อิวาน โทนี่ย์: จากแข้งตัวยืมสู่ดาวยิงมือหนึ่งของแชมเปี้ยนชิพ
อย่างที่ "อิวาน โทนี่ย์" ดาวยิงผิวสีของ เบรนท์ฟอร์ด ที่ถึงแม้ในจะยังไม่ถึงขั้น Legendary ก็ตาม แต่เขาคือ 1 คนที่ก้าวข้ามจาก Nobody จนพอมีชื่อเสียงให้คนรู้จักมากขึ้นในฐานะดาวซัลโวประจำลีกแชมเปี้ยนชิพปีนี้ ซึ่งตัวเขาเองยอมรับว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าคำว่า โอกาส อีกแล้ว "ผมได้ลงสนามให้ นิวคาสเซิ่ล แค่ 2 นัดจาก 3 ปี ถูกส่งไปเล่นในฐานะแข้งยืมตัวถึง 4 สโมสรจาก 3 ฤดูกาล พูดตามตรง มันก็ช่วยให้ผมแข็งแกร่งขึ้นนะ" โทนี่ย์ เล่าให้ เดอะ การ์เดี้ยน ฟังถึงอดีตกับ นิวคาสเซิ่ล ย้อนความกันไปสักนิด อิวาน โทนี่ย์ เริ่มต้นมีชื่อเสียงกับสโมสรบ้านเกิดอย่าง นอร์ธแฮมป์ตัน ทาวน์ โดยเขาทำสถิติเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ลงสนามชุดใหญ่ให้ทีมด้วยวัยเพียงแค่ 16 ปี บนเกมที่เสมอกับ แบรดฟอร์ด ไป 3-3 ก่อนที่วันต่อมาจะกลับไปเล่นให้ทีมเยาวชนและยิง ยอร์ค ซิตี้ คนเดียว 4 ประตูในถ้วยเอฟเอ ยูธ คัพ ในฤดูกาลต่อมา โทนี่ย์ ยิงให้ทีมชุดใหญ่ได้ 3 ประตูจาก 13 นัด โดย 1 ใน 3 ประตูนั้นมาจากลูกยิงจักรยานอากาศสุดสวยอีกด้วย โทนี่ย์ กลายเป็นดาวเด่นของทีมอย่างรวดเร็ว เขายิงได้ทั้งหมด 13 ประตูจาก 60 นัด บนวัยเพียง 19 ปีตลอดการเล่นชุดใหญ่ 2 ฤดูกาลครึ่ง นั่นจึงทำให้เขาถูกสโมสรใหญ่อย่าง นิวคาสเซิ่ล ดึงตัวมาร่วมทีมตอนปี 2015 ซึ่งในตอนนั้นใครๆ ต่างก็คิดว่าเขาน่าจะแจ้งเกิดบนเวทีพรีเมียร์ลีกได้ไม่ยาก เพราะทั้งฝีเท้าที่ค่อนข้างโตเกินวัยบวกกับส่วนสูงถึง 188 ซม. น่าจะเป็นทีเด็ดในอนาคตให้กับสาลิกาดงได้สบายๆ แต่ทุกอย่างมันไม่ง่ายแบบนั้น โทนี่ย์ ได้ลงสนามในเกมลีกให้ นิวคาสเซิ่ล เพียงแค่ 2 นัดก่อนจะถูกปล่อยยืมไปยัง บาร์นสลี่ย์ ในลีกวัน ลงสนามไป 21 นัดยิงได้ 2 ประตู, ถูกปล่อยยืมไปเล่นกับ ชรูวส์บิวรี่ ยิงได้ 7 ประตูจาก 26 นัด, ถูกปล่อยยืมไป สครันธอร์ป อยู่ 2 รอบ ยิงได้ 15 ประตูจาก 35 นัด และแวะมาอยู่ที่ วีแกน ในปี 2017-18 อีกครึ่งฤดูกาล ทั้งหมดทั้งมวลนั้น โทนี่ย์ วนเวียนอยู่แค่ในลีกวันมาโดยตลอด เขาไม่เคยอยู่ในสายตาของ นิวคาสเซิ่ล อีกเลยนับตั้งแต่ได้ลงสนามช่วงท้ายเกมกับ เชลซี เมื่อปี 2015 จนท้ายที่สุด เขาก็ยุติเส้นทางของการเป็นแค่นักเตะตัวยืมด้วยการย้ายไปอยู่กับ ปีเตอร์โบโร่ แบบไร้ค่าตัวในปี 2018 ด้วยค่าตัวประมาณ 650,000 ปอนด์ "เราจับตามองดู อิวาน โทนี่ย์ มานานแล้ว" แบร์รี่ ฟราย ผอ.กีฬาของ ปีเตอร์โบโร่ กล่าวกับ บีบีซี "ผมกับทีมแมวมองคอยตามเขาตั้งแต่ที่ สคันธอร์ป และ วีแกน และชื่นชอบเขามาก เราสอบถามไปยัง นิวคาสเซิ่ล ว่าเขาค่าตัวเท่าไหร่ แต่ทางนั้นอยากปล่อยยืมมากกว่า ผมเลยรอและหาทางปิดดีลได้สำเร็จในที่สุด" "ผมบอกกับ โทนี่ย์ ว่า -ไอ้หนู เราเฝ้าดูแกมาหลายปีแล้ว แกไม่มีบ้านให้อยู่เลยสักหลัง ที่นี่เราปั้นให้ อัสซัมบาลองก้า ได้ย้ายไป ฟอเรสต์ ในราคา 8 ล้าน, ขาย ดไวท์ เกย์ล ให้ คริสตัล พาเลซ ไป 7.5 ล้าน แกสามารถเป็น 1 ในนักเตะที่มีอนาคตแบบนั้นได้ ที่นี่จะเป็นบ้านที่ดีของแก- แล้วเขาก็กลายมาเป็นสมาชิกคนนึงของเรานับตั้งแต่นั้น" ที่เวสตัน โฮมส์ สเตเดี้ยม (สนามเหย้าของ ปีเตอร์โบโร่) กลายเป็นบ้านหลังที่ โทนี่ย์ รู้สึกอบอุ่นและกลับมาสนุกกับฟุตบอลอีกครั้ง เขาสามารถยิงแฮตทริคแรกในอาชีพได้บนเกมเอฟเอ คัพ นัดที่เสมอกับ แบรดฟอร์ด ไป 4-4 และทำแฮตทริคกับทีมไปทั้งสิ้น 3 ครั้ง โดยยิงให้ทีมไปได้ถึง 49 ประตูจาก 94 นัด ตลอด 2 ฤดูกาล "เราดึงศักยภาพในตัวเขาออกมาได้ และในที่สุดเราก็ช่วยส่งต่อเขาไปยังบ้านหลังที่ใหญ่ขึ้นได้สำเร็จ" ฟราย เล่าต่อ "ในตอนซัมเมอร์มีหลายทีมในพรีเมียร์ลีกสนใจจะซื้อตัวเขา ฟูแล่ม สนใจจริงจังแต่พวกเขาบอกว่าขอตัดสินใจในช่วงท้ายๆ ของตลาดซื้อขาย, เวสต์แฮม ก็ติดต่อมาจริงจัง, สเปอร์ส อยากได้เขาไปเป็นสำรองของ แฮร์รี่ เคน แต่สุดท้ายแล้วเป็น เบรนท์ฟอร์ด ที่ได้ตัวเขาไป เพราะทีมอื่นมอง โทนี่ย์ ไว้ตรงม้านั่งสำรอง ซึ่ง เบรนท์ฟอร์ด ไม่ได้คิดแบบนั้น" อิวาน โทนี่ย์ ได้ย้ายมาเล่นในแชมเปี้ยนชิพเป็นครั้งแรกกับ เบรนท์ฟอร์ด ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์แต่มีออปชั่นแอดออนสูงถึง 10 ล้านปอนด์ ซึ่งนั่นถือเป็นสถิติการซื้อขายที่สูงที่สุดที่ ปีเตอร์โบโร่ เคยขายนักเตะมาเลยทีเดียว แล้วจำนวนเงินก้อนนั้นก็ไม่สูญเปล่าเลยสักเพนนี โทนี่ย์ ระเบิดฟอร์มร้อนแรงยิงประตูในลีกได้ 4 นัดติดต่อกันถึง 3 ครั้ง และสามารถยิงในลีกไปถึง 31 ประตู คว้ารางวัลดาวซัลโวแชมเปี้ยนชิพไปครองอย่างยิ่งใหญ่ อีกทั้งยังทำลายสถิติยิงได้มากที่สุดต่อฤดูกาลของ เกล็น เมอร์เร่ย์ ที่เคยยิงไว้ 30 ประตูในปี 2013 ลงอีกด้วย จากนักเตะที่เป็นได้แค่อะไหล่ถูกปล่อยยืม... จากคนที่ไม่เคยได้รับการเหลียวมอง... จากคนที่ไม่มีโอกาสให้ได้พิสูจน์ตัวเองมากพอ... วันนี้ อิวาน โทนี่ย์ ได้ทำให้ทุกคนที่เคยเมินเขามองเห็นแล้วว่า Nobody ที่ไม่มีใครสนใจคนนี้นั้น เนื้อแท้แล้วมีดีมากกว่าที่เคยถูกมองข้ามมากแค่ไหน เผลอๆ นี่อาจเป็นดีลที่ นิวคาสเซิ่ล อาจต้องมาเสียใจในภายหลังก็เป็นได้.