โม ซาลาห์ ปีกจอมถล่มตาข่ายของ ลิเวอร์พูล ยันลำพังตัวเขาคนเดียวคงไม่สามารถพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ ยูฟ่า ชปล. อย่างแน่นอน แต่ต้องได้ความร่วมมือจากทีมเมต รวมถึงการทำงานร่วมกันของทุกฝ่าย
'หงส์แดง' ผ่านไปชิงชนะเลิศกับกระดูกชิ้นโตอย่าง เรอัล มาดริด ดีกรีแชมป์เก่า 2 สมัย รวมถึงยังเป็นเจ้ายุโรปมากสุดที่ 12 หน
ทั้งนี้แม้จะพังตาข่ายไปกว่า 43 ลูก จากทุกรายการ รวมถึงเป็นแคนดิเดตรางวัล บัลลง ดอร์ แต่สตาร์วัย 25 กะรัต ก็ยังถ่อมตัว พร้อมลดแรงกดดันว่าแผ่นหลังของเขาไม่กว้างพอให้ทุกคนขี่ขึ้นชูถ้วย 'บิ๊กเอียร์'
ลิเวอร์พูล ท้าแย่งบัลลังก์เหล็กจาก เรอัล มาดริด
"มันไม่ใช่รอบชิงชนะเลิศระหว่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ คริสเตียโน โรนัลโด้ ผมลงเล่นอยู่กับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ และเราก็มีนักเตะฝีเท้าเยี่ยมหลายคน"
"ดังนั้นการผ่านมาถึงรอบชิงชนะเลิศจึงเกิดขึ้นจากทีมเวิร์กอันยอดเยี่ยม ลำพังคงไม่สามารถทำได้ มันคือการทำงานเป็นทีม เมื่อเราทำประตูได้มันก็เป็นเพราะเราทุกคนเล่นได้ดี เมื่อเราเสียประตูนั่นก็หมายความว่าพวกเราต้องทำงานกันให้หนักมากขึ้น"
รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า ชปล. 2017-18 เตะวันที่ 26 พ.ค. ณ กรุงเคียฟ ประเทศ ยูเครน บ่อนรับพนันถูกกฎหมายให้ 'ราชันชุดขาว' เป็นต่อ ป.ป.-5
