:::     :::

พูดคุยกับแมวมองที่ค้นพบ "คริสเตียโน่ โรนัลโด้"

วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม 2563 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
2,672
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หากเราจะเอ่ยถึงบุคคลสำคัญ

ทั้งกับสโมสรสปอร์ติ้ง ลิสบอน และอาจรวมไปถึงวงการลูกหนังโปรตุเกส ชื่อของออเรลิโอ เปเรยร่าย่อมถูกยกขึ้นมาด้วยอย่างแน่นอน เพราะนี่คือแมวมอง ที่ค้นพบ และเจียระไนเพชรเม็ดงามมาแล้วอย่างมากมาย พร้อมกับป้อนผลผลิตเหล่านี้ เข้าสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสร และทีมชาติโปรตุเกส 


หนึ่งในนักเตะที่ เปเรยร่า ทำการประคบประหงมมาตั้งแต่เด็ก นั่นคือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นักฟุตบอลระดับแถวหน้าของโลกคนปัจจุบัน ควบมาด้วยตำแหน่งดาวซัลโวตลอดกาลของทีมชาติโปรตุเกส ช่วงนี้ เขาจะมาย้อนความทรงจำ ถึงอดีตลูกศิษย์รายนี้ ผ่านหลากหลายเรื่องราวดีๆ ที่เปี่ยมไปด้วยมิตรภาพที่แน่นแฟ้น

เปเรยร่า พูดถึงคำจัดกัดความ ในการเป็นแมวมองของตัวเองว่า ตลอดเส้นทางอาชีพ เขาค้นพบเด็กพรสวรรค์สูงมาแล้วอย่างมากมาย เรียกได้ว่านับไม่ถ้วนเลยทีเดียว 


แต่สิ่งที่ทำให้เด็กคนหนึ่งแตกต่างจากคนที่เหลือ เขามองว่าเป็นเรื่องของความมุ่งมั่น และความทุ่มเทและนั่นคือสิ่งที่โรนัลโด้ มีเสมอมา ตั้งแต่ที่ยังเป็นเด็ก จนถึงวันที่เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของเส้นทางลูกหนัง 


"เมื่อเราติดต่อกับเด็กเยาวชนที่อยู่ห่างไกลออกไป เป้าหมายของเราคือการพาพวกเขามาสู่อะคาเดมี่ของทีมสปอร์ติ้ง ลิสบอน เราต้องรับผิดชอบต่อความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของพวกเขา ที่วันหนึ่ง อาจจะกลายเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม" 


เปเรยร่า เริ่มกล่าว โดยเขายังคงเก็บรักษาบัตรประจำตัวของโรนัลโด้ สมัยที่ “CR7” ยังคงเป็นเด็กฝึกของสโมสรเอาไว้เป็นอย่างดี เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาประวัติแห่งความพยายาม 


"เรามองไปที่การสร้างเด็ก ทั้งในฐานะการเป็นผู้เล่น และในฐานะการเป็นลูกผู้ชาย อาจจะกล่าวได้ว่า เรามุ่งเน้นทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาพวกเขา นั่นคือจุดเชื่อมโยงที่แสนพิเศษของเรา" เปเรยร่า ขยายความเกี่ยวกับปรัชญาของสปอร์ติ้ง ลิสบอน 

จากนั้น เปเรยร่า เล่าถึงโรนัลโด้ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่เขาภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นเด็กคนเดียวกับที่เขาออกเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล เพื่อไปดึงตัวมาจากเกาะมาเดยร่า ด้วยตัวเอง แน่นอนว่า ในการเดิมพันครั้งนั้น ผลิดอกออกผลมาแบบคุ้มค่าเสียเหลือเกิน


โดยกล่าวเสริมต่อว่า "ย้อนเวลากลับไปในตอนนั้น เรากำลังสร้างอะคาเดมี่ ขึ้นมาใหม่ เด็กเยาวชนมีความจำเป็นที่ต้องย้ายออกจากสนามเก่ามาอยู่ที่พัก"


"โดยบริเวณดังกล่าวมีถนนเส้นหนึ่งอยู่ใกล้ๆ โรนัลโด้ ชอบไปตรงนั้นเสมอ เขามักถ่วงน้ำหนักที่ไว้ขาของตัวเอง เมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว เขาก็เริ่มออกวิ่ง"


"เขาชื่นชอบที่จะทำแบบนั้น เพราะเขาคิดว่ามันช่วยเพิ่มเติมในเรื่องของความเร็ว และความแข็งแกร่ง ทำให้เราเข้าใจเลยว่า เด็กพวกนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง"


"คุณไม่สามารถถอดความเป็นมืออาชีพออกจากโรนัลโด้" เปเรยร่า ย้ำอย่างหนักแน่น "เราพาเขามาอะคาเดมี่ ตั้งแต่เขาอายุเพียงแค่ 11 ขวบเท่านั้น เรียกว่าเดินทางมาไกลจากเกาะมาเดยร่า เลยล่ะ


"ผมอยากบอกว่า โรนัลโด้ เดินทางมาศูนย์ฝึกเพียงลำพัง โดยที่ไม่มีทั้งคุณพ่อ และคุณแม่คอยดูแลใกล้ๆ หลังจากนั้น เขาก็ได้ฝึกฝนกับเด็กที่โตกว่า ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาเป็นอะไรที่แตกต่าง ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ"


"สำหรับผมแล้ว ผมมองว่าพรสวรรค์คือเรื่องหนึ่ง แต่ความมุ่งมั่นก็เป็นอีกเรื่อง ที่คือสิ่งที่โรนัลโด้ กำลังส่งสารต่อไปยังนักฟุตบอลรุ่นหลัง"


เรื่องราวความประทับใจ ผ่านไปนานเท่าไหร่ยังคงไม่เจือจาง หากย้อนกลับไป ในศึกยูโร 2020 รอบคัดเลือก ทีมชาติโปรตุเกส ลงเล่นที่สนามเหย้าของสปอร์ติ้ง ลิสบอน พบกับทีมชาติลักเซมเบิร์ก 


โดยถือเป็นการกลับมาเจอกันอีกครั้งของทั้งสองคน พร้อมกับเป็นการยืนยันว่า โรนัลโด้ ยังคงคิดถึงผู้มีพระคุณคนนี้เสมอ และความรู้สึกไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย 


ภาพที่เราได้เห็นคือ โรนัลโด้ เดินเข้ามาสวมกอดเปเรยร่า อย่างอบอุ่น พร้อมกับมอบของที่ระลึกเป็นเสื้อแข่งทีมชาติโปรตุเกส และลายเซ็นอีกด้วย 


ในส่วนของเปเรยร่า จ้องมองกลับด้วยแววตาเป็นประกาย ไม่เพียงคนที่เขาค้นพบจะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ลูกหนังของโลกใบนี้ แต่ยังหมายรวมถึง ลูกศิษย์คนนี้ไม่เคยหลงลืมเขาด้วยเช่นกัน


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด