จับเข่าคุย "เออร์ลิ่ง ฮาลันด์"
สำหรับเออร์ลิ่ง ฮาลันด์ กองหน้าดาวรุ่งพุ่งแรงกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ หลังจากฤดูกาลที่ผ่านมา กองหน้าทีมชาตินอร์เวย์ สามารถสร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ผ่านการยิงประตูอย่างต่อเนื่อง จนได้รับการจับตามองเป็นอย่างมาก
ช่วงนี้ .. เจ้าตัวจะมาเปิดเผยถึงเรื่องราวบางส่วนของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นแรงผลักดันจากครอบครัว, การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ, การรับมือกับแรงกดดัน และความรู้สึก กับการเป็นสมาชิกใหม่ของพลพรรค “เสือเหลือง”
ตอนไหนที่คุณตกหลุมรักฟุตบอลเป็นครั้งแรก ?
“ตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กเลยล่ะ ผมรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่า ผมรู้สึกรักกีฬาฟุตบอล เพราะคุณพ่อผมเป็นนักเตะอาชีพด้วย ผมอยากอยู่ในวงการลูกหนังมาตลอด มันเป็นเหมือนกับความฝันของผมเลย ผมมองว่าฟุตบอลคือสิ่งที่ผมต้องการมอบชีวิตให้”
คุณลืมตาดูโลกที่เมืองลีดส์ เคยมีโอกาสบ้างมั้ย ที่คุณจะเลือกเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ ?
“ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลย ผมไม่รู้เลยจริงๆ ผมย้ายกลับไปที่ประเทศนอร์เวย์ ในช่วงอายุราว 4 ขวบ ดังนั้น ผมจึงไม่ค่อยคิดถึงเรื่องการเลือกเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ สักเท่าไหร่ ผมเป็นชาวนอร์วีเจี้ยน แน่นอนว่า ผมภาคภูมิใจในเรื่องดังกล่าวเอามากๆ”
ความทรงจำที่มีต่อคุณพ่อ สมัยที่เขายังเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ?
“ผมยังเด็กเกินไปที่จะจำความได้ทั้งหมด พ่อลงเล่นในพรีเมียร์ลีก และทีมชาตินอร์เวย์ นั่นคือทั้งหมดที่ผมรู้ ในแง่ของฟุตบอล พ่อคอยช่วยเหลือผมเป็นอย่างมาก หากไม่มีท่าน ผมก็คงไม่มีทุกวันนี้ ผมอยากจะขอบคุณพ่อ และสมาชิกในครอบครัวที่เหลือ โดยเฉพาะคุณแม่, พี่สาว และพี่ชาย”
คุณเคยร่วมงานกับโอเล่ กุนนาร์ โซลชา คุณได้เรียนรู้อะไรจากเขาบ้าง ?
”ใช่แล้วล่ะ สิ่งที่ผมเรียนรู้จากเขาคือ ผมต้องตื่นตัวอยู่เสมอ พร้อมกับพยายามดุดันในการยิงประตู นอกจากนี้ ผมมีความคิดว่า ต้องยิงประตูอย่างสม่ำเสมอ นี่คือสิ่งที่โซลชา พร่ำสอนผมเสมอมา แน่นอนว่า เขาถือว่าเป็นดาวยิงชั้นยอด ผมเรียนรู้อะไรมากมายจากเขา”
แล้วคำสอนจากพ่อของคุณล่ะ ?
“แน่นอน พ่อของผมเผชิญหน้ากับผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมมาอย่างมากมาย ท่านรู้ดีว่า กองหน้าที่ดีควรเป็นยังไง ท่านสอนผมถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในวงการลูกหนัง เท่าที่ท่านเคยประสบมา ผมพยายามจะเรียนรู้ตรงจุดนั้น อย่างที่ผมบอกไปแล้ว พ่อสอนผมหลายอย่างเลย”
ความรู้สึกจากการเป็นลูกของนักฟุตบอลล่ะ ?
“พูดตามตรงนะ ผมไม่เคยสนใจเรื่องนี้เลย ผมรู้ว่า มันคือสิ่งที่หลายคนพยายามจับจ้อง อย่างไรก็ตาม สมาธิของผมไม่ได้อยู่ตรงจุดนั้น กระนั้น ผมมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ที่เกิดมาเป็นลูกของนักฟุตบอลอาชีพ .... ชีวิตของผมเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญคือ คุณต้องรู้สึกสนุกกับมัน และนั้นคือสิ่งที่ผมรู้สึก ในทุกวินาทีของการเป็นนักฟุตบอล”
ช่วยพูดถึงการก้าวกระโดด จากระดับเยาวชน สู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แบบเต็มตัวหน่อย ?
“ผมมองแบบนั้น แน่นอนว่า เมื่อคุณก้าวมาจากระดับอะคาเดมี่ หรือว่าฟุตบอลเด็ก การเปลี่ยนแปลงอาจจะยากสักหน่อย โดยเฉพาะโครงสร้างทางร่างกาย กระนั้น ผมยังมีความโชคดีอยู่บ้าง ที่ร่างกายของผมสามารถรองรับมันได้ และมันออกมาราบรื่นสำหรับผม”
การปรับตัวกับการเล่นฟุตบอลที่ประเทศเยอรมัน ของคุณ เป็นอย่างไรบ้าง ?
“เป็นคำถามที่ดี ผมคิดว่า ครอบครัวช่วยกันเลือกสโมสรที่เหมาะสมกับผม รวมถึงคนที่สโมสร สร้างความรู้สึกให้ผมว่าอยากย้ายไปเล่นด้วย ตั้งแต่วินาทีแรก ผมก็รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีม ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องที่ง่ายมาก สำหรับการแสดงผลงานออกมา รวมถึงในแง่ของการฝึกซ้อมด้วย ผมเป็นตัวของตัวเองแบบเร็วมาก สำหรับผม นี่ถือเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก”
คุณเป็นส่วนหนึ่งของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ถือเป็นทีมที่อุดมไปด้วยนักเตะอายุน้อย สิ่งนี้สำคัญกับคุณมากแค่ไหน ในการตัดสินใจเซ็นสัญญากับสโมสรแห่งนี้ ?
“มันขึ้นอยู่กับแนวทางการพัฒนาผู้เล่นอายุน้อย ที่สโมสรลงมือทำตลอดหลายปีที่ผ่านมา สิ่งนี้เป็นการสร้างแรงกระตุ้นให้กับผมเช่นเดียวกัน ดังนั้น คุณจะได้เห็นดาวดังตัดสินใจย้ายมาเล่นที่นี่”
เมื่อคุณย้ายมาเล่นกับสโมสรแห่งใหม่ คุณรู้สึกถึงความกดดันมากขนาดไหน ?
“ผมมักกดดันตัวเองอยู่เสมอ ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก สำหรับแรงกดดันจากการย้ายทีมหรอ ? ผมพยายามไม่คิดถึงเรื่องดังกล่าวมากเท่าไหร่ มันมีความกดดันมหาศาลอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดาเลยล่ะ นั่นเพราะว่าโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คือสโมสรใหญ่ นี่คือสิ่งที่คุณต้องอยู่ร่วมกับมันให้ได้”