ประตูโทนที่ เอสตาดิโอ เมโตรโปลิตาโน่ เกิดเมื่อนาที 4  จากจังหวะเตะมุมที่บอลเลยมาตกใส่เท้า ฟาบินโญ่ ก่อนเด้งเข้าทาง ซาอูล ญีเกซ ได้กระแทกจ่อๆ 3 หลาส่งบอลตุงตาข่ายสำเร็จ โดยใกล้ๆกันนั้น ฟาน ไดค์ ยืนคุมเชิงอยู่ 

ซึ่งในมุมมองของตำนานแข้งดัตช์มองว่า 'วีวีดี' สมควรจมูกไวทราบว่าหายนะกำลังคืบคลานมาหา แล้วเข้ายับยั้งได้ทัน 

"ฟาน ไดค์ เผชิญกับฝันร้ายเมื่อเกมที่ผ่านมา - ผมเห็นความผิดพลาดของเขาซึ่งต้องย้อนไปตั้งแต่จังหวะก่อนเสียประตู ต้นเหตุของลูกเตะมุมก็เพราะหมอนั่น จับบอลแรกไม่ดี ดูค่อนข้างซุ่มซ่าม ซึ่งเห็นไม่บ่อย"  กุลลิท อธิบายเป็นฉากๆ

"แล้วมันก็ดันมาดวงซวย บอลหล่นมาตกต่อหน้าเขาในลูกเตะมุม แล้วก็ตู้ม! สกอร์บอร์ดทำงาน 1-0" 

ทั้งนี้อดีตแชมป์ยุโรป 2 สมัย ยังเตือน ลิเวอร์พูล อย่าย่ามใจว่าป้อมปราการแอนฟิลด์จะแสดงพลังทุกแมตช์ยุโรป เพราะก็ต้องเจอ แอต.มาดริด มาเล่นมุกเดิมงัดสารพัดแท็คติคสร้างความรำคาญ 

https://twitter.com/beINSPORTS_EN/status/1229890222743326721

กุลลิท ชี้มนต์แอนฟิลด์มีจริงแต่อย่าหวังกดติดทุกหน

"ก๊วน ลิเวอร์พูล คุ้นเคยการเล่นที่ แอนฟิลด์ แล้วยิงคู่แข่งกระจุย แต่ก็อย่าลืมว่าต้องโดน แอต.มาดริด งัดลูกไม้เดิมใส่ในเลกสอง ดังนั้นแชมป์เก่าต้องทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม เร่งจังหวะขึ้น จู่โจมให้เร็วขึ้นอะไรทำนองนั้น" 

ด้าน มาร์กแซล เดอไซยี่ คู่วิเคราะห์ก็เตือนเช่นกันว่ามนต์แอนฟิลด์ ไม่มีสวิตช์เปิด-ปิด อยากคิดวจะเดินไปกดแล้วห็นผลเลย 

"คุณจะไปหวังพลังแฝงจากเกมเหย้าทุกนัดไม่ได้ เพราะนี่คือรายแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ความผิดพลาดครั้งเดียวก็โดนลงทัณฑ์เลย"

"อีกทั้งการจะไปเปิดหน้าบุกใส่ แอต.มาดริด เต็มสูบก็เหมือนเปิดโอกาสคู่แข่งที่ตีหัวเข้าบ้านเก่ง กระทุ้งสกอร์เพิ่มใส่เช่นกัน" 

เลกสองฟาดแข้ง 11 มี.ค. โดยสถิติเกมเหย้า ชปล.ของ ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ใครตั้งแต่ ต.ค.2014