:::     :::

ฟาบิโอ, น็องต์ และ ฝรั่งเศส

วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562 คอลัมน์ ฟุตบอลข้างถนน โดย โกสุ่ย
1,204
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
คงมีหลายคนสับสนระหว่างความต่างของคู่แฝด ราฟาเอล และ ฟาบิโอ ในตอนที่ทั้งสองย้ายซบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2008

เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงกันอย่างมากในตอนนั้น เพราะไม่เพียงจะเป็นแค่ฝาแฝด (ที่แยกความแตกต่างกันได้ยาก) แต่ตำแหน่งการเล่นและสไตล์ต่างๆกลับเหมือนกันอย่างน่าประหลาดใจ

กระนั้นกลับเป็น ราฟาเอล ที่ทะลุมาเล่นในทีมชุดใหญ่ได้อย่างต่อเนื่อง และกลายมาเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งภายใต้การนำของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต่างจาก ฟาบิโอ ที่ต้องเข้าๆออกๆ และถูกปล่อยให้ทีมอื่นยืมไปใช้งาน

ท้ายที่สุดก็ถึงเวลาแยกทาง ฟาบิโอ ระหกระเหินไปให้กับ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส (ยืมตัว), คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ และ มิดเดิ้สโบรช์ ก่อนจะเก็บข้าวของข้ามทะเลไปยัง น็องต์ (2018) สโมสรที่ตอนนี้กำลังไปได้สวย

ไม่ต่างจาก ราฟาเอล แฝดของเขา ที่กำลังลงสนามให้กับ โอลิมปิก ลียง หนึ่งในทีมดังของแดนน้ำหอม ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสองต้องมีโอกาสมาปะทะกัน และมันเป็นวันของ ฟาบิโอ ที่เป็นฝ่ายคว้าชัยและสมปรารถนามากกว่า


"ผมเป็นคนชอบยิ้ม นั่นคือสิ่งที่ผมเป็น ต่างจากแฝดของผมนิดหน่อย แต่นั้นคือสิ่งที่เราเป็น การดวลกับฝาแฝดขอดของผมเป็นสิ่งที่พิเศษเสมอ ผมเอาชนะเขาได้ในทันที ฤดูกาลที่ผ่านมาผมชนะ 1 เสมอ ดังนั้นเขาจึงส่งข้อความมาหาผมว่าอยากชนะบ้าง"

นั่นคือการให้สัมภาษณ์ของ ฟาบิโอ ก่อนที่จะพา น็องต์ บุกไปเยือน โอแอล ในช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งท้ายที่สุดเป็น คานารี่ส์ ที่บุกชนะ ลียง ออกมาได้ 1-0

แม้จะมีความสุขที่สามารถเอาชนะ ราฟาเอล ได้ แต่กว่าที่ ฟาบิโอ จะกลายมาเป็นแกนหลักของ น็องต์ ไม่ง่ายเลย เขาต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงมากมายโดยเฉพาะตัวเทรนเนอร์ที่สโมสรเปลี่ยนเข้าเปลี่ยนออกเป็นว่าเล่น

ในตอนที่แข้งวัย 2 ปีย้ายมาเล่นใน สต๊าด เดอ ลา โบฌัวร์ ครั้งแรก มันเป็นยุคของ มิเกล คาร์โดโซ่ กุนซือชาวโปรตุเกส ซึ่งมีอายุงานเพียง 8 เกมก่อนที่จะเป็น วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช มารับไม้ต่อ

ถึงตรงนี้ทุกอย่างเหมือนจะไปได้สวย กุนซือมากประสบการณ์วัย 67 ปี เข้ามาปรับเปลี่ยนและพาทีมกลับมาในเส้นทางที่ควรจะเป็น แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ ฟาบิโอ และคนอื่นๆในทีมเกิดอาการ 'ช็อก' นั่นคือการจากไปแบบไม่มีวันกลับของ เอมิเลียโน่ ซาล่า



"เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น แน่นอนว่ามันสร้างข้อผูกมัดมากมาย แต่มันเป็นสิ่งที่ยากมากๆ มันเป็นฤดูกาลที่ยากมาก เป็นฤดูกาลที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก เราต้องเปลี่ยนโค้ชในช่วงต้นฤดูกาล จากนั้นก็ความสูญเสีย ดังนั้นมันเป็นซีซั่นแรกที่ผมมีประสบการณ์ในหลากหลายรูปแบบ"

"สิ่งเหล่านี้ทำให้เราตระหนักถึงชีวิตมากขึ้น และบางทีอาจจะมองเห็นถึงทัศนคติที่แตกต่างออกไปจากที่คุณรู้ และนี่คือสิ่งที่สำคัญสำหรับชั่วชีวิตขิงคุณ"

"มันยากมาก เพราะเราลงซ้อมช่วงพรีซีซั่นกับเขา (ซาล่า) และลงสนามร่วมกัน จากนั้นก็เปลี่ยนโค้ชที่มีแนวคิดที่แตกต่างกัน และคุณต้องเปลี่ยนแปลงให้รวดเร็ว แต่เราคือมืออาชีพ และในเกมฟุตบอล ฟุตบอลสมัยใหม่ นี่คือสิ่งที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง"

ถือเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างที่ ฟาบิโอ กล่าวไป โดยเฉพาะในส่วนของสโมสรน็องต์ และเหล่าแฟนบอลที่ต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงและการสูญเสียครั้งใหญ่ของพวกเขา

แต่ชีวิตก็ยังต้องเดินต่อไป โดยเฉพาะคนที่มีชีวิตอยู่ก็ต้องทุ่มเทกับงานที่อยู่ตรงหน้าและใช้ชีวิตให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

ไม่ต่างไปจาก ฟาบิโอ ที่ยังคงมุ่งมั่นแม้ว่าทีมจะมีการเปลี่ยนแปลง และอย่างที่เขากล่าวออกมาว่าในฐานะนักฟุตบอลมืออาชีพ สิ่งที่สำคัญที่สุดคืองานที่อยู่ตรงหน้า




ชีวิตหลังการเปลี่ยนแปลงกำลังดำเนินไปด้วยดี แต่แล้ว น็องต์ ก็ต้องปรับโครงสร้างอีกครั้งหลังจาก วาลิลฮ็อดซิช ตัดสินใจอำลาตำแหน่งก่อนที่ฤดูกาลใหม่จะเปิดได้เพียงไม่กี่วัน

เหมือนกับเรือที่ขาดกัปตันทีมนำทาง ในตอนนั้น น็องต์ ดูจะเคว้งคว้างไร้ทิศทางเพราะผู้นำดันมาทิ้งเรือกลางคน แต่ก็ต้องชมบอร์ดบริหารของสโมสรที่ยังคงใจเย็นและพิจารณาทางเลือกอย่างรอบคอบ จนได้ตัว คริสตีย็อง กูร์กกุฟฟ์ เข้ามาทำงานในท้ายที่สุด

"ต้องบอกตามตรงว่าผมรักมันมาก ผมชอบเขามากๆ เขาเป็นคนที่เท่ เขาใจเย็นและปฏิบัติกับทุกคนในทิศทางเดียวกัน และนั่นคือรูปแบบของผมเช่นเดียวกัน ผมรักแนวคิดในการเล่นฟุตบอลของเขา ครองบอลแต่แน่นอนว่าไม่ลืมที่จะป้องกัน"

"เขาต้องการให้เล่นแบบดุดัน เดินหน้า และเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ในทิศทางของการเล่นที่มีระบบและถูกจังหวะ พวกเรายอมรับและเรากำลังทำในสิ่งที่เขาต้องการให้เราทำซึ่งผมสนุกที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในเรื่องนี้"

"บางครั้งผมก็หุบเข้าไปเล่นข้างในไม่ต่างจากมิดฟิลด์ (ฟาบิโอ เริ่มต้นอาชีพในฐานะกองกลางตัวรับ) และเขาให้นักเตะตำแหน่งปีกออกไปเล่นด้านกว้าง และบางครั้งเขาก็เปลี่ยนและนำผมไปเล่นด้านกว้างแทน ซึ่งผมคิดว่าเรามีความยืดหยุ่นในระบบนี้"



มันเป็นการเปลี่ยนแผลงที่ดีขึ้นของ น็องต์ และแน่นอนตัวของ ฟาบิโอ ที่ได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องมากกว่าซีซั่นแรก และที่สำคัญไปกว่านั้นคือการที่เขากลายาเป็นแกนหลักของสโมสร

สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาหลงรักสโมสรมากขึ้น รวมไปถึงบรรยากาศของเมืองที่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของ ฟาบิโอ และครอบครัวราบรื่นกว่าที่ผ่านมา

"ผมรู้สึกสบายมากๆ ผมรักที่นี่จริงๆ รักเมืองนี้ และตอนนี้ก็สนุกกับฟุตบอลของผม คุณมีนักเตะที่มีเทคนิคมากมายในทีม และคุณเห็นทิศทางที่พวกเขาเล่นด้วยพรสวรรค์ บางทีในอังกฤษคุณต้องการที่จะเล่นแบบไดเร็คต์มากกว่า และที่นี่หากคุณทำอะไรที่แตกต่างออกไปก็อาจจะสนุกไปกับมัน พวกเขาจะพูดว่า 'โอ้ นั่นเยี่ยมไปเลย' ดังนั้นผมคิดว่าตนเองพัฒนาในด้านเทคนิค"

สิ่งที่ ฟาบิโอ สะท้อนออกมาชัดเจนคือความสุขกับการทำงานที่ส่งผลบวกกับทุกเรื่องๆ เมื่อเรามีความสุขและสนุกกับการทำงาน สิ่งดีๆก็จะเกิดขึ้นตามมารวมไปถึงแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆที่อาจจะตามมาด้วย

หลักฐานชัดเจนคงหนีไม่พ้นผลงานในสนามของ น็องต์ ที่ดีขึ้นผิดหูผิดตาจากหลายๆซีซั่นก่อน ซึ่งนั่นมาจากเคมีที่ลงตัวของโค้ชและนักเตะ

เมื่อทิศทางที่กำหนดโดยกุนซือถูกใจนักเตะ เหล่าผู้เล่นในทีมก็ตอบสนองได้ดีและนั่นทำให้ทีมขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ควรจะเป็น 

สำหรับ ฟาบิโอ นี่คือช่วงเวลาที่เขามีความสุข แต่สิ่งที่จะให้ความสุขของเขาเติมเต็มคือการทำประตูให้กับสโมสร

"ตอนที่ผมเป็นเด็ก ผมทำประตูได้มากมาย แต่ตอนนี้มันแตกต่างกันไป (กาลีฟา) กูลีบาลี่ กำลังทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งสำหรับผมแล้วมันอาจจะยากไปสักหน่อย"

ใช่ มันอาจจะเป็นงานยากของวิงแบ็กรายนี้กับการสอดขึ้นไปทำประตู แต่หากดูจากรอยยิ้มและผลงานที่ผ่านมา ฟาบิโอ ก็อาจจะกำลังมีความสุขและอิ่มเอมใจกับหน้าที่ตนเองก็เป็นไปได้



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด