:::     :::

[Player Analysis] ได้Sanchoไม่ใช่แค่"ปีกขวา" แต่มากกว่านั้นเยอะ

วันพฤหัสบดีที่ 01 กรกฎาคม 2564 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
6,080
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
การทุ่มเงินซื้อเจดอน ซานโช่เข้ามาของแมนยูไนเต็ด ไม่ได้หวังผลเพียงแค่การได้ปีกขวาเท่านั้น แต่เขาจะทำให้เกมรุกอิสระของแมนยูลงล็อคแทบทุกจุด และบทความนี้คือคำอธิบายส่วนหนึ่งเท่านั้นจากเหตุผลมากมาย

ในที่สุดหลังจากรอกันมานาน ก็มีการยืนยันกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า เจดอน ซานโช่ กำลังจะกลายมาเป็นนักเตะของปีศาจแดงอย่างเป็นทางการในไม่ช้านี้ เมื่อแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดบรรลุข้อตกลงกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คว้า Jadon Sancho ในราคา90ล้านยูโร + add-ons โดยที่ทำการตกลงค่านายหน้าและเงื่อนไขส่วนตัวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะเซ็นสัญญา5ปี จนถึงปี2026

ข่าวถูกรายงานโดยนักข่าวtier1อย่าง Fabrizio Romano ด้วยการยืนยันHere we goเป็นที่เรียบร้อย พร้อมทั้งการAgreedจากฝั่งของดอร์มุนด์เองโดยตรงจาก ฮันส์ โจอาคิม วัตซ์เก้ CEOดอร์ทมุนด์ที่คอนเฟิร์มเองว่าตกลงขายให้แมนยูไนเต็ดเรียบร้อยแล้วในราคาเดียวกันตามข่าว (ราว78ล้านปอนด์นั่นเอง)

และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ก็ประกาศยืนยันเรื่องการบรรลุข้อตกลงการคว้าตัว "เจดอน ซานโช่" อย่างเป็นทางการแล้วเรียบร้อย

นี่ก็ถือว่าจบแน่นอนแล้วสำหรับดีลซานโช่ เหลือเพียงแค่ประกาศoffcial ของแมนยูและชูเสื้อเท่านั้นเอง ซึ่งตามรายงานของแหล่งข่าวต่างๆก็กล่าวว่า ซานโช่จะเดินทางมาตรวจร่างกายกับแมนยูไนเต็ดหลังจากจบสิ้นทัวร์นาเมนต์ยูโร2020เสียก่อนตามข่าว ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เหมาะสมอยู่แล้วที่จะไม่วุ่นวายรบกวนสมาธินักเตะในช่วงการแข่งขัน

ขณะนี้จึงถือว่า แฟนผีสามารถพูดกันได้เต็มปากจริงๆจังๆแล้วว่า "ซานโช่เด็กพวกตูโว้ยยยยยยย"

ทีนี้มันมีประเด็นเกิดขึ้น เมื่อหลังจากซื้อตัวเข้ามาได้นั่น แน่นอนว่าก็ย่อมต้องมีแฟนบอลที่ดีใจ และแฟนบอลที่รู้สึกเฉยๆกับเรื่องนี้ด้วยเป็นธรรมดา

มันไม่ใช่เรื่องแปลก และหัวเรื่องนี้แฟนแมนยูถกกันมาเป็นปีๆแล้ว เพราะหลายๆคนที่รู้จักฟอร์มการเล่นของซานโช่ดี และดูบุนเดสบ่อยๆ มองซานโช่ก็อาจจะรู้สึกว่าเป็นนักเตะฝีเท้าดีคนหนึ่ง แต่ยังไม่ได้ถึงขนาดว่าเข้ามาแล้วจะยกระดับให้ทีมได้มากขนาดนั้น เพราะซานโช่ยังไม่ใช่พวกตัวพิเศษเหมือนตอนที่แมนยูได้ โรนัลโด้ รูนีย์ หรือเมสซี่เข้ามาในทีม

ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่แฟนบอลอีกหลายๆท่านจะคิดแบบนี้ ซึ่งผู้เขียนจริงๆแล้วเข้าใจ และเห็นด้วยบางส่วน

แต่ในความเป็นจริงก็คือ ตอนนี้ซานโช่เพิ่งจะมีข่าวยืนยันกันเมื่อวานเท่านั้นเอง เขายังไม่ได้มาเหยียบที่แคริงตันเลยซะด้วยซ้ำ แต่ถูก "ตัดสิน" ไปก่อนล่วงหน้าแล้วว่านี่ นี่คือดีลไม่คุ้ม ดีลที่ไม่ได้ช่วยอะไรทีม ซื้อมาก็แพงค่าเหนื่อยก็สูง bla bla bla

เฮ้ย .. ซานโช่มันยังไม่ได้ลงเล่นให้เราสักนัดเลยนะครับ ใจเย็นๆอย่าตีตนไปก่อนไข้กันขนาดนั้น

ในการซื้อซานโช่เข้ามา ยังไงมันมีแต่เรื่องที่ดีแน่นอน และในนามของแฟนบอลตัวเล็กๆคนนึงที่ได้แสดงความคิดเห็นส่วนตัวผ่านบทความเล็กๆนี้นั้น ผมกล้าพูดว่า ซานโช่จะเป็นดีลที่ "ประสบความสำเร็จ" อีกดีลหนึ่งของทีมเรา ไม่ต่างกับตอนที่ได้แมกไกวร์ วานบิสซาก้า และบรูโน่ แฟร์นันด์ส มาเป็นตัวหลักของทีมอย่างแน่นอน

หากให้พูดถึงข้อดีของการได้ซานโช่เข้ามานั้น มีหัวเรื่องใหญ่ๆที่น่าสนใจอยู่หลายข้อ และก็ตามหัวบทความว่า แฟนผีหลายคนอาจจะคิดว่า เราซื้อซานโช่มาเพื่อหน้าที่เล่น "ปีกขวา" เท่านั้น

แต่จริงๆแล้วมันห่างไกลกับคำนั้นเยอะมาก เพราะซานโช่ไม่ได้จะมาแค่เพื่อเป็นปีกขวาให้กับเรา และแมนยูไนเต็ดก็ไม่ได้จะซื้อซานโช่มาแค่เพื่อให้เล่นปีกขวาที่ยังขาดอยู่ให้ทีมด้วยซ้ำ

องค์กรใหญ่ระดับนี้มีการประเมินกันอย่างเป็นขั้นเป็นตอนถึงความเหมาะสมของการพัฒนาทีม มันไม่ใช่เรื่องเด็กขายของเล่นที่อยู่ๆจะเอาเงิน 90ล้านยูโรไปจ่ายให้คนอื่นๆ เพียงเพื่อได้ปีกขวาลูกผีลูกคนเข้ามาร่วมทีมแค่นั้นหรือ?

เพราะฉะนั้น ต่อจากนี้คือประเด็นสำคัญเท่าที่ผู้เขียนจะนึกได้ว่า เหตุผลที่แมนยูไนเต็ดเซ็นซานโช่เข้ามา และสิ่งที่เราจะได้จากตัวเขานั้น มันมีอะไรบ้าง

1. "คุณภาพเชิงลึกของแนวรุก" ที่แน่นปั้กและหลากหลายกว่าเดิมหลายเท่า

คิดอย่างง่ายที่สุด การได้เริ่มต้นเสริมทีมและนำผู้เล่นดีๆที่มีชื่อชั้น และมีฝีเท้าที่เป็น "ของจริง" ใช้งานได้จริงนั้น ยังไงมันก็ถือว่าเป็นการเสริมขุมกำลังให้แกร่งขึ้น มีตัวเลือกมากขึ้น มีนักเตะฝีเท้าดีๆเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคนไว้เลือกใช้งาน การเข้ามาของเจดอน ซานโช่ จะทำให้คุณภาพเชิงลึกของทีม(Squad Depth) สูงขึ้นลิบลับในตำแหน่งตัวรุกแดนหน้า

เพราะซานโช่สามารถลงได้ทุกจุดของแนวรุก ไม่ว่าจะเป็นปีกขวา ปีกซ้าย ก็ถนัดทั้งสองฝั่ง รวมถึงจะโยกมาเล่นตัวรุกตรงกลาง หรือจะให้เป็นกองหน้าเลยก็สามารถเล่นได้ และก็มีลงเล่นที่ดอร์ทมุนด์เช่นกัน แต่ฟอร์มจะกระฉูดมากกว่าตอนที่เล่นตัวรุกริมเส้น "ทั้งสองฝั่ง"

ความหลากหลายในการลงตำแหน่งของซานโช่ เท่ากับว่าเขาจะสามารถไปเป็นตัวสลับ สับเปลี่ยนการลงสนามให้กับนักเตะที่เรามีอยู่แล้วได้แทบจะทุกคนเลย คิดง่ายๆเช่น

ซานโช่เป็นตัวหลัก และตัวสลับกับกรีนวู้ดในตำแหน่งตัวรุกทางขวาได้ ซึ่งก็มี "อามัด เดียโล่" รอเสริมจุดนี้อีกหนึ่งราย แถมยังไม่รวมแดเนียล เจมส์ และ แรชฟอร์ด ที่เล่นขวาได้ด้วย

ซานโช่สามารถเป็น"ปีกซ้ายตัวจริง" สลับกับแรชฟอร์ดได้สบายๆ โดยเฉพาะในต้นฤดูกาลที่แรชจะไปผ่าตัดรักษาอาการบาดเจ็บ เรามีโอกาสจะได้เห็นซานโช่เล่นปีกซ้าย แล้วกรีนวู้ดเล่นปีกขวาอย่างแน่นอนสักนัดหรือมากกว่านั้น โดยที่ปีกซ้ายเจมส์ก็รอเล่นได้อีกตัวหนึ่ง รวมถึง ปอล ป็อกบา ที่ถูกดันขึ้นมาเล่นในตำแหน่งตัวรุกซ้ายหุบเข้ากลางหลายต่อหลายครั้ง

ซานโช่สามารถหุบเข้ามาเล่นตรงกลางได้ในยามฉุกเฉิน เผื่อว่าบรูโน่ หรือ VDB เจ็บพร้อมกัน เขาลงจุดนี้ก็ได้ แม้ฟอร์มจะไม่โหดเท่าเล่นริมเส้น แต่ทักษะก็เยอะพอจะเล่นตรงกลางได้เช่นกัน เพราะปกติพี่แกก็พล่านไปทั่วอยู่แล้วถ้าใครได้ดูซานโช่จริงๆ การหุบเข้าไปป้วนเปี้ยนใกล้ๆโกล ถือว่าน่ากลัวพอสมควร เพราะไม่รู้ว่ามันจะสร้างเพลย์ช็อตอะไรบ้างที่คาดเดาไม่ได้จากทิศทางต่างๆรอบๆประตู

และแน่นอน กองหน้าในลักษณะของการเป็น Forward ตรงกลาง แม้เกือบๆจะไม่ได้เล่นจุดนี้เลยให้ดอร์ทมุนด์ แต่ก็มีลงบ้างแถมทำประตูได้อีก และสามารถสลับการยืนเป็น แรชฟอร์ดซ้าย ซานโช่กองหนาตัวกลาง และ กรีนวู้ด หน้าขวา แบบนี้ก็ได้

เขียนมาละเอียดขนาดนี้ เชื่อว่าผู้อ่านน่าจะพอเข้าใจแล้วว่า แค่ในประเด็นของ "Squad Depth" แค่เรื่องเดียว ซานโช่สามารถลงอิสระ และทำให้ตำแหน่งตัวรุกของทีมในทุกๆจุด ไม่ว่าจะ ซ้าย ขวา หน้า กลาง มีความ "แน่น" ขึ้นมาแบบเห็นได้ชัดว่า เราสามารถส่งใครลงก็ได้โดยที่จะไม่มีทางขาดแคลนตัวผู้เล่นเลย

ไม่ว่าใครจะเจ็บออกไป ตัวที่เหลือทดแทนตำแหน่งกันได้หมด เพราะฉะนั้น คุณภาพเชิงลึกตรงนี้จะส่งผลทำให้เรามีตัวสำรองข้างสนามที่อลังการกว่าเดิม มีไม้ตายในการเปลี่ยนเดิมเยอะขึ้น จากเดิมที่อาวุธในมือของโอเล่ กุนนาร์ โซลชานั้นก็ดูจะเยอะอยู่แล้ว ปีนี้จะเลือกใช้กันแบบไม่หวาดไม่ไหวจริงๆในแดนหน้า

2. "กระจายและแบ่งเบาการทำสกอร์" ให้ตัวรุกหลักอย่างบรูโน่ คาวานี่ และแรชฟอร์ด

ประเด็นนี้ไร้ข้อสงสัย เจดอน ซานโช่ผ่านการทดสอบกับสโมสรชั้นนำระดับแนวหน้าของยุโรปมาแล้ว "4 ฤดูกาล" กับดอร์ทมุนด์ ทำประตูในทุกรายการกับเสือเหลืองไปทั้งหมด 50 ประตู กับอีก 64 แอสซิสต์ (ไม่นับประตูจากชุด U-19s และ Youth League ในปีแรกกับดอร์ทมุนด์นะ)

เรียกว่า นับตั้งแต่เขาขึ้นมาเป็นตัวหลักที่ลงสนามจริงๆจังๆให้ดอร์ทมุนด์ในขวบปีที่สอง สามปีที่เป็นตัวจริงหลักให้กับดอร์ทมุนด์ตั้งแต่ซีซั่น 2018/19, 2019/20 และ 2020/21 เขาผลิต "สกอร์" ที่เป็นประตู+แอสซิสต์ สูงมากในทุกๆปี

2018/19 : 13 ประตู 20 แอสซิสต์ (ในทุกรายการ)

2019/20 : 20 ประตู 20 แอสซิสต์

2020/21 : 16 ประตู 20 แอสซิสต์

เฉลี่ยแล้ว ซานโช่ทำประตูเฉลี่ยๆซีซั่นนึงในทุกรายการอยู่ที่ 16.33 ประตู และรับประกัน "20 แอสซิสต์" ทุกซีซั่นในการเล่นกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์เช่นนี้

ตัวเลขขนาดนี้คุณคิดถึงใคร? สองคนที่ขึ้นมาในหัวผมตอนนี้คือ แฮรี่ เคน กับ "บรูโน่ แฟร์นันด์ส" ที่เป็นนักเตะประเภททั้งยิงทั้งจ่าย และ มีส่วนร่วมกับประตูสูงจัดๆ

เจดอน ซานโช่เข้ามา จะกลายเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่ช่วยแบ่งเบาเรื่องประตู เรื่องแอสซิสต์ ให้กับทีมได้แบบเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนอย่างมีนัยสำคัญแน่นอน จากที่ผ่านมา เรามีเพียงแค่ แรชฟอร์ด กับ บรูโน่ ที่ระเบิดประตูในปริมาณมากๆและแบกเกมรุกในจังหวะสุดท้ายให้ทีมกันอยู่แค่สองคน

แล้วพอแรชฟอร์ดเจ็บ ไม่ฟิต ฟอร์มตก ทีมก็เจอปัญหาสะดุดไปด้วย

แต่นับจากนี้ เราจะมีตัวแบกสกอร์เพิ่มมาอีกหนึ่งคนอย่างเจดอน ซานโช่ ที่จะช่วยกระจายความอันตราย และ "เรียงหน้ายิง" ให้กับแมนยูเพิ่มอีกตัว

ดูยังไงก็มีแต่ข้อดี

3. "มิติการสร้างสรรค์เกมรุก" คือสิ่งที่แมนยูชุดนี้ขาด และเราต้องการสิ่งนี้จากเจดอน ซานโช่ "เป็นหลัก"

หากใครที่ติดตามการเขียนคอลัมน์ของศาลาผีมาอยู่บ่อยๆ ผมพูดเรื่องนี้มาตลอดตั้งแต่ปีก่อนๆว่า ทีมเราในตอนนี้มีตัวจบสกอร์เยอะแยะแล้วที่ดีๆทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นแรชฟอร์ด เมสัน กรีนวู้ด รวมถึงเอดินสัน คาวานี่ ที่จะอยู่ให้เรามีความสุขกันต่ออีกหนึ่งปี ทั้งยังมีบรูโน่ แฟร์นันด์สอีกคนหนึ่งด้วยที่สามารถจบสกอร์ได้ รวมอ็องโตนี่ มาร์กซิยาลอีกคน

แต่สิ่งที่เป็นปัญหาแบบจริงๆจังๆของภาคเกมรุกก็คือ "แมนยูขาดตัวสร้างสรรค์เกมรุก" ที่ยังมีไม่เพียงพอต่อการเล่นของทีม

ถามว่า ก่อนที่เหล่ากองหน้ามากมายพวกนี้ของเราจะมีโอกาสได้จบสกอร์ ใครคือคน "ปั้นบอล" ไปให้ไอ้พวกนี้จบสกอร์?

รายชื่อทั้งหมดในทีม เอาจริงๆมีเพียงแค่สามคนเท่านั้นที่ดูจะสร้างสรรค์เกมรุกได้จริงๆคือ ก็คือ

ลุค ชอว์ ปอล ป็อกบา กับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส

ลุค ชอว์ ในตำแหน่งแบ็คซ้ายสามารถสร้างสรรค์โอกาสในเกมรุกให้กับทีมเยอะมากระดับน่าขนลุกว่า นี่มึงเป็นแบ็คซ้ายจริงๆเหรอ แล้วเล่นขนาดนี้ ทุกวันนี้ยังunderratedในสายตาคนบางคนอยู่เลย

ปอล ป็อกบา ถึงแม้มีแนวโน้มว่าเขาจะไม่ต่อสัญญา แต่ทุกครั้งที่ป็อกบาลงสนามให้แมนยูไนเต็ดก็เล่นเต็มที่ และไม่สมควรจะด่าอะไรน้องมันอีกแล้ว หากว่าเขาต้องการที่จะออกจากทีมเพื่อไปหาความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมที่แมนยูไนเต็ด ณ ปัจจุบันนี้ยังเสกแชมป์ใหญ่ให้เขาไม่ได้ เราก็เข้าใจและจะอวยพร รวมถึงตามไปเชียร์ป็อกที่ทีมใหม่ต่อไป หากสุดท้ายแล้วป็อกบาเลือกที่จะไปเล่นที่อื่น

คนสุดท้าย บรูโน่ แฟร์นันด์ส ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของเกมรุกแมนยู แทบจะเรียกได้ว่าเป็น "ทุกอย่าง" ของเกมรุกแมนยูยังได้เลยในแผนของโซลชาที่ใช้ 4-2-3-1 ซึ่งเป็นformationที่ "ยึดโยงกับการใช้กลางรุก" เพราะฉะนั้น บรูโน่จึงเป็นคนสำคัญมากๆในเกมรุกของแมนยู

สิ่งที่เป็น "ปัญหา" ที่เกิดขึ้นบ่อยๆก็คือ ในหลายๆเกมที่เราฟอร์มไม่ดีๆ มันเกิดจากการที่ "บรูโน่" ที่ต้องแบกเกมรุกอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีใครช่วยแบ่งเบาทำเกมรุกเพิ่มให้ทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ปีกสองข้าง" ที่เป็นแนวรุกของทีมเหมือนกัน ควรจะต้องเป็นนักเตะที่สามารถสร้างเกมรุกให้ทีมได้

แต่ปีกในทีมเราที่มีอยู่ ไม่สามารถสร้างเกมรุกที่มีประสิทธิภาพให้ทีมได้เลย

สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยๆจนชินตาคือ ปีกสองข้างบอดสนิท ไม่สามารถปั้นเกมรุกดีๆให้ทีมเพื่อช่วยบรูโน่ได้เลย ซึ่งเมื่อปีกซ้ายบอด ก็จะส่งผลต่อความลื่นไหลของตัวครีเอทเกมรุกอีกคนอย่าง ลุค ชอว์ไปด้วย

ส่วนทางด้านขวา ยามเมื่อกรีนวู้ด ลงสนาม การเล่นของกรีนวู้ดทำได้ดีมากๆในแง่ของทีมเวิร์คที่พัฒนาขึ้นมาเยอะในปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากเรื่องจบสกอร์ที่ดีมากแล้ว แต่ถามว่า เมสัน กรีนวู้ด ดีมากพอจะแบกเกมรุกให้แมนยูไนเต็ดเลยหรือไม่ ก็ต้องตอบตามตรงว่า "ยัง"

เพราะน้องเองก็ยังไม่สามารถสร้างเกมรุกที่อันตรายได้มากเพียงพอ และยังต้องพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องไปก่อน และที่สำคัญจุดเด่นของกรีนวู้ดอยู่ที่การจบสกอร์ มากกว่าการปั้นเกมด้วย ในฐานะตัวเล่นตำแหน่งCF (Central Forward) ซึ่งเป็นกองหน้าธรรมชาติ ไม่ใช่ตัวรุกปั้นเกมธรรมชาติ

เพราะฉะนั้น แฟนผีจะเห็นบ่อยๆว่า ปีกสองข้างหายไปจากเกม แล้วเกมรุกเหลือแค่บรูโน่คนเดียว หากว่าเกมไหนเจอคู่แข่งแพ็คกลางแน่นๆ บรูโน่เล่นลำบาก ก็ต้องถ่างออกไปปีกอีกเพื่อเล่นกับแบ็ค พลังทำลายของบรูโน่ก็จะลดลงไปอีก แล้วนอกจากพี่หนวดแล้ว ก็ไม่มีใครสร้างสรรค์เกมรุกได้อีกเลย

ทั้งๆที่มี "มือสังหาร"(Assassin) อยู่เต็มทีม ทั้งคาวานี่ แรชฟอร์ด และกรีนวู้ด แต่กลับไม่มี "คนสร้างสรรค์เกมรุก"ให้ มันน่าเสียดายมากๆ

เพราะฉะนั้นแล้ว นี่แหละคือประเด็นสำคัญที่สุด และสิ่งที่ดีที่สุดที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เลือกซื้อเจดอน ซานโช่เข้ามา นั่นก็คือ เราซื้อซานโช่เข้ามาเพื่อ "สร้างสรรค์เกมรุก" ให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในแดนหน้าให้อันตรายมากขึ้น เพื่อให้นักเตะตัวจบสกอร์คนอื่นๆมากมายในทีม ทั้งหมากแรชคาวานี่กรีนวู้ด ได้ยิงมากขึ้น

การมีซานโช่เข้ามาในทีม ก็เหมือนนักฆ่าในกองหน้าของเราได้ "บัฟแดง" เบิร์นแดเมจใส่คู่ต่อสู้ได้มากกว่าเดิมนั่นล่ะ

และนั่นแปลว่า ทีมรุกเราจะบาลานซ์สมดุลมากกว่าเดิม จากการมีตัวปั้นเกมรุก4คน(รวมอิป็อกด้วยถ้ายังอยู่)

นั่นก็คือ เราจะมี บรูโน่ + ซานโช่ ที่จะเป็นตัวปั้นเกมรุกหลักที่จะทดแทนกันไม่ให้ทีมเรา "ขาดแคลน" คนปั้นเกมแน่นอน หากว่าคนใดคนนึงไม่อยู่ เช่น บรูโน่ตรวจโด๊ปไม่ผ่านเพราะทีมแพทย์สงสัยว่าแบกถังออกซิเจนลงสนาม โดนแบน8เดือน หรือ ซานโช่ถีบปากhatersข้างสนามที่คอยตามด่าจนโดนแบนไป9เดือนเป็นต้น

หากว่าซานโช่ หรือ บรูโน่ คนใดคนนึงไม่อยู่ เราก็จะยังมี "ตัวทำเกมรุกหลัก" เหลืออยู่อีกหนึ่งคนเป็นการ"กระจายความเสี่ยง" ให้แมนยูอีกด้วยเผื่อaccidentหรือมีนักเตะเจ็บขึ้นมา ซึ่งต้องมีแน่ๆ เพราะซีซั่นที่ผ่านมาถือว่าแมนยูโชคดีจัดๆไม่เหมือนทีมอื่น เพราะนักเตะเราแทบไม่มีใครเจ็บยาวๆเลย ขนาดไบญี่กลับมาฟิต ป็อกบาก็เล่นได้ต่อเนื่องและยาวนานกว่าปกติ รวมถึงลุค ชอว์ ที่ไม่มีเจ็บยาวออดแอดๆเหมือนที่ผ่านมาเลย

นั่นคือโชคดี แต่ปีต่อไป อาจจะมีโชคร้ายสลับมาได้ เพราะฉะนั้น การมีตัวดีๆเข้ามากระจายความเสี่ยงที่ทำให้ทีม "ไม่มีทางขาดนักเตะสร้างสรรค์เกมรุก" ตรงนี้ถือว่าสำคัญมาก

และนี่แหละครับคือเหตุผลสำคัญที่สุดที่ว่า ทำไมแมนยูไนเต็ดถึงได้เสี้ยนอยากได้เจดอน ซานโช่ขนาดนั้น ในขณะที่แฟนบอลบางประเภทยังไม่เข้าใจ และก่นด่าอย่างต่อเนื่องว่า ซื้อซานโช่แพงๆเข้ามาเพื่ออะไร ทั้งๆที่มันไม่ได้เก่งขนาดยกระดับเช่นนั้น

เอ้า ทีมเราก็ไม่ได้กะว่ามันเข้ามาแล้วจะต้องเป็นโรนัลโด้ เมสซี่คนใหม่ซะที่ไหน เราต้องการคนปั้นเกมรุกโว้ยยยยยยย

4. "ตัวลงปีกขวา"

อ่ะ เนี่ย หัวข้อที่ต้องการมาถึงละ แล้วก็เป็นหัวข้อสุดท้ายรองสุดท้ายด้วยที่ผมหยิบมาเขียน เพราะประโยชน์ที่บางคนมองว่าเป็นหัวเรื่องหลักในการซื้อมานั้น เพื่อจะลงปีกขวาเป็นหน้าที่หลัก แต่เป็นประโยชน์รองที่ทีมสตาฟฟ์โค้ช และโอเล่ กุนนาร์ โซลชามอง เพราะต้องการมิติการสร้างเกมรุกมากกว่าแค่จะมีประโยชน์แง่เดียว

ที่ผมมั่นใจว่า โอเล่กับทีมงานไม่ได้โง่ซื้อเข้ามาเพื่อแค่จะมาเล่น RW อย่างเดียว ทั้งๆที่ทีมเราพอจะมีตัวสลับกันลงได้อย่าง กรีนวู้ด + แดเนียล เจมส์ + อามัด เดียโล่ + มาร์คัส แรชฟอร์ด

การนำซานโช่เข้ามา ดีไม่ดีคุณจะได้เห็นเขาลง "ปีกซ้าย" มากกว่าที่คิดซะด้วยซ้ำ

หากใครยังไม่มีเวลาหรือไม่ค่อยได้ไปดูซานโช่ จะบอกว่าตำแหน่งจริงๆของซานโช่คือการเล่นปีกได้ทั้งสองข้าง และเล่นได้ดีมากๆพอกัน โดยต่างกันแค่ดีเทลเท่านั้นเอง แต่ซานโช่สามารถเล่นได้โหดทั้ง "ปีกซ้าย" และ "ปีกขวา"

ประการแรก จะให้ดูสถิติความคุ้นเคยในการลงเล่นตลอดสามฤดูกาลที่ดอร์ทตอนเป็นตัวหลักก่อนว่า ซานโช่นั้นเล่นได้ทั้งสองข้าง และเล่นดีทั้งสองข้าง แล้วแต่ฤดูกาลว่า ปีไหนจะลงฝั่งไหนมากกว่า แต่ที่แน่ๆ ปีล่าสุดที่เพิ่งผ่านมา ลงปีกซ้ายเยอะกว่าด้วยซ้ำ

ซีซั่น 2018/19

เล่นปีกซ้าย 10 เกม  : ยิง 2 แอสซิสต์ 4

เล่นปีกขวา 33 เกม : ยิง 11 แอสซิสต์ 16

ซีซั่น 2019/20

เล่นปีกซ้าย 11 เกม  : ยิง 8 แอสซิสต์ 7

เล่นปีกขวา 21เกม : ยิง 8 แอสซิสต์ 11

ซีซั่น 2020/21

เล่นปีกซ้าย 15 เกม  : ยิง 9 แอสซิสต์ 8

เล่นปีกขวา 14 เกม : ยิง 5 แอสซิสต์ 9

(สถิติจาก transfermarkt)

**อนึ่ง นี่คือสถิติที่หยิบมาแค่เรื่องการเล่นปีกซ้ายปีกขวาเท่านั้น เพราะตอนเล่นกลาง หรือกองหน้า ซานโช่ยังมียิงประตู + แอสซิสต์อีก ผู้อ่านอย่างง ว่าทำไมสถิติมันไม่เท่ากับข้อมูลที่เขียนข้างบนเบื้องต้นว่า20แอสซิสต์ทุกฤดูกาล ตัดมาเทียบเรื่องการเล่นปีกให้ดูอย่างเดียว

สถิติตรงนี้แสดงให้เห็นว่า สามซีซั่นเต็มๆที่ผ่านมากับดอร์ทมุนด์ สองซีซั่นก่อนนั้นซานโช่ลงเล่นในตำแหน่งปีกขวาเป็นหลักมากกว่าซ้าย อันนี้ชัดเจนว่าเจ้าตัวคุ้นเคยกับการเล่นปีกขวาแน่นอนอยู่แล้ว

แต่จะเห็นว่า จำนวนเกมการลงปีกซ้ายก็ถือว่า "ไม่น้อย" เลยสำหรับซานโช่ เพราะปีๆนึงลงเป็นสิบเกม

ยิ่งล่าาาาาสุด ปี2020/21 เป็นตำแหน่งที่เขาลงเยอะที่สุดในการเล่นด้วยซ้ำ นั่นก็คือ ปีกซ้ายลงไป15เกม และมีส่วนร่วมไปถึง 17ประตู จากการยิง9เม็ด จ่ายแอสซิสต์8 ส่วนปีกขวาลงน้อยกว่าเดิม เหลือ14เกม แต่ก็ยังทำไปได้ 5 ประตู กับแอสซิสต์ 9 ประตู

3 ปีล่าสุดของซานโช่กับดอร์ทมุนด์ จำนวนการลงเล่นที่นับเฉพาะปีกขวากับปีกซ้ายนั้น เขาเล่นปีกขวาไป 68 เกม ปีกซ้าย 36 เกม

นับจริงๆก็ถือว่าซานโช่เป็นปีกขวาแน่นอน แต่เป็นปีกขวาที่เล่นปีกซ้ายได้ และเล่นดีเหมือนกัน

เพียงแต่ว่า จุดที่น่าสนใจคือ "ดีเทล" ของการเล่นที่จะแตกต่างกันเวลาที่เล่นสองข้าง ให้คิดเบื้องต้นก่อนว่า ซานโช่นั้น ถนัดขวา เวลาที่เล่นเป็นตัวรุกด้านข้างนั้น ส่วนใหญ่ในยุคนี้จะใช้การยืนฝั่งตรงข้ามกับเท้าข้างถนัด เพื่อที่จะตัดเข้าในและสามารถยิงได้สำหรับคนที่มีสกิลจบสกอร์แบบกองหน้า พวกนั้นก็จะเป็นนักเตะสาย Inside Forward อย่าง แรชฟอร์ด มาร์กซิยาล หรือแม้กระทั่งฝั่งขวาที่ตัดในด้วยเท้าซ้ายอย่างกรีนวู้ด เบล โมซาลาห์ มาห์เรซ เป็นต้น

ดังนั้น เมื่อซานโช่ที่ถนัดขวา ลงเล่นในปีกซ้าย เขาจะมีพลังทำลายในการยิงประตูมากกว่าเดิม และสถิติก็ไม่หลอกใคร เมื่อสังเกตดูว่า ซานโช่ลงปีกซ้ายให้ดอร์ทมุนด์ เขายิงประตูได้เยอะกว่าเล่นปีกขวา

เทียบง่ายๆคือจากซีซั่นที่ผ่านมา เพราะถือว่าลงปีกขวาปีกซ้ายเกือบจะพอๆกัน ซานโช่เล่นLW ยิงไป 9 ประตูเหนาะๆ ส่วนตอนเล่นปีกขวา ยิงได้แค่ 5 ประตู

ดังนั้น หากว่าวันไหน แมนยูต้องการประตูจากซานโช่ ทีมจะปรับใช้เขาลงปีกซ้ายแทนทันที

กลับกัน ในยามที่ซานโช่เล่น "ปีกขวา" (RW) การเล่นด้วยเท้าขวาด้านหน้าขวา สภาพการเล่นจะปรับจากInside Forward กลายเป็นกึ่งๆ Winger แทน และการยิงเท้าขวาจากมุมขวาจะถนัดน้อยกว่า

แต่เปิดบอลได้ถนัดกว่า

ดังนั้นสถิติซานโช่ตอนเล่นปีกขวา จะเห็นว่า แอสซิสต์กระจุยกระจาย และเยอะมากอย่างเห็นได้ชัด เพราะอย่างที่ยกสถิติให้เห็นแล้วว่า ทุกๆรายการ ทุกๆตำแหน่ง พี่แกแอสซิสต์ 20ลูกทุกซีซั่นโดยเฉลี่ย

ลงปีกขวาปี 2018/19 แอสซิสต์ไป16, ปีกขวา 2019/20 แอสซิสต์ 11, ปีกขวา 2020/21 แอสซิสต์ไป 9

ซึ่งลูกแอสซิสต์ของซานโช่เวลาเล่นปีกขวา เยอะกว่าปีกซ้ายในทุกๆซีซั่น

เพราะฉะนั้นมันก็ง่ายๆครับ ชัดเจนว่ามิติการเล่นของซานโช่นั้น สามารถเลือกใช้ได้มากมาย บนพื้นฐานหลักที่เขาเป็นนักเตะประเภทเดียวกับบรูโน่ แฟร์นันด์ส และ แฮรี่ เคน ที่ "ทั้งยิง ทั้งจ่าย" ได้ในเวลาเดียวกัน

วันไหนแรชฟอร์ดเจ็บ หรือ ทีมต้องการประตู จับซานโช่ลงปีกซ้ายเลย

วันไหน แรชฟอร์ดฟิตๆ คาวานี่กำลังกระหายเลือด ก็จับซานโช่ลงปีกขวา เพื่อปั้นเกมบุก แล้วรอจ่ายให้พี่ชายสุดเลิฟเยสเอ็กซ์ของเขาอย่าง แรชฟอร์ด ได้ยิงกระจุยกระจาย

การใช้งานซานโช่ ใช้ได้ทั้งสองฝั่ง ในรูปแบบที่ต่างกันทางด้านดีเทลเล็กน้อย แต่จริงๆแล้ว ไม่ว่าจะลงปีกซ้าย หรือ ปีกขวา เจดอน ซานโช่ ก็สามารถ ยิงประตู และทำแอสซิสต์ได้ทั้งสองฝั่ง อย่างที่เขียนไปแล้วว่า สถิติยิงเฉลี่ย 16.33ประตู แอสซิสต์เฉลี่ย 20ลูก ต่อซีซั่นนั้น มันคือสถิติที่พิสูจน์แล้วในฟุตบอลที่เป็นลีกระดับท็อปทรีของยุโรป

ดังนั้น หัวข้อในเรื่องที่ว่า ทีมเราซื้อซานโช่มาเพื่อเล่นปีกขวานั้น ต้องสรุปว่า ทีมเราซื้อซานโช่มาเพื่อลง "ปีกขวา" จริงๆนั่นแหละ แต่เราได้ประโยชน์จากเขามากกว่านั้นเยอะ เพราะซานโช่ เล่นปีกซ้ายแบบเต็มๆได้ถนัดเช่นกัน และสร้างมิติเกมรุกที่ต่างกันระหว่างสองฝั่ง อย่างที่กล่าวไปแล้ว

ผมเชื่อว่า ทีมงานเราจะไม่มีทางใช้ซานโช่เล่นขวาตลอดเวลาอย่างเดียว แต่เขาจะเล่นเหมือนที่ดอร์ทมุนด์ปีสุดท้ายนั่นแหละ ก็คือสลับกัน ทั้งซ้ายและขวา เพราะหน้าขวาเราก็มีนักเตะลงสนามได้อยู่แล้ว ทั้งเมสัน ไม้เขียว / แดน เจมส์ ที่สามารถปรับการใช้ได้ตามสะดวก ทั้งการยิงประตูของน้องเขียว หรือเกมเพรสซิ่งเกมรับของเจมส์ แล้วยังไม่รวมตัวละครลับอย่างอามัด เดียโล่อีก

ปีกซ้ายแค่ไว้ช่วยเสริมแรง ปีกขวาปีศาจแดงคือตำแหน่งจริง

5. สมดุลที่เหมาะสม จะทำให้แนวรุก "ลงล็อค" เมื่อซานโช่เข้ามา

เรื่องของบาลานซ์นี่ถือเป็นจุดสำคัญมากๆเรื่องนึงเลยที่ซานโช่จะนำเข้ามาได้ เรื่องนี้ยกตัวอย่างไปถึงทีมชาติอังกฤษในเกมเจอเยอรมันวันก่อนได้ ปัญหาที่อังกฤษเจอคือ เกมรุกแดนหน้าสามคน ขาดการซิงค์กันอย่างชัดเจน ต่างคนต่างเล่น และดันไปใช้สกิลตัวเองอย่างผิดที่ผิดทาง โดยเฉพาะ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่ก้มหน้าก้มตาเลี้ยงอย่างเดียวไม่จ่ายบอลเพื่อน ไม่จ่ายให้แบ็คอย่างชอว์ที่โอเวอร์แลปทางซ้ายเลยแม้แต่ครั้งเดียว

