แพทริค มาโฮมส์ ควอร์เตอร์แบ็กวัย 28 ปีเตรียมนำทัพ แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ ลงเล่นเกม ซูเปอร์ โบวล์ ครั้งที่ 58 กับ ซาน ฟรานซิสโก โฟร์ตี้นายเนอร์ส ในวันอาทิตย์ที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อลุ้นคว้าแหวนแชมป์วงที่ 3 ในอาชีพ แต่เขายอมรับว่ายังห่างไกลจากผลงานของ ทอม เบรดี้ ตำนานควอร์เตอร์แบ็ก นิว อิงแลนด์ เพเทรียตส์ และ แทมป้า เบย์ บัคคาเนียร์ส ที่คว้าแชมป์รวมกัน 7 สมัย ตามรายงานจากเอ็นเอฟแอลเน็ตเวิร์ค 

มาโฮมส์ เตรียมนำ ชีฟส์ ลงเล่นเกม ซูเปอร์ โบวล์ ครั้งที่ 4 ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา หลังการคว้าแชมป์มาแล้ว 2 สมัยในปี 2019 และ 2022 ซึ่งทัพหัวหน้าเผ่าเป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์สองสมัยติดต่อกัน ตามหลัง เพเทรียตส์ ที่เคยทำได้ในปี 2003-2004 

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับโอกาสการคว้าแชมป์ ซูเปอร์ โบวล์ ในอนาคตมากกว่า เบรดี้ ตำนานควอร์เตอร์แบ็กที่คว้าแชมป์รวมกัน 7 สมัย มาโฮมส์ ตอบว่า 'ผมหมายถึง ผมยังมาไม่ถึงครั้งทางด้วยซ้ำ ดังนั้นผมจึงไม่ได้คิดอะไรมากนัก'

'ผมหมายถึงเป้าหมายของคุณคือการเป็นผู้เล่นดีที่สุดที่คุณสามารถเป็นได้ ผมรู้ว่าผมโชคดีที่มีผู้เล่นเก่งๆมากมายอยู่รอบตัวผม ดังนั้นตอนนี้ ผมจะทำทุกอย่างที่ผมสามารถทำได้เพื่อโค่น โฟร์ตี้นายเนอร์ส ที่ยอดเยี่ยม และพยายามคว้าแหวนวงที่สาม แล้วถ้าคุณถามคำถามนั้นกับผมในอีก 15 ปีข้างหน้า ผมจะดูว่าผมจะเข้าใกล้ 7 สมัยได้ไหม แต่ 7 สมัยยังดูเหมือนจะยังอีกยาวไกล'

ก่อนหน้านี้มีควอร์เตอร์แบ็กเพียง 2 คนที่ลงเล่นเกม ซูเปอร์ โบวล์ มากกว่านั่นคือ เบรดี้ (10 ครั้ง) และ จอห์น เอลเวย์ (5 ครั้ง) ขณะที่ มาโฮมส์ อายุเพียง 28 ปี และเตรียมลงเล่นเกม ซูเปอร์ โบวล์ ครั้งที่ 4 ในอาชีพ 7 ปีของเขา ซึ่งจอมทัพ ชีฟส์ หวังว่าจะเล่นฟุตบอลนานสุดเหมือนกับ เบรดี้ 

'นั่นคือเป้าหมาย คุณอยากจะเล่นตราบเท่าที่พวกเขาจะให้คุณเล่น' มาโฮมส์ กล่าว 'มันทำงานหนักมากภายนอกอาคาร ดูแลร่างกาย กินให้ดีต่อสุขภาพ และพยายามกำจัดส่วนเกินที่ผมได้รับ แต่พยายามทำทุกอย่างที่คุณสามารถทำได้เพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรง และออกไปที่นั่นและเป็นผู้เล่นดีสุดเท่าที่คุณสามารถเป็นได้'

'ความหวังของผมคือการใช้เวลาปีแล้วปีเล่า แต่ผมอยากเล่นตราบเท่าที่พวกเขาจะให้ผมเล่น เวลา 15 ปีดูเหมือนจะยาวนาน แต่ เบรดี้ ทำได้และคนอื่นๆบางคนก็ทำเช่นนั้น ผมจะลองดูว่าผมจะสามารถทำได้เช่นกัน'

มาโฮมส์ ยังกล่าวถึงแรงบันดาลใจในการลุ้นคว้าแชมป์ ซูเปอร์ โบวล์ ครั้งที่ 58 ว่า 'ผมเคยแพ้ ซูเปอร์ โบวล์ และผมรู้ว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน และคุณต้องการทำให้แน่ใจว่าคุณจะอยู่ห่างจากความรู้สึกนั้น ดังนั้น ผมคิดมากกว่าการชูโทรฟี่แชมป์นั้นคือเมื่อคุณแพ้และคุณอยู่ในล็อคเกอร์รูมนั้น และคุณรู้สึกเหมือนคุณอยู่ใกล้ขนาดนั้น และคุณไม่เข้าใจว่ามันเป็นความรู้สึกนั้น ผมแทบจะเสพติดการอยู่ห่างจากความรู้สึกนั้นมากกว่าการชูโทรฟี่แชมป์'