:::     :::

คุยกับ "นุกูลกิจ ครุฑใหญ่" : จากเด็กวัด...สู่ว่าที่กองหลังทีมชาติไทย

วันอังคารที่ 29 กันยายน 2563 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
6,829
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ไทยลีก 2020 กลับมาแข่งขันอีกครั้งหลังสถานการณ์โควิด19 ในประเทศไทยเริ่มเบาบางลง มีหลายสโมสรที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม หนึ่งในนั้นคือ สุโขทัย เอฟซี ที่โกยไป 7 แต้มจาก 3 นัดหลังสุด ด้วยผลงานที่น่าชื่นชมของแผงเกมรับที่ใช้บริการแข้งไทยแท้ทั้งหมด นำโดย "เฟิร์ส" นุกูลกิจ ครุฑใหญ่ ที่โดดเด่นจนล่าสุดถูกเรียกตัวเข้าร่วมแคมป์ทีมชาติไทยในช่วงฟีฟ่าเดย์ไปเรียบร้อยแล้ว วันนี้ผมจะพาไปคุยกับเขาเกี่ยวกับเส้นทางชีวิตนักฟุตบอลที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่กำลังเห็นแสงสว่างที่เขาระบุว่านี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตในทุกๆ เรื่อง ไปติดตามเรื่องราวกันได้เลย

แมน : สวัสดีครับเฟิร์ส ตอนนี้ฟอร์มเกมรับของ สุโขทัย ถูกกล่าวถึงกันมากเลย เพราะนี่คือทีมเดียวที่ใช้แผงกองหลังและผู้รักษาประตูเป็นคนไทยทั้งหมด อยากให้เฟิร์สเล่าให้ฟังหน่อยครับว่าเบื้องหลังผลงานแบบนี้เกิดจากอะไรบ้าง

นุกูลกิจ : ครับพี่แมน คงเป็นเพราะพวกเราอายุรุ่นราวคราวเดียวกันหมดเลย อย่างเซนเตอร์ 3 คนเราอายุเท่าๆ กัน ตอนเด็กๆ ถึงไม่ได้เล่นทีมเดียวกันแต่ก็แข่งเจอกันมาตลอดตั้งแต่บอลขาสั้นแล้ว ผมเองแต่ก่อนเรียนที่พณิชยการราชดําเนิน ส่วนต๋อง (นรงค์ฤทธิ์ บุญสุข) เรียนอยู่อัสสัมชัญกรุงเทพฯ, ซัน (ปิยะราษฎร์ ลาจังหรีด) ก็เคยแข่งกันตอนกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ตอนนั้นผมไปเล่นให้กาญจนบุรี ส่วนซันเล่นให้นครราชสีมา รวมถึงคนอื่นๆ อย่างแบ็คซ้าย ก๊อต (ศาสนพงษ์ วัฒยุชูติกุล) ก็รุ่นเดียวกัน แต่ก่อนเขาเล่นที่ JMG กับ โก้ (วรนาถ ทองเครือ) ก่อนที่โก้จะไปเข้าทีมเมืองทองฯ ซึ่งก็เคยแข่งกันมาทั้งนั้น, นุ้ก (ณัฐวุฒิ เจริญบุตร) ก็รุ่นๆ เดียวกัน มันทำให้เราคุยกันเข้าใจง่าย ไม่ต้องติดลูกเกรงใจ บอกกันตรงๆ ได้ทุกเรื่อง คนอื่นๆ ในทีมก็เปิดรับความคิดเห็นกันดีมากครับ อย่างผมเล่นกองหลังตัวกลาง เวลาบอกให้ใครต้องทำอะไร ทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แม้กระทั่งผู้เล่นต่างชาติอย่าง จุง (จุง มยอง-โอ) ขนาดเขาอาวุโสกว่าเรา บางครั้งเราก็เกรงใจที่เขาเป็นรุ่นพี่แต่เขาก็ไม่ถือตัวกับคนอื่นๆ เลยครับ

แมน : แล้วทางโค้ชอั๋น (สุรพงษ์ คงเทพ) มีส่วนในการสร้างความมั่นใจให้กับพวกเรามากแค่ไหนครับ


นุกูลกิจ : พี่อั๋นพูดกับพวกผมทุกๆวันครับ ว่า ให้พวกเราเชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อมันในแนวทางของทีม เชื่อมั่นในระบบของทีมเราเสมอ และวิธีการซ้อมของพี่อั๋น จะไม่มีการแบ่งว่าใครคือตัวจริงตัวสำรอง อยู่ที่ทุกๆคนแสดงออกในการซ้อม ว่าใครเข้าใจในการซ้อม เข้าใจในระบบของทีม แม้กระทั่งเด็กๆ น้องๆ เยาวชนในทีม บางสโมสรอาจจะมองข้ามพวกเขาไป แยกซ้อมและไม่ได้ใส่ใจมากเท่าไหร่ แต่พี่อั๋นลงรายละเอียดให้กับทุกๆ คน ให้ทุกๆ คนเข้าใจในระบบของทีม เพื่อทดแทนกันได้และเข้าใจกันทุกคน ว่าต้องทำแบบไหนเวลาลงไปในสนาม เพราะทุกคนมีโอกาสที่จะได้ลงเล่น คำที่พี่อั๋นได้ย้ำพูดกับพวกผมในทุกๆวัน มันได้ฝังอยู่ในสมองของพวกผมแล้ว จนทุกวันนี้พวกผมได้ทำสิ่งที่แกบอกในทุกๆวันอย่างอัตโนมัติ

แมน : ก่อนที่จะกลับมาแข่ง ช่วงที่อุ่นเครื่องพรีซีซั่น สุโขทัย ผลงานไม่ดีเลย จนแฟนบอลเองก็วิจารณ์ว่าไม่น่ารอด แต่พอเปิดซีซั่นมาจริงๆ กลับตรงกันข้าม เฟิร์สมองเรื่องนี้ยังไงครับ

นุกูลกิจ : จริงๆ ครับ ช่วงอุ่นเครื่องเราเสมอกับแพ้ตลอดเลย แต่นั่นมันก็แค่การอุ่นเครื่อง มีการทดลองทั้งแท็กติกและตัวผู้เล่น ถ้าไม่ลองช่วงนั้นแล้วจะไปลองช่วงไหนล่ะครับ อย่างตัวผมเองตอนแรกก็ไม่ได้เล่นหลังตัวกลางนะพี่ โค้ชเขาลองมาหมดแล้ว ตอนแรกเขาใช้ต๋อง เพราะด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ที่สุด แล้วก็ลอง ซอ มิน ตุน จนมาลงตัวที่ ซัน กับ ต๋อง ยืนเป็นสต็อปเปอร์ แล้วผมยืนเป็นตัวสุดท้าย ซึ่งผมจะเล่นได้ง่ายกว่าเพราะมีเพื่อนๆ คอยชนกองหน้าคู่แข่งให้ก่อนแล้วเราค่อยเก็บตกอ่านทางบอลนี่แหละครับ 


แมน : 3 นัดที่ผ่านมา โดยเฉพาะ 2 เกมแรกที่เจอกับ เมืองทองฯ และ ตราด ดูเหมือน เฟิร์ส จะมีแรงจูงใจในการลงเล่นเพิ่มขึ้นมาเป็นพิเศษหรือเปล่าครับเพราะเป็นทีมเก่าทั้งคู่เลย

นุกูลกิจ : ใช่ครับพี่ โดยเฉพาะเกมกับ เมืองทองฯ ถ้ามี 100 ผมก็ใส่ 200% เลยครับ ตอนที่อยู่เมืองทอง เราไม่ค่อยได้รับโอกาสเท่าไหร่ ผมก็เลยอยากพิสูจน์ให้เห็นว่าเราก็มีดีนะ ส่วนกับ ตราด ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ปีที่แล้วผมไปเล่นที่ตราด ได้ไปร่วมงานกับ อ.พยงค์ ขุนเณร ที่เคยสอนผมมาตั้งแต่พณิชยการราชดําเนิน ก็ถือว่าผมและนักเตะคนอื่นๆ อย่างเช่น วง (วงศกร ชัยกุลเทวินทร์) หรือ เจน (เจนรบ สำเภาดี) ในตอนนั้นก็พยายามจะพิสูจน์ตัวเองว่าพวกเราก็มีคุณภาพเหมือนกัน และก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ตามเป้าหมายของทีมแล้วคือการช่วยให้ทีมอยู่รอดในไทยลีก ส่วนนัดที่เจอโคราช หลายๆ คนในทีมก็มีภูมิหลังเป็นเรื่องราวเหมือนกันครับ อย่าง โก้ (วรนาถ ทองเครือ) กับ ซัน (ปิยะราษฎร์ ลาจังหรีด) ก็เป็นบ้านเกิดของเขา, นุ้ก (ณัฐวุฒิ เจริญบุตร) ครอบครัวแฟนเขาก็เป็นคนที่นี่ เขาพากันเข้ามาเชียร์ที่สนามด้วย เขาก็อยากทำผลงานให้ดีเป็นพิเศษครับ

แมน : เฟิร์สเป็นคนจังหวัดอะไรนะครับ แล้วเส้นทางฟุตบอลก่อนไปอยู่กับ พณิชยการราชดําเนิน และก่อนมาเป็นนักเตะอาชีพกับ เทโร เป็นมายังไงครับ

นุกูลกิจ : ผมเป็นคนประจวบฯครับ อยู่อำเภอบางสะพานน้อย ตอนเด็กๆ ผมติดสอยห้อยตามน้า และพี่แถวบ้านชื่อพี่อั้ม ไปดูเขาเตะบอลเดินสายกันตลอด ผมก็เล่นกับเขามาตั้งแต่เด็กๆ ครับ ตั้งแต่ประถมผมเรียนที่บางสะพานน้อย โค้ชคนแรกชื่อว่าคุณครูทรงวุฒิ ประเสริฐยิ่ง เรียนจนถึง ม.1 ต่อมาน้าปั๋งพาผมกับเพื่อนแถวบ้านอีก 6 คนไปคัดเข้าทีมของวัดที่อยู่จังหวัด นครนายก ชื่อ วัดพรหมมหาจุฬามุนี พรหมรังษี (ชื่อเก่า วัดชวดบัว) ตำบล ดอนยอ อำเภอ เมืองนครนายก จังหวัดนครนายก มีหลวงพี่ชื่อ พระวรวุฒิ มหาพโร เป็นผู้จัดการทีม โค๊ชคนที่สอนผมตอนอยู่วัดคือ พี่คราฟ อ.สถาพร วาจาขำ (ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยโค๊ชทีมสุพรรณบุรี เอฟซี) โรงเรียนที่ผมไปเรียนที่นครนายก ชื่อ โรงเรียนอุบลรัตน์ราชกัญญาราชวิทยาลัย (ชื่อเก่า โรงเรียน วัดศรีจุฬา) มาเข้าเรียนตอน ม.2 พอจบ ม.3 ก็ไปเรียนต่อที่โรงเรียน พณิชยการราชดำเนิน ธนบุรี โดยการชักชวนจากโค๊ช สถาพร วาจาขำ ซึ่งเค้าย้ายไปเป็นโค๊ชที่นั่น ผมหนีหลวงพี่ไปคัดที่นั่น ตอนออกมาผมไม่กล้าบอกหลวงพี่ กลัวแกจะผิดหวังเพราะแกคอยดูแลและให้โอกาสผมมาตลอด ตอนที่ผมกลับไปเอาเสื้อผ้าของใช้ ผมยังแอบไปไม่ให้แกรู้เลยครับ


แมน : ที่ว่าเฟิร์สเคยเป็นเด็กวัด คือใช้ชีวิตยังไงบ้างครับ

นุกูลกิจ : เป็นเด็กวัดเต็มตัวเลยครับ ใช้ชีวิตอยู่ที่วัดเลย บางวันก็ต้องตามหลวงพี่ไปบิณฑบาตร กวาดวัด ทำทุกอย่าง ห้องโถงที่เป็นที่นอนของพวกเราก็ช่วยกันสร้างขึ้นมาเองครับ ก่อปูนทาสีกันเอง นักบอลต้องอาศัยกินนอนอยู่ที่วัด  แล้วที่ยิ่งกว่านั้น พ่อผมเห็นผมไปอยู่วัด แกก็ลาออกจากงานที่เทศบาล ขี่มอเตอร์ไซค์จากประจวบฯ มาขออยู่ที่วัดกับผมด้วยเลย ทั้งที่ตอนนั้นหน้าที่การงานของพ่อก็เริ่มดีแล้ว ตอนนั้นแม่ก็ไม่เข้าใจพ่อครับ แต่พ่อเขาก็เป็นห่วงผม

แมน : ตอนนั้นนอกจากไปคัดที่ พณิชยการราชดําเนิน มีไปคัดที่อื่นด้วยมั้ยครับ

นุกูลกิจ : ไม่เลยพี่ ผมไม่รู้จักใครเลย ที่ไปคัดพณิชยการราชดําเนิน เพราะพี่คราฟ (สถาพร วาจาขำ) แกชวนผมไป สมัยนั้นนะพี่ เด็กที่เก่งๆ ทั่วประเทศเขาจะไปคัดที่โรงเรียนอื่นก่อน แล้วคนที่หลุดมาถึงพณิชยการราชดําเนิน จะเป็นพวกที่เหลือๆ แล้ว แต่ดูทุกวันนี้สิพี่ ศิษย์เก่าพณิชยการราชดําเนิน มีก้าวขึ้นไปติดทีมชาติไทย หรือเล่นไทยลีกกี่คนแล้ว อย่าง เจ ชนาธิป (สรงกระสินธุ์) ก็เป็นรุ่นน้องผมปีนึง เจ ก็ไปคัดมาทั่วแล้วเหมือนกันแล้วเขาไม่เอาเพราะว่าตัวเล็กเกินไป แต่ตอนนี้ เจ ไปถึงไหนแล้ว นี่ก็เป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของพวกผมเหมือนกันครับ แล้วตอนที่แข่งชิงถ้วยพระราชทาน ก. รุ่น 18 ปี ผมเป็นกัปตันทีม ชุดนั้นมีทั้ง เจ ทั้ง เกมส์ (ศนุกรานต์ ถิ่นจอม) เราได้แชมป์ประเทศไทย เอาชนะโรงเรียนดังๆ ได้หมดเลยครับ


แมน : พณิชยการราชดําเนินชุดนั้น มี เจ ชนาธิป คนเดียวที่ไปติดทีมชาติไทยชุดยู-19 รุ่นน้าฉ่วย (สมชาย ชวยบุญชุม) ทำใช่มั้ยครับ แล้วคนอื่นๆ รวมถึงเรามีโอกาสติดทีมชาติชุดไหนบ้างมั้ย

นุกูลกิจ : ชุดยู19 มีเจคนเดียวครับ คนอื่นๆ หลายคนไปติดทีมนักเรียนไทย 18 ปี แต่ผมเกิดปี 2535 มันไปคร่อมระหว่างรุ่นปี 34 กับ 36 จะเล่นกับรุ่น 36 ก็อายุเกินแล้ว ถ้าจะติดก็ต้องไปเบียดรุ่น 34 ที่มีพวก สารัช อยู่เย็น, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ นั่นล่ะครับ ซึ่งรุ่นนั้นกองหลังที่ดังๆ ก็มี "วิน'' วิธวินทร์ (คลอวุฒิวัฒน์) ตอนที่เขาติดทีมชาติกันผมยังไม่ได้มีผลงานอะไร และจนถึงตอนนี้ผมยังไม่เคยมีโอกาสติดทีมชาติชุดไหนมาก่อนเลย  

แมน : ล่าสุด อากิระ นิชิโนะ ประกาศชื่อ 50 นักเตะทีมชาติไทยที่จะเก็บตัวช่วงฟีฟ่าเดย์เดือนต.ค. นี้ ปรากฎว่ามีชื่อนักเตะสุโขทัย 4 คน รวมถึง เฟิร์ส ด้วย (พีระพงษ์ เรือนนินทร์, ณัฐวุฒิ เจริญบุตร, คัพฟ้า บุญมาตุ่น) เฟิร์สรู้สึกยังไงบ้างครับพอรู้ว่ามีชื่อ ได้คุยกับคนอื่นๆ มั้ยว่าตื่นเต้นดีใจกันแค่ไหน


นุกูลกิจ : ดีใจมากครับแต่พวกผมก็พยายามเก็บอาการกันนะ เราก็ไม่ได้ลิงโลดขนาดนั้นเพราะไม่อยากให้คนอื่นในทีมที่ไม่มีชื่อเขารู้สึกไม่ดี อย่างที่ผมเคยบอกพี่ว่าการติดทีมชาติคือความฝันของผมอยู่แล้ว แต่เราไม่อยากไปคาดหวังว่าจะต้องติดให้ได้ เพราะถ้าคาดหวังเยอะพอไม่สมหวังมันก็จะเกิดความผิดหวัง ผมแค่อยากทำผลงานในสโมสรให้ดีในแต่ละเกม ส่วนหากมีโอกาสติดทีมชาติก็ถือเป็นโบนัสมากกว่าครับ จริงๆ ผมพอจะรู้มาก่อนแล้วครับเพราะเจ้าหน้าที่ในทีมเขาก็แซวๆ ผมว่าเป็นทีมชาติมาซักพักแล้ว อย่างพี่เขต (เขตพงศ์ กุลนาถศิริ ผู้จัดการทีม) แกก็บอกผมว่าแกภูมิใจมากนะที่นักเตะสุโขทัยได้ไปติดทีมชาติซะที แกฝันมาตั้งนานแล้วว่าอยากให้นักเตะสุโขทัยมีโอกาสติดธงบ้าง เพราะที่ผ่านมาก็มีแค่เคยติดก่อนมาอยู่กับทีม อย่างพี่ฟ้า (คัพฟ้า) แกเคยติดตั้งแต่สมัยอยู่ โอสถสภา ส่วน ผม, เอิร์น แล้วก็นุ้ก นี่เป็นครั้งแรกเลย 

แมน : คาดหวังอะไรบ้างครับกับการไปร่วมเข้าแคมป์ทีมชาติไทยครั้งนี้

นุกูลกิจ : อยากเข้าไปเก็บประสบการณ์ให้มากที่สุดครับ ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทีมสุโขทัย ทุกคน รวมถึงทีมสตาฟฟ์ด้วย เพราะที่ผมมีชื่อติดทีมชาติมันไม่ได้เกิดจากผมคนเดียว แต่เพราะทุกคนช่วยกันจนทีมมีผลงานออกมาดี ทั้ง 4 คนที่มีชื่อก็ถือเป็นตัวแทนของทุกคนในทีมสุโขทัยครับ การไปเข้าแคมป์ทีมชาติ ผมไม่ได้คาดหวังอะไรมาก จะพยายามทำให้เหมือนทุกวันที่อยู่กับสโมสร ให้เป็นตัวของตัวเองที่สุด ถ้าไปคาดหวังเยอะจะกลายเป็นกดดันตัวเองจนอาจจะเกร็งเกินไป แล้วผลงานจะกลายเป็นออกมาไม่ดี ผมอยากไปพิสูจน์ให้เห็นว่าผมก็มีดีไม่แพ้ใครในประเทศไทยเหมือนกัน ผมโดนดูถูกมาตลอดนะพี่ว่าตัวเล็กเกินไป ผมเคยโดนติงว่าตัวบางเกินไป ช่วงที่มีโควิดก็เลยไปเสริมกล้ามเนื้อส่วนบนเพิ่มขึ้นมา ผมเห็นกองหลังระดับโลกหลายๆ คนก็ไม่ได้ตัวสูงมากมาย วิธีการแย่งโหม่งกับกองหน้าต่างชาติตัวสูงๆ ก็มีตั้งหลายวิธี เราไม่ต้องขึ้นไปแย่งโหม่งตรงๆ ก็ได้ เราสามารถรอชิงจังหวะขึ้น หรือไม่ต้องไปชิงโหม่งเลยก็ยังได้ แค่เข้าไปชนให้เขาโหม่งไม่ถนัด อีกอย่างกองหลังไม่ได้เล่นคนเดียว เรามีเพื่อนร่วมทีมที่ช่วยกันได้ ลูกกลางอากาศทีมเราก็มีต๋อง ที่ขึ้นไปชนให้ก่อน รูปร่างอาจจะไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอไปถ้ารู้จักวิธีการเล่นครับ

แมน : มีนักเตะคนไหนที่เป็นไอดอลบ้างมั้ยครับ 

นุกูลกิจ : ผมชอบ ติอาโก้ ซิลวา กองหลังทีมชาติบราซิลของเชลซีครับ เขาก็ไม่ได้ตัวสูง แค่ 180 ต้นๆ แต่เขาเป็นกองหลังระดับโลกได้เพราะเหลี่ยมบอลการอ่านเกมเขาสุดยอดมากๆ 

แมน : รอยสักของเฟิร์สนี่มีเรื่องราวที่มาหรือเปล่าครับ หรือเป็นความชื่นชอบส่วนตัว

นุกูลกิจ : มีทั้งสองแบบครับ อย่างท้องแขนข้างซ้ายผมสักชื่อตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ แต่ก่อนผมเคยสักเป็นรูปนกแล้วก็เปลี่ยนมาเป็นเต่า แต่เหมือนกับว่าชีวิตผมในช่วงนั้นมันขึ้นๆ ลงๆ เหมือนอะไรๆ มันจะเชื่องช้าเป็นเต่าไปหมดก็เลยไปสักทับเป็นลายของชนเผ่า ลำตัวด้านซ้ายผมสักเป็นอักษรภาษารูนครับ แขนขวาผมสักเป็นรูปเรือสำเภา เพราะบ้านที่ประจวบฯผมติดทะเล ตรงหน้าอกข้างซ้ายผมให้ช่างสักเป็นลายแนวๆ ว่ามีลมพายุโหมกระหน่ำอะไรประมาณนี้ครับ 


แมน : คิดจะสักเพิ่มอีกมั้ยครับ

นุกูลกิจ : จริงๆ ผมตั้งใจจะไปสักเพิ่มอีก 2-3 จุดนะพี่ แต่แฟนผมเขาเบรกไม่อยากให้สักเพิ่มแล้ว

แมน : โบราณเขาว่าเชื่อภรรยาแล้วได้ดีทุกคนครับ 

นุกูลกิจ : 555 แขนขวาผมมีรอยสักอีกลายเป็นรูปรองเท้าอดิดาส F50 รุ่นสไปเดอร์แมน สีแดงเทา กับลูกบอลเก่าๆ ครับ เรื่องนี้มีที่มานะพี่ คือสมัยเด็กๆ ผมไม่มีเงินซื้อรองเท้าสตั๊ด เต็มที่ถ้าพ่อซื้อให้ก็เป็นรองเท้าสตั๊ดหลักร้อยหรือหลักพันนิดๆ เตะก๊อกๆ แก๊กๆ ครับ พ่อผมเคยซื้อรองเท้ายี่ห้อฮาร่า รุ่น T98 ที่ทำเลียนแบบ ไนกี้ T90 มาให้ ส่วน รองเท้าสตั๊ดคู่แรกในชีวิตที่ผมซื้อ ตอนนั้นผมจำได้เลย ผมกับเพื่อนที่วัด โบกรถกระบะขนหมูออกมาหน้าปากทาง ระยะทางจากวัดออกมาถนนใหญ่ไกลมากๆ ครับ แล้วก็ต่อรถตู้ไปลงที่ฟิวเจอร์รังสิต แล้วก็นั่งรถเมล์สาย 29 ไปต่อรถไฟฟ้าที่หัวลำโพง เพื่อจะไปซื้อรองเท้าสตั๊ดที่หลังสนามศุภฯ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เด็กวัดอย่างพวกผมได้เข้าเมืองกรุงฯ พอซื้อเสร็จแล้วก็ต้องรีบกลับนครนายก เพราะเดี๋ยววินรถหมดจะกลับวัดไม่ได้ ทีนี้ส่วนรองเท้าอดิดาสรุ่น F50 เนี่ย ผมเคยไปยืมมาจากพี่อั้ม เป็นพี่แถวบ้านที่สนิทกันมาก เป็นคนที่เตะบอลเดินสายกับน้าชายผมที่ผมเคยเล่าให้ฟัง บ้านเขาค่อนข้างมีตังค์ ตอนนั้นเขาเข้าไปเรียนที่ ภปร.นครปฐม ผมไปยืมรองเท้ารุ่นนี้เขามาใส่แข่ง ซึ่งเป็นรองเท้ารุ่นในฝันของผมเลย

แมน : ทุกวันนี้ยังติดต่อกับรุ่นพี่คนนี้อยู่มั้ยครับ

นุกูลกิจ : ติดต่อกันตลอดครับ ผมไปเที่ยวไปนอนบ้านพี่เขาบ่อยมาก เรื่องยืมรองเท้ามีอีกคนนึง คือ พี่ดา ผมยืมรองเท้ารุ่นล๊อตโต้ สีดำเขียว ใส่ของพี่เค้าขาด ทุกวันนี้ผมยังไม่ได้ซื้อรองเท้าใหม่คืนพี่เค้าเลยครับ555 ผมจะซื้อคู่ใหม่ไปให้พี่เค้าอยู่ จุดพีคคือ พอถึงวันซ้อมวันแรกรองเท้าดันขาด กาวที่พื้นรองเท้าหมดอายุแล้วมันหลุดออกหมดทั้งพื้นเลย ผมเลยต้องไปยืมรองเท้า ผู้ช่วยโค๊ชอาจารย์สถาพร วาจาขำ ใส่ก่อน พี่คนนั้น ชื่อ เป้ (ซึ่งตอนนี้พี่เค้าเสียชีวิตไปแล้ว) รุ่น อาดิดาสพรีเดเตอร์ ถ้าไม่ได้ของพี่เค้าผมคงไม่มีรองเท้าใส่คัดแน่ๆ ผมยังจำได้อยู่เลยเหตุการณ์ในตอนนั้น ทำให้ผมได้คัดเลือกตัวเพราะรองเท้าพี่เค้าเลยครับ


แมน : เป็นความทรงจำดีๆ ที่พอเห็นรอยสักต่างๆ แล้วก็นึกถึงเรื่องเก่าๆ นะครับ เก็บไว้แต่ความทรงจำที่เป็นสิ่งดีๆ มันก็ช่วยสร้างกำลังใจให้เราได้เนอะ 

นุกูลกิจ : ใช่ครับพี่ มันทำให้เรานึกถึงวันที่เราเคยผ่านเรื่องนั้นๆ มา อะไรที่เป็นสิ่งไม่ดีก็ลืมมันไป ผมพยายามนึกถึงแต่ความทรงจำที่ดีๆ มาช่วยเป็นแรงหนุนให้เรามีพลังเพิ่มขึ้นครับ

แมน : เห็นในเฟซบุ๊ค เฟิร์สกำลังจะมีลูกชายคนแรก ตั้งชื่อว่าน้อง อาร์เธอร์ ใช่มั้ยครับ ชื่อนี้ต้องมีที่มาอะไรแน่ๆ เลย

นุกูลกิจ : ใช่ครับ เป็นชื่อของตัวพระเอก อควาแมน เพราะตัวผมบ้านเกิดอยู่ติดทะเลที่ประจวบฯ ส่วนแฟนบ้านเขาก็อยู่ติดกับแม่น้ำที่อุบลฯ ผมเองก็นับถือพญานาค เราเลยอยากตั้งชื่อลูกให้เกี่ยวกับน้ำครับ 


แมน : ตอนนี้คุณกิ๊กตั้งครรภ์ได้กี่เดือนแล้วนะครับ 

นุกูลกิจ : เราใช้วิธี อิ๊กซี่ ครับ  (ICSI : Intracytoplasmic Sperm Injection เป็นการปฏิสนธินอกร่างกาย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูงอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยในการปฏิสนธิสำหรับผู้มีบุตรยาก โดยจะคัดเชื้ออสุจิที่สมบูรณ์แข็งแรงจำนวนเพียงหนึ่งตัวโดยไม่รอให้เกิดการปฏิสนธิกันเอง) แฟนผมเขาเคยผ่าตัดเนื้องอกมดลูกมา 2 ครั้ง ทำให้มีลูกด้วยวิธีธรรมชาติไม่ได้ ตอนนี้ทำ อิ๊กซี่ สำเร็จแล้ว เดี๋ยววันที่ 29 นี้ก็จะย้ายตัวอ่อนไปไว้ในครรภ์แล้วครับพี่ 

แมน : ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ ช่วงนี้ก็ต้องบำรุงแฟนให้เต็มที่เลย แล้ววางแผนจะมีคนที่ 2 อีกมั้ยครับ

นุกูลกิจ : ผมอยากจะมีลูกสาวอีกสักคนนะครับ ผมกับแฟนตั้งใจอยากมีลูกมาก และอยากให้เขาโตทันเห็นเราเตะบอล อยากให้เขาซึมซับฟุตบอลไปเรื่อยๆ อยากให้เขาได้เห็นครับสำหรับลูกชาย เผื่ออนาคตเขาอยากจะเป็นนักฟุตบอลเหมือนผมครับ ถ้ามีช้ากว่านี้ กว่าเขาจะโตเราอาจจะแก่เกินไปที่จะเล่นบอลกับเขาแล้ว

แมน : พูดถึงเรื่องคุณกิ๊ก รุ่งนภา เห็น MV ตัวใหม่ ที่เอา เอิร์น (พีระพงษ์ เรือนนินทร์) ไปเล่นเป็นพระเอก MV ด้วย แล้ว เอิร์น ก็เล่นได้เนียนอย่างกับเป็นมืออาชีพเลย ใน MV 

นุกูลกิจ : ใช่ครับ เป็นเพลงที่ปล่อยมาใหม่ชื่อเพลง "มีสิทธิ์ถ่ายแต่บ่มีสิทธิ์โพสต์" เพลงนี้พระเอกต้องการแบบประมาณว่าลุคต้องหล่อๆ เพลย์บอยหน่อย ซึ่งหน้าตา เอิร์น ก็ตรงกับคาแร็คเตอร์พอดี 555 ก่อนถ่าย กิ๊กเขาก็แนะนำเอิร์นว่าไม่ต้องเกร็ง ให้เล่นเป็นธรรมชาติเข้าไว้ 555


แมน : รวมถึงคนอื่นๆ ในทีมก็ไปร่วมแจม เห็นมี ก๊อต (ศาสนพงษ์ วัฒยุชูติกุล) กับ โก้ (วรนาถ ทองเครือ) ด้วย

นุกูลกิจ : ใช่ครับ ก็อาศัยชวนเพื่อนๆ ในทีมไปแจมกันครับ ก๊อต นี่เวลาถ่ายก็หล่อขึ้นกล้องอยู่ จริงๆ ก่อนหน้านี้ผมเคยร้องฟีเจอริ่งกับกิ๊กมาแล้วเพลงนึงคือเพลง "บ่มีหยัง" ยอดวิวตอนนี้ประมาณ 6 แสนกว่าแล้วครับ 


แมน : แสดงว่าเฟิร์สเป็นคนชอบเรื่องดนตรี การร้องเพลงอยู่แล้วสิครับ

นุกูลกิจ : ครับพี่ อย่างเวลาไปซ้อม ผมก็จะหิ้วลำโพงมาร์แชล ติดตัวไปด้วยตลอด ตอนอยู่ในห้องแต่งตัวหรือตอนแช่น้ำแข็งหลังซ้อมหรือตอนอยู่บนรถบัส ผมก็จะเป็นคนเปิดเพลง แล้วเพื่อนๆ ก็จะขอเพลงให้ผมเปิดตลอดครับ

แมน : โค้ชอั๋นแกเคยขอเพลงบ้างมั้ยครับ 555

นุกูลกิจ : โค้ชอั๋นแกไม่ค่อยขอครับ แต่แกชอบแซวว่าเดี๋ยวมันก็เปิดเพลงแฟนตัวเองอีก เพื่อนๆ ในทีมก็ชอบขอเพลงของกิ๊กเพื่อแซวผมกัน แต่จริงๆ ผมชอบเปิดเพลงสากล ของต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ครับ

แมน : ฟังดูที่เฟิร์สเล่าๆ มาทั้งหมด ทีมนี้สปิริตทีมดีมากนะครับ ตั้งเป้าไว้มั้ยว่าฤดูกาลนี้จะต้องจบในอันดับไม่เกินเท่าไหร่ หรือหวังแชมป์ซักรายการมั้ย


นุกูลกิจ : พูดจากใจจริงเลยนะพี่ ผมหวังว่าเราจะคว้าแชมป์ทุกรายการน่ะแหละ ถึงใครจะมองว่าเรายังดีไม่พอ แต่ผมอยู่กับทีมผมมั่นใจว่าทีมเรามีดีไม่แพ้ใครเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นเป้าหมายที่อยากจะทำให้ได้เป็นชั้นต่ำก็อยากจบฤดูกาลอยู่ในท็อป 6 ของตารางครับ 

แมน : ขอเอาใจช่วยเฟิร์สนะครับ ทั้งผลงานกับสโมสรแล้วก็การติดทีมชาติไทยด้วย วันนี้ต้องขอบคุณมากๆ นะครับที่สละเวลามาพูดคุยกัน

นุกูลกิจ : ขอบคุณมากเช่นกันครับพี่แมน


ถ้าชอบก็กดไลค์ ถ้าใช่ก็กดแชร์กันด้วยนะครับ (แมน โกสินทร์)


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด