:::     :::

สิ่งที่คล็อปป์คิดอยู่

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม 2563 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
1,076
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อาการบาดเจ็บของฟาน ไดจ์ค ทำให้แชมป์เก่าอย่าง ลิเวอร์พูล ต้องตกที่นั่งลำบาก จริงหรือ?

ชัยชนะเหนือมิดต์จิลลันด์ 2-0 เมื่อกลางสัปดาห์ของลิเวอร์พูล คนที่ปลาบปลื้มที่สุดคงไม่ใช่ใครอื่น เจอร์เก้น คล็อปป์ นั่นเอง


อาจจะมีผิดแผนนิดหน่อยตรงที่อาการบาดเจ็บของฟาบินโญ่ ที่มีอาการกล้ามเนื้อกระตุก จนต้องเปลี่ยนเอารีชส์ วิลเลี่ยมส์ กองหลังดาวรุ่งลงสนามแทนตั้งแต่นาทีที่ 27 แต่ที่เหลือ คงไม่มีอะไรที่คล็อปป์จะบอกว่าไม่พอใจ


หลายคนอาจจะพุ่งเป้าไปที่ฟอร์มของดิวอก โอริกี้ หัวหอกตัวสำรอง ที่ทำอะไรได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอันตลอดเวลาที่อยู่ในสนาม จนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกไปนาทีที่ 60 แต่โดยส่วนตัวผมว่าเจอร์เก้น คล็อปป์ คงไม่ได้ไม่พอใจอะไร เพราะเหมือนแผนถูกวางลงมาให้ใช้ความเร็วป่วนกองหลังทีมคู่แข่งให้เปลืองแรงอยู่แล้ว ก่อนที่จะส่งตัวจริงอย่างมาเน่ลงมาเช็คบิล


เชื่อหรือไม่ครับ ว่านี่เป็นครั้งแรกที่คล็อปป์สามารถนำทีมลิเวอร์พูลเอาชนะ เกมแรกของรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ ย้อนกลับไป ฤดูกาลล่าสุด ไม่มีสักครั้งเลยที่พวกเขาทำได้แบบนี้ ดีที่สุดก็คือการชนะ แพ้ เก็บ คะแนน จาก เกม ใน ฤดูกาลล่าสุดเท่านั้น


ฤดูกาลนี้ สถิติดีกว่าครั้งที่ลิเวอร์พูลเถลิกบัลลังก์คว้าแชมป์ยุโรปได้เสียอีก


การคว้า คะแนนเต็ม นั่นหมายถึงหาก เกมต่อจากนี้ที่จะพบกับอตาลันต้าทั้งเหย้า และเยือน ทีมของคล็อปป์สามารถเก็บชัยชนะรวดได้ ลิเวอร์พูลก็จะเข้ารอบต่อไปทันที โดยที่ไม่ต้องสนเกมที่เหลืออีก เกมที่เหลือ หรือหากแม้ทีมหงส์แดงเก็บได้ คะแนน โอกาสการเข้ารอบต่อไปก็ยังถือว่าสูงลิ่วอยู่ดี


ดังนั้นสิ่งที่ต้องเน้นอย่างจริงจังเวลานี้ก็คือ ผลการแข่งขัน ที่ดีของทีม โดยเฉพาะในยามที่เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ได้รับบาดเจ็บแบบนี้


อาจจะไม่หวือหวา และไม่ถูกใจแฟนบอลสายลุย รวมไปถึงสายชอบความตื่นเต้น แต่สถิติก็บันทึกไว้ว่า นับตั้งแต่ฟาน ไดจ์ค บาดเจ็บ ลิเวอร์พูลลงเล่น เกม เก็บคลีนชีตได้ เกม เสียไปเพียงแค่ ประตู เท่านั้น แถมยังเป็นการเสียประตูจากลูกโทษที่จุดโทษ ที่หลายๆคนมองว่าค้านสายตา




การเล่นของทีมเปลี่ยนไปจากเดิม จะเป็น 4-2-3-1 หรือ 4-3-3 ตรงนี้อย่าเพิ่งไปสนใจ เพราะไม่ว่าระบบไหน การขาดฟาน ไดจ์ค ก็บังคับให้ลิเวอร์พูลต้องเปลี่ยนสไตล์การเล่นไปแบบคนละทีมกับตอนมีลูกพี่เวิร์จอยู่ในทีมอยู่ดี


กองหลังไม่ดันสูง กองกลางยืนต่ำลงเพื่อช่วยเกมรับ โดยเฉพาะเวลาที่แบ็ค ข้างขึ้นเติมเกม การซ้อนตำแหน่งทดแทนต้องเกิดขึ้น และห้ามผิดพลาดโง่ๆเวลาออกบอลโดยเด็ดขนาด


ทั้งหมดนี้ คือ รายละเอียดของทีมที่เปลี่ยนไป รวมไปถึงการส่งตัวรุกลงสนามถึง คน ที่หลายคนบอกว่าทำให้ทีมเสียสมดุลย์ แต่ในความเป็นจริง คล็อปป์น่าจะมองว่า ทั้ง คน น่าจะทำอันตรายคู่แข่งได้ด้วยความสามารถเฉพาะตัว โดยที่ปราศจากแรงหนุนจากกองกลาง ที่ต้องเอาไปช่วยเกมรับมากขึ้น ( ผู้เล่นเกมรุก + 2 จากตำแหน่งแบ็ค ส่วนกองกลางที่เหลือต้องไปซ้อนแบ็ค)

.

ทุกอย่างอาจจะไม่ถูกใจ แต่มันเต็มไปด้วยเหตุผล โปรแกรมการแข่งขันที่ชุกชุม นั่นทำให้ทีมจำเป็นต้องเล่นเพื่อเน้นผลการแข่งขันเป็นหลัก ไม่ใช่เล่นเพื่อเอาใจใครคนใดคนหนึ่ง


การไร้ฟาน ไดจ์ค รวมถึงฟาบินโญ่ แน่นอนว่าทำให้ลิเวอร์พูลต้องพบกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก การหาผู้เล่นทดแทนทั้ง คนนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย การที่ลิเวอร์พูลยังคงเล่นแบบเดิม แล้วจะได้รับผลการแข่งขันที่ต้องการ จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้


ปรับแทคติก ปรับวิธีคิด โอนอ่อนผ่อนตามสถานการณ์ จึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุด


ระบบอาจจะเปลี่ยนไป แต่สีเสื้อไม่ได้เปลี่ยน พวกเขายังคงเป็นลิเวอร์พูล และที่สำคัญ ทีมนี้ยังมีเจอร์เก้น คล็อปป์ อยู่เป็นกุนซือ


หากคุณเคยเป็นผู้สงสัย ที่เปลี่ยนเป็นผู้ที่เชื่อแล้ว ทำไมวันนี้ยังกลับไปสงสัยอีกเล่


ที่ผ่านมา คล็อปป์ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ทุกวิกฤตถ้าทีมร่วมมือร่วมใจกัน ทั้งนักเตะ และกองเชียร์ ไม่มีอะไรที่พวกเราผ่านไปไม่ได้


ยังจำคืนที่ลิเวอร์พูลต้องเอาชนะบาร์เซโลน่า 4-0 โดยที่ไม่มีโม ซาล่าห์ และโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ได้ไหมครับ


ขอแค่มีศรัทธา ปาฎิหาริย์จะบังเกิดครับ


วันเสาร์นี้ ลิเวอร์พูล มีคิวเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่กำลังฟอร์มดี บุกไปชนะเลสเตอร์ ซิตี้ แบบขาดลอย และยันเสมอกับท็อทแน่ม ฮอตสเปอร์ และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้แบบหักปากกาเซียน


เป็นอีกเกมที่จะได้พิสูจน์ว่า แนวคิดของคล็อปป์ ที่พยายามจะเน้นรูปแบบการเล่น มากกว่าความสามารถเฉพาะตัว เพื่อจัดการรอยร้าวที่ขาดฟาน ไดจ์ค ไป จะได้ผลหรือไม่ หรือว่าจริงแล้ว ที่ผ่านมา พวกเขาแค่โชคดี


ระยะทางยังอีกยาวไกลครับ คงต้องดูกันยาวๆ ว่าลิเวอร์พูลที่กลายเป็นทีมที่เล่นจงใจเน้นผลการแข่งขัน จะสามารถบินไปได้ไกลแค่ไหน



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด