ศึก โกปา ลีเบร์ตาดอเรส นัดชิงชนะเลิศระหว่าง ฟลาเมงโก้ ของ บราซิล กับ ริเวอร์ เพลท ของ อาร์เจนตินา จะมีขึ้นบนสังเวียน'เอสตาดิโอ โมนูเมนตาล'ของกรุงลีม่า ประเทศเปรู ในวันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายนนี้ 

อาเลฮานโดร โดมิงเกซ ประธานกอนเมโบล หรือ สหพันธ์ฟุตบอลอเมริกาใต้มั่นใจว่าจะมีแฟนบอลชมเกมระหว่างสองยักษ์ใหญ่ของทวีปมากกว่า 5,000 ล้านคน 

ทั้งสองทีมเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์นี้รวมกัน 50 ครั้ง ริเวอร์ เพลท มีส่วนร่วมกันศึก โกปา ลีเบร์ตาดอเรส 35 ครั้ง ด้าน ฟลาเมงโก้ 15 ครั้ง แต่มีเพียง 9 ครั้งเท่านั้นที่ทั้งสองค่ายลงเล่นในซีซั่นเดียวกัน

ฟลาเมงโก้ กับ ริเวอร์ เพลท เคยดวลกันบนเวที โกปา ลีเบร์ตาดอเรส ก่อนหน้านี้ 12 ครั้ง ทีมยักษ์ใหญ่อาร์เจนตินาชนะ 5 ครั้ง ทีมดังบราซิลชนะ 4 ครั้ง อีก 3 ครั้งลงเอยด้วยการเสมอ 

ริเวอร์ เพลท ทะยานเข้ารอบชิงชนะเลิศของศึก โกปา ลีเบร์ตาดอเรส ครั้งที่ 7 ของสโมสร หลังเคยคว้าแชมป์รายการนี้มาแล้ว 4 สมัยในปี 1986, 1996, 2015 กับ 2018 ส่วนอีก 2 ครั้งที่เข้าชิงฯในปี 1966 กับ 1976 จบลงด้วยการปราชัย 

ฟลาเมงโก้ เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของ โกปา ลีเบร์ตาดอเรส เป็นครั้งที่ 2 หลังเคยคว้าแชมป์ครั้งแรกและครั้งเดียวจากการเอาชนะ โกเบรลัว ของชิลีในปี 1981 

ถ้าถามว่าชาติใดในทวีปอเมริกาใต้เป็นเต้ยของรายการนี้ ตอบทันทีว่าสโมสรจากอาร์เจนตินาที่ฟาดแชมป์ โกปา ลีเบร์ตาดอเรส รวมกัน 25 ครั้ง จากการเข้าชิงฯ 36 ครั้ง ขณะที่สโมสรจากบราซิลคว้าแชมป์รวมกัน 18 ครั้ง จากการทะยานเข้าถึงเกมชิงดำ 33 ครั้ง 

อีก 16 ครั้งเป็นการคว้าแชมป์รวมกันจาก 5 ชาติคือ อุรุกวัย (8), โคลอมเบีย (3), ปารากวัย (3), ชิลี (1) และ เอกวาดอร์ (1) ส่วนอีก 4 ชาติแค่มีส่วนร่วมแต่ไม่เคยสัมผัสความสำเร็จทั้ง เม็กซิโก, เปรู, โบลิเวีย และ เวเนซูเอล่า โดยเฉพาะสโมสรจากสองชาติหลังไม่เคยแม้แต่เข้ารอบชิงชนะเลิศ

ฟลาเมงโก้ กลับมาลืมตาอ้าปากอีกครั้งหลังสโมสรดึง จอร์จ เชซุส เทรนเนอร์ฝีมือดีชาวโปรตุกีสเข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา นายใหญ่วัย 65 ปีทำผลงานอย่างยอดเยี่ยม คุมทีมลงสนาม 36 เกม ชนะ 26 เสมอ 8 แพ้ 2 ยิง 76 ประตู เสีย 26 ประตู โดยไม่แพ้จากการลงเล่นทุกรายการ 25 เกมหลังสุด นับตั้งแต่พลิกพ่าย บาเอีย 0-3 เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมปีนี้ 

จอร์จ เชซุส กำลังจะนำ ฟลาเมงโก้ เถลิงบัลลังก์แชมป์ บราซิล เซเรีย อา ครั้งแรกนับตั้งแต่การคว้าแชมป์ครั้งล่าสุดในปี 2009 หลังเทรนเนอร์ชาวโปรตุกีสนำต้นสังกัดนั่งแท่นจ่าฝูงเก็บ 81 คะแนนจากการลงเล่น 34 เกม ทิ้งอันดับ 2 พัลไมรัส ถึง 13 แต้ม แม้ว่าคู่แข่งจะลงเล่นน้อยกว่าหนึ่งเกมก็ตาม 

ทว่าลีกเมืองกาแฟเหลือโปรแกรมลงเล่นอีกเพียง 5 เกม โดยมีเฉพาะ ฟลาเมงโก้ กับ วาสโก ดา กาม่า เท่านั้นที่ลงสนามมากกว่าชาวบ้านหนึ่งนัด หลังสลับโปรแกรมให้ลงเล่นก่อนเพื่อเปิดทางสำหรับนัดชิงชนะเลิศของศึก โกปา ลีเบร์ตาดอเรส ในวันเสาร์นี้ 

เทรนเนอร์ชาวโปรตุกีสมีโอกาสนำ ฟลาเมงโก้ ฟาดแชมป์ลีกบราซิเลียนสมัยที่ 6 ทันทีที่ชนะ เซียร่า ในวันพุธที่ 27 พฤศจิกายนนี้หรืออาจเกิดขึ้นเร็วกว่านั้นถ้า พัลไมรัส พลิกพ่าย เกรมิโอ ในวันอาทิตย์นี้ 

จอร์จ เชซุส กำลังเดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์กับ ฟลาเมงโก้ ด้วยการนำทีมคว้าสองแชมป์สำคัญของทวีปอเมริกาใต้ทั้ง บราซิล เซเรีย อา และ โกปา ลีเบร์ตาดอเรส 

หลายคนกำลังจับตาดูเทรนเนอร์วัย 65 ปีที่ ฟลาเมงโก้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเคยทำกับ เบนฟิก้า ตลอดช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ด้วยการนำทัพเหยี่ยวลิสบอนโค่นมหาอำนาจของวงการลูกหนังโปรตุเกสอย่าง เอฟซี ปอร์โต้ ตกจากบัลลังก์ 

ฟลาเมงโก้ มีองค์ประกอบโดยรวมดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วหลังเข้าป้ายรองแชมป์ในซีซั่น 2018 ก่อนที่ จอร์จ เชซุส จะเข้ามาช่วยเติมเต็มบางส่วนที่ขาดหายไปและกำลังจะนำทีมช่วงชิงบัลลังก์มาจากบิ๊กลีกเมืองกาแฟอย่าง พัลไมรัส กับ โครินเธียนส์ 

จอร์จ เชซุส เป็นเทรนเนอร์ที่มีความเข้มงวดเรื่องวินัยมาก ทั้งวินัยในทีมและในสนาม ทีมของเทรนเนอร์วัย 65 ปียังเล่นเกมรุกตามแนวทางการทำทีมของเขาที่ตั้งเป้าไปที่การเดินหน้าเก็บชัยชนะเป็นลำดับแรก นั่นคือปรัชญาของคนชื่อ จอร์จ เชซุส

สถิติของ ฟลาเมงโก้ บ่งบอกถึงปรัชญาดังกล่าวได้เป็นอย่างดีหลังการยิง 73 ประตูมากสุดของลีกบราซิเลียน มากกว่าทั้ง เกรมิโอ กับ พัลไมรัส ที่ยิงทีมละ 55 กับ 52 ประตูตามลำดับ

การเล่นเกมรุกตามแนวทางของเทรนเนอร์ชาวโปรตุกีสยังมีส่วนช่วย กาเบรียล บาร์โบซ่า กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้งหลังหัวหอกวัย 23 ปีซึ่งเคยดับอนาจในการค้าแข้งบนเวทียุโรปกับ อินเตอร์ มิลาน และ เบนฟิก้า ทะลวง 23 ประตูนำเป็นดาวซัลโวสูงสุดของศึก บราซิล เซเรีย อา ขณะที่ บรูโน่ เอ็นรีเก้ ก็ทำผลงานเด่นเช่นเดียวกันหลังกระทุ้ง 18 ประตูตามมาเป็นอันดับ 2 นับเฉพาะผลงานของแนวรุกวัย 28 ปีก็ทำได้มากกว่า อาไว ทั้งทีมยิงรวมกันเพียง 16 ประตูเท่านั้น

'ริเวอร์ เพลท มีทั้งจุดแข็งและข้อบกพร่องเหมือน ฟลาเมงโก้ พวกเขาต่างเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม ไม่มีฝ่ายใดเหนือกว่ากัน เรามีความมุ่งมั่น เราเชื่อในทุกสิ่งที่เราทำด้วยคุณภาพของการเล่นเกมรุก ลูกทีมของผมก็เชื่อแบบนั้นเช่นเดียวกัน' จอร์จ เชซุส เปิดเผย

แน่นอนว่า ฟลาเมงโก้ เป็นคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อของ ริเวอร์ เพลท ที่ฝ่าดงแข้งจนหลุดเข้ามาป้องกันตำแหน่งแชมป์อีกครั้ง หลังเคยโค่นทีมคู่ปรับร่วมชาติอย่าง โบคา จูเนียร์ส เมื่อปีก่อน ท่ามกลางปัญหาการสร้างปัญหาของแฟนบอลที่เล่นงานรถบัสนักเตะโบคาจนหลายคนบาดเจ็บและฝ่ายหลังไม่ยอมเดินทางมาแข่งขันเกมที่สองในถิ่น ริเวอร์ เพลท ก่อน กอนเมโบล จะแก้ปัญหาด้วยการโยกเกมมาเล่นกันบนสังเวียน'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว'ของมาดริด 

นั่นคือครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของศึกชิงแชมป์สโมสรทวีปอเมริกาใต้ที่ถ่อมาแข่งกันบนแผ่นดินยุโรป แต่มันคงเป็นครั้งเดียวที่เกิดขึ้น 

จากปัญหาข้างต้นทำให้ กอนเมโบล ตัดสินใจจัดแข่งนัดชิงชนะเลิศของศึก โกปา ลีเบร์ตาดอเรส เพียงเกมเดียวบนสังเวียนเป็นกลางเหมือนศึก ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก โดยมีหลายช้อยส์ทั้ง มอนเตวีเดโอ ของอุรุกวัย, ซานติอาโก้ ของชิลี, อาซุนซิโอน ของปารากวัย ก่อนลงมติเลือก'เอสตาดิโอ โมนูเมนตาล'ของกรุงลีม่า ประเทศเปรูเป็นสังเวียนแข้งนัดชิงชนะเลิศรูปแบบใหม่ 

ริเวอร์ เพลท มี มาร์เซโล่ กายาร์โด้ เทรนเนอร์วัย 43 ที่คุมทีมมาตั้งแต่ปี 2014 เขาประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยการนำต้นสังกัดคว้าแชมป์ ลีเบร์ตาดอเรส ในปี 2018 พร้อมคว้ารางวัลเทรนเนอร์ยอดเยี่ยมของทวีปอเมริกาใต้เมื่อปีที่ผ่านมาด้วย 

จากผลงานที่ยอดเยี่ยมทำให้สื่ออาร์เจนไตน์พากันเล่นข่าวว่า กายาร์โด้ ถูก บาร์เซโลน่า ทาบทามดึงไปรับงานต่อจาก เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ลือแม้กระทั่งจะดึงเทรนเนอร์วัย 43 ปีไป'คัมป์ นู'ตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมนี้เลย ก่อนที่ กายาร์โด้ จะออกมาสยบข่าวว่ายังไม่มีการติดต่อหรือการเจรจาใดๆเกิดขึ้นระหว่างตัวแทนของเขากับทีมยักษ์กาตาลุนย่า

กายาร์โด้ ตอกย้ำรอยแผลเดิมให้ โบคา จูเนียร์ส อีกครั้งด้วยการเขี่ยคู่ปรับตลอดกาลตกรอบตัดเชือก หลังเปิดสังเวียน'เอสตาดิโอ โมนูเมนตาล อันโตนิโอ เวสปูซีโอ ลีเบร์ตี้'สยบคู่แข่งในเกมแรก 2-0 แม้จะพลาดท่าพ่ายที่'เอสตาดิโอ อัลเบร์โต้ โฮเซ่ อาร์มันโด้'0-1 ก็ตาม แต่ ริเวอร์ เพลท ยังทะยานเข้าไปป้องกันตำแหน่งแชมป์ด้วยสกอร์รวม 2-1

'สิ่งสำคัญคือการผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศอีกครั้งและมันเป็นเกมที่ยุ่งยากซับซ้อนก่อนที่จะฝ่าฟันอุปสรรคจนไปถึงเกมชิงชนะเลิศที่ลีม่าและตอนนี้ผมกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับเกมกับ ฟลาเมงโก้' กายาร์โด้ เปิดเผย

เทรนเนอร์วัย 43 ปียังวิเคราะห์คู่แข่งในเกมสำคัญวันเสาร์นี้ว่า'ฟลาเมงโก้ เป็นทีมที่ยอดเยี่ยม เราทราบดีว่าเรากำลังจะเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่ดีและเราทั้งสองทีมต่างมีโอกาสเท่ากัน เราทั้งสองทีมคล้ายคลึงกันในด้านประสิทธิภาพและลักษณะของผู้เล่น ดังนั้นการตอบสนองความต้องการด้านจิตใจจึงมีบทบาทสำคัญในการแข่งขันเหล่านี้และเราจะเห็นว่าในสองทีมนี้ฝ่ายใดจะเหนือกว่ากัน'

'เราทั้งสองทีมต่างต้องการผลการแข่งขันที่ดี ดังนั้นต่างฝ่ายต่างต้องเล่นกันด้วยความระมัดระวังในนัดชิงชนะเลิศ แต่ก็มีความคิดที่จะพยายามยิงประตูคู่แข่งเสมอ จากนั้นเราจะดูว่าฝ่ายใดจะเล่นได้ดีกว่าในเกมชิงชนะเลิศ' 

'มันจะเป็นเกมที่แตกต่างกันเพราะเรายังไม่มีอะไรจากที่นี่จนถึงเกมชิงชนะเลิศ ตอนนี้เป็นการเตรียมพร้อมและการฟื้นตัวกลับมาของผู้เล่นที่บาดเจ็บ เราต้องการทำผลงานดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เรามีเวลาพัก 9 วันนับตั้งแต่การลงเล่นเกมสุดท้ายก่อนจะดวลกับ ฟลาเมงโก้ ในวันเสาร์นี้' กายาร์โด้ เปิดเผย

ริเวอร์ เพลท มาถึงรอบชิงชนะเลิศในฐานะแชมป์เก่า แต่ยังไม่มีสโมสรใดเคยป้องกันแชมป์สำเร็จนับตั้งแต่ โบคา จูเนียร์ส เป็นทีมสุดท้ายที่ทำสำเร็จในปี 2001 

โบคา จูเนียร์ส คว้าแชมป์สมัยที่ 3 (จาก 6 ครั้ง) ในปี 2000 จากการดวลเป้าชนะ พัลไมรัส 4-2 หลังเสมอกัน 2 นัดด้วยสกอร์ 2-2 แต่ทีมดังอาร์เจนตินาจะป้องกันแชมป์สำเร็จในปีต่อมาหลังดวลเป้าแม่นกว่า กรูซ อาซูล โดยเอาชนะสโมสรเม็กซิกัน 3-1 หลังเสมอกัน 2 นัด 1-1 โบคา จูเนียร์ส ยังเคยป้องกันแชมป์สำเร็จก่อนหน้านั้นในปี 1977 กับ 1978 จากการเอาชนะ ครูเซโร่ ของ บราซิล และ เดปอร์ตีโว กาลี ของ โคลอมเบีย ตามลำดับ

อีก 4 สโมสรที่เคยป้องกันแชมป์ โกปา ลีเบร์ตาดอเรส สำเร็จก่อนหน้านี้คือ เปนญารอล ของ อุรุกวัย (1960 กับ 1961), ซานโตส ของ บราซิล (1963 กับ 1964), เซา เปาโล ของ บราซิล (1992 กับ 1993) และ อินเดเปนเดียนเต้ ของ อาร์เจนตินา (1968 กับ 1969) ส่วน ริเวอร์ เพลท จะเป็นสโมสรที่ 6 ที่ป้องกันแชมป์สำเร็จหรือไม่ เราคงจะทราบคำตอบในวันเสาร์นี้