:::     :::

ก้าวต่อไปของฟาเบรกาส

วันอังคารที่ 08 มกราคม 2562 คอลัมน์ เล่าเก่าก้าวใหม่ โดย Latino
2,214
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เชส ฟาเบรกาส ร่ำลาสาวกทีมสิงห์น้ำเงินใน'สแตมฟอร์ด บริดจ์'หลังการสวมปลอกแขนกัปตันทีมเชลซีเอาชนะ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ 2-0 ในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 3 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

'ผมสามารถพูดได้เฉพาะความเห็นของผม ผมไม่รู้ถึงการตัดสินใจของสโมสร ในความเห็นของผม, เขาต้องการไป'เมาริซิโอ ซาร์รี่ กุนซือชาวอิตาเลียนของ เชลซี กล่าวถึงสถานการณ์ของ เชส ฟาเบรกาส ที่ได้รับข้อเสนอเป็นสัญญาสองปีครึ่งจาก โมนาโก หลังสัญญากับทีมสิงห์น้ำเงินกำลังจะสิ้นสุดลงหลังจบซีซั่นนี้ 

'คุณก็ทราบดีว่าในสโมสรนี้มีกฎเรื่องการต่อสัญญานักเตะที่มีอายุมากกว่า 30 มักจะเป็นสัญญาปีเดียว เขามีข้อเสนอสองปี ผมไม่ต้องการให้ผู้เล่นที่มีความสำคัญมากอย่างเชสไม่มีความสุข'

เส้นทางอาชีพของ ฟาเบรกาส กับทีมสิงห์น้ำเงินใกล้ปิดฉากหลังผ่านมา 4 ปีครึ่งนับตั้งแต่ย้ายจาก บาร์เซโลน่า มาอยู่ในถิ่น'สแตมฟอร์ด บริดจ์'ช่วงซัมเมอร์ปี 2014

มิดฟิลด์วัย 31 มีส่วนสำคัญต่อการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัยของ เชลซี ทั้งในยุค โชเซ่ มูรินโญ่ (2014-14) และ อันโตนิโอ คอนเต้ (2016-17) รวมถึงการคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยอีก 2 รายการอย่าง ลีก คัพ (2014-15) และ เอฟเอ คัพ (2017-18)


ทว่า ฟาเบรกาส มีบทบาทในทีมน้อยลงหลังการมารับตำแหน่งกุนซือต่อจาก คอนเต้ ของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ซึ่งเลือกใช้งานเด็กในคาถาอย่าง จอร์จินโญ่ เป็นหัวใจสำคัญในแดนกลางของทีมสิงห์น้ำเงิน ดังนั้นมิดฟิลด์ชาวสเปนจึงต้องก้มหน้ายอมรับการเป็นตัวสำรองเท่านั้น 

เชลซี ยังมีกฎเหล็กที่จะต่อสัญญากับนักเตะอายุเกิน 30 เพียงปีเดียวด้วย ดังนั้นเมื่อ โมนาโก ยื่นข้อเสนอด้วยสัญญาสองปีครึ่งจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำให้ ฟาเบรกาส ตัดสินใจง่ายขึ้นและยังได้กลับไปร่วมงานกับเพื่อนเก่าอย่าง เธียร์รี่ อองรี อีกด้วย

เชส ฟาเบรกาส เป็นเด็กปั้นจากศูนย์ฝึก'ลา มาเซีย'ของ บาร์เซโลน่า แต่ อาร์แซน เวนเกอร์ ฉกตัวมาร่วมก๊วนทีมปืนโตตั้งแต่อายุ 16 ก่อนลงประเดิมสังเวียนในศึก ลีก คัพ กับ ร็อตเธอร์แฮม เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2003 


อาร์เซน่อล ของ เวนเกอร์ ยังคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกพร้อมสร้างสถิติไม่แพ้ใครในซีซั่น 2003-04 แต่ ฟาเบรกาส ไม่ได้เหรียญรางวัลเนื่องจากเขาไม่ได้ลงเล่นพรีเมียร์ลีกซีซั่นดังกล่าวแม้แต่เกมเดียว 

ฟาเบรกาส มีบทบาทกับทีมตัวจริงของ อาร์เซน่อล มากขึ้นในฤดูกาลต่อมาหลังแผงมิดฟิลด์ ปาทริค วิเอร่า, เอดู กับ จิลแบร์โต้ ซิลวา สลับกันบาดเจ็บ  ทว่าตลอด 8 ปีที่เล่นกับทีมปืนโต เชส ประสบความสำเร็จเพียงการคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ (2004-05) กับ เอฟเอ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ (2004) เท่านั้น 

ช่วงฤดูกาล 2010-11 ฟาเบรกาส ย้ายกลับมาเล่นกับ บาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัว 29 ล้านยูโร หลัง อาร์เซน่อล เคยปัดข้อเสนอมูลค่า 35 ล้านยูโรจากทีมอาซูลกราน่าหนึ่งปีก่อนหน้านั้น 

สาวกบาร์เซโลนิสต้ารู้สึกปลื้มปริ่มในการคืนสู่เหย้าของ ฟาเบรกาส โดยเฉพาะการเล่นร่วมกับ ชาบี เอร์นานเดซ และ อันเดรส อีเนียสต้า ซึ่งต่างเป็นผลผลิตจากศูนย์ฝึก'ลา มาเซีย'เช่นเดียวกัน 


เชส ประสบความสำเร็จกับทีมยักษ์กาตาลุนย่าจากการคว้าแชมป์ ลีกา (2012-13), แชมป์โกปา เดล เรย์ (2011-12), ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ (2011), ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ (2011) และ สแปนิช ซูเปอร์ คัพ 2 ครั้ง (2011 กับ 2013)

ทว่า ฟาเบรกาส เล่นกับทีมอาซูลกราน่าเพียง 3 ปีเท่านั้นเนื่องจากเขาแทบจะไม่มีบทบาทอย่างที่ควรจะเป็น ดังนั้นเมื่อได้รับข้อเสนอจาก เชลซี ในช่วงซัมเมอร์ปี 2014 เขาจึงไม่ปฏิเสธที่จะย้ายกลับมาเล่นในอังกฤษอีกครั้ง

'ผมถาม บาร์เซโลน่า ให้ปล่อยผมออกจากสโมสร ท่านประธานสโมสรพยายามที่ยุติการย้ายทีม แต่ผมตัดสินใจแล้วและพูดกับเขาว่า'ถ้าผมไม่คิดว่าผมจะมีความสุขกับ เชลซี ผมจะไม่ตัดสินใจแบบนี้เลย เหนือสิ่งอื่นใด ผมต้องมีความสุขในด้านอาชีพและเรื่องส่วนตัว'ฟาเบรกาส เปิดเผย 


แน่นอนการเลือกตีจากถิ่น'สแตมฟอร์ด บริดจ์'ของ ฟาเบรกาส เพื่อย้ายมาเล่นกับ โมนาโก ก็คงเป็นเหตุผลไม่แตกต่างกันและการสวมปลอกแขนกัปตันทีมเชลซีนำต้นสังกัดสอย น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ 2-0 ในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 3 ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาคงเป็นการลงรับใช้ทีมสิงห์น้ำเงินเป็นเกมสุดท้ายของมิดฟิลด์วัย 31 ปี 

ตลอดช่วงอาชีพ 12 ปีครึ่งในลีกเมืองผู้ดีของ เชส ฟาเบรกาส ซึ่งเป็นหนึ่งในนักเตะต่างชาติดีที่สุดของเวทีพรีเมียร์ลีกมีไฮไลท์สำคัญเกิดขึ้นในชีวิตมากมาย 

1.นักเตะอายุสุดในประวัติศาสตร์ที่ลงเล่นกับ อาร์เซน่อล

ฟาเบรกาส ลงเจิมเกมแรกกับ อาร์เซน่อล เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2003 ในศึก ลีก คัพ กับ ร็อตเธอร์แฮม สร้างสถิติเป็นแข้งเด็กสุดของทีมปืนโตที่ลงเล่นทีมชุดใหญ่ด้วยวัยเพียง 16 ปีกับ 177 วัน 


ช่วงเดือนธันวาคมปีเดียวกัน เชส ยังเป็นผู้เล่นอายุน้อยสุดที่ทำประตูให้ทีมปืนโตจากการลงเล่นรายการเดียวกันในรอบถัดมาที่ยิงสลุต วูล์ฟแฮมป์ตัน 5-1 ก่อนก้าวขึ้นมาเป็นขุมกำลังหลักของในทีมของ เวนเกอร์ 

ฟาเบรกาส เติบโตขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นหลังการย้ายออกจากถิ่น'เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม'ของ ปาทริค วิเอร่า เพื่อย้ายไปค้าแข้งกับ ยูเวนตุส จนเปลี่ยนถ่ายจุดศูนย์กลางของทีมมาอยู่ที่ ฟาเบรกาส และด้วยสไตล์การเล่นที่แตกต่างจากมิดฟิลด์ชาวเมืองผู้ดีทั่วไปทำให้ เชส ถูกจับตามองมากขึ้นจากแฟนบอลทั่วเกาะอังกฤษ

2.กัปตันทีมอาร์เซน่อล

ในช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2008 ฟาเบรกาส สวมปลอกแขนกัปตันทีมอาร์เซน่อลลงสนามเป็นครั้งแรก หลัง เวนเกอร์ ถอดปลอกแขนมาจาก วิลเลียม กัลล่าส์ ก่อนแจ้งให้แฟนบอลทราบว่า เชส จะเป็นผู้นำคนต่อไปของสโมสร แต่มันไม่ใช่แคมเปญที่ประสบความสำเร็จมากนักสำหรับ ฟาเบรกาส เนื่องจากการบาดเจ็บของเขาทำให้แคมเปญไม่ราบรื่นอย่างที่ควรจะเป็น


การก้าวขึ้นมารับบทบาทผู้นำทีมด้วยวัยเพียง 21 ปีเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขาพร้อมด้วยความคาดหวังจาก อาร์แซน เวนเกอร์ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลสูงต่ออาชีพค้าแข้งของ เชส และแน่นอนกุนซือชาวฝรั่งเศสได้รับเครดิตจากการเฟ้นสิ่งดีที่สุดออกมาจากมิดฟิลด์ชาวสเปนสำเร็จ 

ฟาเบรกาส มีบทบาทสำคัญในทีมของเวนเกอร์โดยเฉพาะการสร้างสรรเกมในฐานะผู้เล่นหมายเลข 10 ก่อนจะย้ายกลับ บาร์เซโลน่า ในปี 2011 และถูกปรับบทบาทมาเล่นตำแหน่ง'ฟอลส์ ไนน์'บ่อยครั้ง จนกระทั่งกลับมาเล่นตำแหน่งถนัดอีกครั้งเมื่อหวนคืนสู่เวทีพรีเมียร์ลีกกับ เชลซี 

3.ภาวะผู้นำและความกล้าหาญ 

ความปรารถนาของ ฟาเบรกาส ในการอำลา อาร์เซน่อล เพื่อย้ายกลับมาเล่นกับ บาร์เซโลน่า เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นตามหน้าหนังสือพิมพ์ทุกวันในช่วงเวลานั้น ซึ่งทำให้เวนเกอร์รู้สึกหงุดหงิดกับข่าวลือการย้ายทีมที่เกิดขึ้น แต่มันไม่ส่งผลกระทบต่อ เชส ที่ยังทำผลงานอย่างยอดเยี่ยมและแสดงให้เห็นว่าเขามีคุณค่าควรแก่การกล่าวถึง


ในรอบควอเตอร์ไฟนัลของศึก ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2009-10 อาร์เซน่อล ตกเป็นฝ่ายตามหลัง บาร์เซโลน่า ของ'เป๊ป'กวาร์ดิโอล่า 0-2 แต่ ฟาเบรกาส แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญและความมุ่งมั่นจนทำให้ทีมปืนโตก้าวไปข้างหน้าและสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมในการต่อสู้กับทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกก่อนไล่ตามตีเสมอสำเร็จ


ฟาเบรกาส ลงเล่นในช่วงครึ่งเวลาหลังทั้งที่กระดูกเท้าร้าวและยังยิงจุดโทษตีเสมอให้ทีมปืนโต 2-2 และ เชส ยังมีส่วนช่วย อาร์เซน่อล ล้ม บาร์เซโลน่า 2-1 ที่'เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม'ในรอบ 16 ทีมนัดแรกบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกในซีซั่นต่อมา แม้ว่าทีมเวนเกอร์จะหงายหลังตกรอบเพราะทีมของ'เป๊ป'ทั้งสองปีก็ตาม แต่ ฟาเบรกาส แสดงให้เห็นถึงการเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของ อาร์เซน่อล ที่เขาสร้างขึ้นในทั้งสองเกม ก่อนที่เขาจะย้ายซบทีมอาซูลกราน่าหลังจากนั้น

4.แชมป์พรีเมียร์ลีก

โชเซ่ มูรินโญ่ หวนคืนสู่ตำแหน่งผู้จัดการทีม เชลซี ในฤดูกาล 2013-14 และประสบความสำเร็จตั้งแต่การคัมแบ็กปีแรกโดยมี เชส ฟาเบรกาส เป็นส่วนสำคัญของทีมสิงห์น้ำเงินยุคนั้น 

หลังใช้เวลา 3 ปีประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งกับทีมอาซูลกราน่า ฟาเบรกาส ปรารถนาความท้าทายครั้งใหม่ในอาชีพค้าแข้งและทีมสิงห์น้ำเงินมีองค์ประกอบครบถ้วนสำหรับการทำแบบนั้น 


ฟาเบรกาส เป็นผู้เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ดีที่สุดในซีซั่น 2014-15 เขาเล่นสอดประสานอย่างลงตัวกับ เนมานย่า มาติช และมีส่วนช่วยทั้งรุกและรับ ซึ่ง เชส ยังทำสถิติแอสซิสต์เหนือกว่า เมซุต โอซิล กับ ดาบิด ซิลบา และพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการพัฒนาเกมของเขาโดยเฉพาะการปรับไปเล่นตำแหน่งต่ำกว่าที่เคยเล่นกับทีมปืนโตช่วงก่อนหน้านั้น 

จากการทำผลงานที่ยอดเยี่ยมของ ฟาเบรกาส มีส่วนทำให้เขาได้เหรียญรางวัลแชมป์พรีเมียร์ลีกที่เฝ้ารอมานานกว่าทศวรรษ 

5.ความสำเร็จส่งท้าย

มูรินโญ่ ถูกอาถรรพ์การคุมทีมปีที่สามเล่นงานจนถูก เชลซี ปลดออกจากตำแหน่งก่อนประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจะพลิกโฉมหน้าหลัง เลสเตอร์ ซิตี้ หักปากกาเซียนทุกสำนักผงาดคว้าแชมป์ลีกเมืองผู้ดีในซีซั่น 2015-16

เชลซี ถูกเปลี่ยนมือจากมูรินโญ่มาเป็นการคุมบังเหียนของ อันโตนิโอ คอนเต้ ในฤดูกาล 2016-17 ซึ่ง ฟาเบรกาส ไม่ได้ถูกคาดการณ์ว่าจะมีบทบาทในทีมของกุนซือชาวอิตาเลียนในซีซั่นใหม่ เนื่องจากสไตล์การทำทีมที่ใช้พละกำลังผู้เล่นของคอนเต้ไม่น่าจะเหมาะกับนักเตะสูงวัยอย่าง เชส รวมถึงการเล่นตามธรรมชาติของเขาด้วย


แต่ คอนเต้ ทราบดีว่า ฟาเบรกาส เป็นผู้เล่นคนที่ 12 ที่มีความสำคัญที่สุดของ เชลซี จากการเล่นที่หลากหลายทั้งการเล่นระบบ 3 มิดฟิลด์ร่วมกับ เนมานย่า มาติช และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ หรือแม้แต่การขยับขึ้นมาเล่นแนวรุกฝั่งซ้ายในระบบหน้าสามร่วมกับ ดีเอโก้ คอสต้า และ เอแด็น อาซาร์

ฟาเบรกาส ลงเล่นกับ เชลซี ในซีซั่นแรกของ คอนเต้ ถึง 31 เกม แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นตัวสำรองก็ตาม แต่เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีประสิทธิภาพมากสุดในยุค คอนเต้ 


ถึงตอนนี้ทั้ง เชลซี และสาวกทีมสิงห์น้ำเงินคงต้องนับถอยหลังถึงการอำลาถิ่น'สแตมฟอร์ด บริดจ์'ของ เชส ฟาเบรกาส หนึ่งในนักเตะดีที่สุดของสโมสรและเวทีพรีเมียร์ลีกที่กำลังก้าวไปสู่สถานีต่อไปที่'สต๊าด หลุยส์ เดอ'ในเร็ววันนี้ 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด