- ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก/ยูโรเปี้ยน คัพ ได้เป็นสมัยที่ 9 มีเพียงเรอัล มาดริด (16), เอซี มิลาน (11) และ บาเยิร์น มิวนิค (10) ที่ทำได้มากกว่า 

- ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมแรกของอังกฤษที่เข้าชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 ปีติดต่อจากแมนฯ ยูไนเต็ดที่เคยทำได้ในปี 2008 และ 2009

- ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่พลิกสถานการณ์เข้าสู่รอบชิงฯ ได้สำเร็จหลังแพ้ก่อน 0-3 ในรอบตัดเชือก นัดแรก และหากนับรวมถึงสมัยที่ใช้ชื่อ ยูโรเปี้ยน คัพ ด้วย พวกเขาถือเป็นทีมที่ 3 ต่อจาก พานาธิไนกอส (1970/71) และ บาร์เซโลน่า (1985/86)  

- ลิเวอร์พูลชนะบาร์เซโลน่าคือครั้งที่ 5 ของรอบน็อกเอาต์ฤดูกาลนี้ที่ทีมแพ้นัดแรกสามารถพลิกเข้ารอบได้ในนัดสอง (อาแจ็กซ์ชนะเรอัล มาดริด, ยูเวนตุสชนะแอต.มาดริด, แมนฯ ยูไนเต็ดชนะปารีส แซงต์-แชร์กแมง และปอร์โต้ชนะโรม่า)  

- บาร์เซโลน่าแพ้ในสกอร์ขาดลอยที่สุดในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกนับตั้งแต่เคยแพ้ แพ้ เอซี มิลาน 0-4 (1994), ดินาโม เคียฟ 0-4 (1997) และ บาเยิร์น มิวนิค 0-4 (2013)

- ดิว็อค โอริกี้ ยิงประตูแรก (และ 2) ของตัวเองให้ลิเวอร์พูลในแชมเปี้ยนส์ ลีก และนับเป็นคนที่ 50 ที่ยิงให้ลิเวอร์พูลได้ในรายการนี้

- เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ทำไป 14 แอสซิสต์จากทุกรายการ มากกว่าทุกคนในทีมลิเวอร์พูลฤดูกาลนี้

- จอร์จินโญ่ ไวนัลดุม คือตัวสำรองคนแรกที่ยิง 2 ประตูให้ลิเวอร์พูลในแชมเปี้ยนส์ ลีกนับตั้งแต่ ไรอัน บาเบิล ทำได้ในเกมกับเบซิคตัสเมื่อปี 2007 นอกจากนี้ยังเป็นสำรองคนแรกที่ยิง 2 ประตูใส่บาร์เซโลน่าในรายการนี้

- ลิโอเนล เมสซี่ ดาวเตะบาร์เซโลน่า ทำประตูเกมเยือน แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังจากผ่านพ้นรอบ 16 ทีมสุดท้ายไม่ได้มาตั้งแต่เกมที่เจอกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เมื่อวันที่ 16 เมษายน ปี 2013

- หลุยส์ ซัวเรซ ทำประตูในนัดเยือนยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่ได้ 18 นัดติดต่อกัน