:::     :::

เสียกับเสีย

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม 2563 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
1,380
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้ ไม่ใช่เกมที่ง่ายสำหรับลิเวอร์พูลมาตลอดอยู่แล้วนะครับ แต่คราวนี้มันเป็นเกมที่ยากขึ้นแบบทวีคูณ เพราะเอฟเวอร์ตันชั่วโมงนี้นั้นมาแรงเหลือเกิน และเป็นจ่าฝูงอยู่ในตอนนี้ซะด้วย และกับผลที่ออกมาต้องบอกว่าเกมนี้สร้างความเสียหายให้ลิเวอร์พูลอย่างหนักหน่วงมากจริงๆ ครับ .....



เสียเสาหลัก

          ดูเหมือนว่าลิเวอร์พูลนั้นจะตั้งใจและมีสมาธิกับเกมนี้เป็นพิเศษ จากกการที่พวกเขาเพิ่งโดนถล่มยับมา 7-2 เมื่อนัดที่ผ่านมา ประกอบกับการเจอจ่าฝูงแบบนี้ พวกเขาย่อมอยากแก้ตัวและแสดงผลงานให้ทุกคนเห็นแหละครับ ว่าที่ผ่านมามันเป็นแค่อุบัติเหตุ จริงๆ แล้วพวกเขานั้นยังเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในลีกเหมือนเดิม ลิเวอร์พูลนั้นเริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยมครับ เมื่อพวกเขาออกนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว จากการประสานงานทางฝั่งซ้ายของโรเบิร์ตสัน กับ มาเน่ ที่เราคุ้นเคย และเป็นมาเน่ที่ซัดเสียเพดานให้ลิเวอร์พูลออกนำไปอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนจะครองเกมในช่วงแรกไว้ได้เหนือกว่าจ่าฝูงอยู่นิดๆ .... แต่แล้ว... เหตุการณ์ที่เดอะ ค็อปทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้นที่สุด ก็เกิดขึ้นในเกมนี้ครับ ในจังหวะที่ลิเวอร์พูลได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกทำให้ฟานไดค์ หนุนขึ้นมาทำประตู บอลถูกเคลียร์มาเข้าทางฟาบินโญ่ทำให้เขายกบอลขึ้นไปให้กับฟาน ไดค์ลุ้นทำประตูหรือสร้างโอกาสให้เพื่อน ในจังหวะนั้นเองจอร์แดน พิคฟอร์ดก็พุ่งเข้ามาหวังจะสกัดให้ได้ แต่เจ้าตัวพลาดดันพุ่งไปกระแทกเอาตรงเข่าฟาน ไดค์เต็มๆ จนทำให้ฟาน ไดค์ได้รับบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว และยิ่งกว่านั้นเมื่อดูจากจังหวะปะทะกันรุนแรงแบบนี้อาการบาดเจ็บคงไม่ใช่แค่เล็กๆ น้อยๆ แน่นอน เราอาจจะไม่ได้เห็นฟาน ไดค์ในฤดูกาลนี้อีกแล้วก็ได้ ..... ซึ่งในจังหวะนี้ลิเวอร์พูลก็โชคร้าย 2 ต่อ เนื่องจากโดนจับล้ำหน้าไปทำให้ชวดการได้จุดโทษจากจังหวะนี้ไปอีก เรียกได้ว่ามีแต่เสียกับเสียในจังหวะนี้จริงๆ 


เสียแผน

  

          ผมเชื่อว่าไม่ว่าใครก็น่าจะดูออกแหละครับ ว่าฟาน ไดค์นั้นสำคัญขนาดไหนในทีมลิเวอร์พูล การเข้ามาในทีมของฟาน ไดค์แค่คนเดียวก็สามารถยกระดับการเล่นของกองหลังลิเวอร์พูลทั้งแผงจากที่เคยเสียประตูเป็นเข่งก็กลายเป็นกองหลังปราการเหล็กไปเลยแทบจะทันที นั่นก็ว่าสำคัญแล้วแต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ในแผนการเล่นของลิเวอร์พูลนั้นถูกดีไซน์โดยมีฟาน ไดค์เป็น 1 ในกุญแจสำคัญของแผนต่างๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นการสกัดลูกโด่งจากลูกตั้งเตะ การดักบอลจากจังหวะที่ทีมตรงข้ามพยายามวางบอลข้ามกองกลางเพื่อผ่าการเพรสซิ่งมา หรือแม้แต่ใช้ในการเปิดเกมหรือวางบอลยาวในจังหวะต่างๆ ล้วนแต่มีเขาเป็นกุญแจหลักทั้งนั้น การขาดหายไปของฟาน ไดค์แบบนี้ย่อมเกิดแรงสั่นสะเทือนต่อลิเวอร์พูลไม่น้อยแน่ๆ ครับ และแทบจะไม่ต้องดูกันนาน ในเกมนี้ก็สามารถเห็นได้ชัดเจนแล้ว เมื่อหลังจากฟาน ไดค์ถูกเปลี่ยนตัวออกไปไม่นาน ลิเวอร์พูลก็มาเสียประตูจากลูกเตะมุมที่เราไม่ได้เห็นลิเวอร์พูลเสียประตูจากลูกแบบนี้มานานมากพอสมควรแล้ว ตั้งแต่มีฟานไดค์เข้ามา และประตูที่ 2 ก็เช่นกัน จริงอยู่ว่าลูกนั้นต้องยกความดีความชอบให้โดมินิก คัลเวิร์ท-เลวินไปด้วยก็ตาม แต่ผมเชื่อว่าไม่มีใครกล้าฟันธงแน่นอนว่าถ้าฟาน ไดค์ยังอยู่คัลเวิร์ท-เลวินจะได้มีโอกาสขึ้นโขกเหน่งๆ แบบนั้นหรือเปล่า ? ถึงตอนนี้ลิเวอร์พูลอาจจะต้องปรับแผนการเล่น หรือการตั้งรับใหม่หมดเลยก็ได้นะครับ ทั้งๆ ที่เสียฟาน ไดค์ไปแค่คนเดียว นับว่าการเสียหายครั้งนี้ใหญ่หลวงมากจริงๆ


เสียกำลังใจ

          ลิเวอร์พูลนั้นหมายมั่นปั้นมือมากนะครับว่าจะใช้เกมนี้เป็นจุดเปลี่ยนเพื่อสลัดความผิดหวังที่เกิดขึ้นเมื่อนัดที่แล้วออกไปให้ได้  ซึ่งก็ต้องบอกว่าพวกเขาทำได้ดีเอามากๆ เสียด้วย พวกเขาเล่นเกมรุกได้อย่างยอดเยี่ยม หาโอกาสทำประตูได้เรื่อยๆ ตลอดทั้งเกม และมีโอกาสชนะในเกมนี้ค่อนข้างสูงมาก แต่หลายๆ จังหวะในวันนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นใจให้กับพวกเขาเอาเสียเลย จังหวะที่ฟาน ไดค์เจ็บจริงๆ แล้วถ้าพวกเขาไม่โดนจับล้ำหน้าไปเพียงไม่กี่มิลลิเมตร พวกเขาก็น่าจะได้จุดโทษแน่ๆ เป็นอย่างน้อยเผลอๆ พิคฟอร์ดอาจจะโดนใบแดงเสียด้วยซ้ำจากการทำฟาวล์แบบนั้น แต่นี่พวกเขากลับไม่ได้อะไรเลย ซ้ำยังเสียฟาน ไดค์ไปอีก และอีกจังหวะที่น่าเสียดายมากๆ คือ จังหวะที่เกือบจะได้ประตูชัยนั่นแหละครับ จอร์แดน เฮนเดอร์สันอุตส่าห์แปยัดเข้าไปได้แล้วแท้ๆ แต่กลับโดนจับล้ำหน้าเพียงแค่เพราะ “ปลายแขนเสื้อ” ของมาเน่แค่นั้น เรียกได้ว่าเป็นผู้เสียผลประโยชน์จากกฏใหม่ครั้งนี้อย่างแท้จริง น่าเสียดายจริงๆ ครับที่เกมนี้ลิเวอร์พูลได้ผลแค่เสมอกลับมาแต่กลับเสียอะไรไปหลายๆ อย่างแบบนี้


          ฤดูกาลนี้ช่างซับซ้อนซ่อนเงื่อนจริงๆ ตัวแปรในพรีเมียร์ลีกปีนี้มีเยอะแยะไปหมด ตอนนี้น่าจะต้องวัดกันแล้วล่ะครับ ว่าทีมไหนจะแก้โจทย์และตัวแปรนี้ได้ก่อนกัน หวังว่าคล็อปป์เป็นคนๆ นั้นนะครับ YNWA ครับ
   

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด