโรพานอส กองหลังจาก เวสต์แฮม ที่ได้โหม่งในเขตโทษ แต่ยังไม่ผ่านมือ บาร์ต แฟร์บรุกเก้น นายทวารทีมเยือน 

เนเธอร์แลนด์ มาได้จุดโทษในนาที 28 จากจังหวะที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ โดน คอนสแตนตินอส คูเลียราคิส ทำฟาวล์ ทว่า เวาต์ เว็กฮอร์สต์ ยิงไปติดเซฟของ โอดิสเซอาส วลาโชดิมอส นายทวารเจ้าถิ่น

นาที 34 แข้งดัตช์มีลุ้นอีกครั้งเมื่อ เว็กฮอร์สต์ ผ่านบอลให้ ซาวี ซีมอนส์ ซัดหน้าเขตโทษ แต่ไม่เข้ากรอบ ก่อนจบครึ่งแรกที่สกอร์ 0-0 

ครึ่งหลังนาที 52 ทีมเยือนหาโอกาสได้อีกครั้ง ดอนเยลล์ มาเล่น จ่ายบอลให้ ทิยานี่ ไรน์เดอร์ส ตหลุดไปซัดด้วยขวามุมแคบ แต่ วลาโชดิมอส ปิดมุมได้ดีจึงเซฟให้กรีซได้ 

นาที 84 กรีซ น่าจะได้ประตูเช่นกัน ทาเซียร์คิส ฟอนตาส ตัดบอลได้ทางฝั่งขวาก่อนเปิดโด่งเข้าเขตโทษ ฟอติส ยอนนิดิส โฉบตัดหน้า ฟาน ไดค์ ได้โหม่ง แต่บิดมากไปนิดทำให้บอลหลุดเสาออกหลังไป

ทว่ากลับเป็น เนเธอร์แลนด์ มาได้จุดโทษเมื่อ วานเจลิส พาฟลิดิส ไปทำฟาวล์ เดนเซล ดุมฟรีส์ ผู้ตัดสินได้สัญญาณจึงไปเช็กจอวีเออาร์ด้วยตัวเองอีกรอบและยืนยันเป็นจุดโทษ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ รับหน้าที่ยิงเข้าไปไม่พลาดในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 3 

ทำให้จบเกม เนเธอร์แลนด์ เบียดชนะ กรีซ ไปหวุดหวิด 1-0 ทำให้มี 12 คะแนนเท่ากับ กรีซ แต่แข่งน้อยกว่า 1 นัด มีโอกาสมากขึ้นในการรลุ้นจบอันดับ 2 เพื่อตามหลัง ฝรั่งเศส เข้ารอบสุดท้าย