สุดท้ายเสียบอลเกมบุกฟรีๆ อังกฤษจึงเจาะเยอรมันไม่สำเร็จในครึ่งแรก

แต่พอ "กรีลิช" ลงมาในสนาม การทำเกมรุก จึงเปลี่ยนมือจากราฮีม เป็นแจ็ค และการลากเลื้อยคนเดียวแบบบอลชายเดี่ยวหายไป กลายเป็นบอลให้ง่ายๆสวยๆจากกรีลิช ที่จับคู่ "แจ็คกะเจ๊" ประสานลุค ชอว์จนสร้างสองประตูสวยๆถล่มเยอรมันอย่างชื่นมื่น โดยที่มีประตูของราฮีม สเตอร์ลิ่งเองนั่นแหละเป็นส่วนสำคัญอีกส่วนนึง

ตรงนี้มันทำให้เราเห็นถึง การเข้ามาของ ซานโช่ ในแมนยู จะเป็นสิ่งเดียวกันกับที่ กรีลิช ลงมาในสนามให้ทีมชาติอังกฤษ

บอลบุกของแมนยูที่ทุกวันนี้เวลาแรชลงสนามมา เขาก็ตะบี้ตะบันเลี้ยงเสียบอลคนเดียวไม่ต่างกับราฮีมเลยเช่นกัน

แต่หากว่ากลายเป็นบอลไปขึ้นที่ซานโช่ สิ่งที่จะเกิดก็คือ

5.1 แมนยูไม่เสียบอลบุก เพราะแรชฝืนเลี้ยง แต่เกมรุกจะได้สร้างสรรค์จากซานโช่แทน

5.2 แรชฟอร์ดที่ไม่ได้เป็นตัวทำเกม จะวิ่งเป็นอิสระขึ้น และได้ใช้สกิลในการจบสกอร์ ไปรอในจังหวะเข้าทำ ที่จะเปิดมาโดยซานโช่ให้กับแรชยิงระเบิดประตูถล่มทลาย

ข้อ5.2นี้ก็เช่นกัน ราฮีม ในยามที่กรีลิชลงมา เขาไม่ได้เป็นคนครองบอลบุกแล้ว ทำให้ราฮีมที่โยกไปขวา เป็นอิสระอย่างมาก และวิ่งป่วนหาพื้นที่โจมตีในจังหวะสุดท้ายได้อิสระ แล้วเขาก็ชาร์จทำประตูได้จริงๆ แม้ว่าเราจะด่าราฮีมในภาคการทำเกมบุกที่ห่วยแตกยังไง แต่ก็ต้องยอมรับว่า ราฮีมมีมิติการยิงประตูที่ดีที่สุดและแบกประตูของอังกฤษเอาไว้ในทัวร์นาเมนต์นี้

ถ้าใช้งานราฮีมให้ถูก ก็จะมีประโยชน์ และเรื่องตรงนี้ก็เหมือนกันในแมนยู หากซานโช่มา แรชฟอร์ด กับ กรีนวู้ด รวมถึงคาวานี่ จะได้รับบอลที่ครีเอทเกมรุกได้ดีจากบรูโน่ ซานโช่ และอาจรวมป็อกบาอีกคน ทำให้นักเตะตัวจบสกอร์หลักๆของเราสามคน ยิงประตูได้ เหมือนที่ราฮีม ไม่ต้องทำเกมเอง และรอทำประตูได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นี่แหละครับ คือสิ่งที่เรียกว่า "ลงล็อค" กรีลิชลงมาแล้วอังกฤษเล่นได้ยังไง ซานโช่มาแมนยูก็ทำให้มันลงล็อคแบบนั้นแหละ

ทั้งหมดที่เขียนมา5หัวข้อใหญ่ๆนี้ คือประเด็นสำคัญของหัวบทความที่ว่า สิ่งที่แมนยูได้จากซานโช่ ไม่ใช่แค่ "ผู้เล่นปีกขวา" แต่ได้มากกว่านั้น

ชัดเจนนะครับว่า การได้ปีกขวา เป็นเพียงแค่ข้อเล็กๆข้อเดียว จากสิ่งที่มีประโยชน์กับทีมมากกว่านั้นเยอะมาก ใครที่เป็นห่วงเรื่องที่ว่า "ซานโช่เข้ามา จะแก้ปัญหาถูกจุดไหมครับพี่" , หรือ "ซานโช่เล่นซ้ายดีกว่า ขวาไปไม่สุด จะถูกจุดหรือครับพี่" ฯลฯ ผมเขียนมาจนถึงบรรทัดนี้ ถ้าใครอ่านแล้วคิดตามดีๆ คุณจะรู้เลยว่า ประเด็นปัญหาโลกแตกเรื่องที่ว่า จะเอาซานโช่มาเล่นปีกขวาหรือซ้าย จะคุ้ม หรือจะดีไหม มันไม่ใช่ปัญหาที่เป็นเรื่องใหญ่เลยหากว่าวิเคราะห์ดีๆ

ซานโช่เล่นดีทั้งสองข้าง ด้วยผลลัพธ์การเล่นที่ใกล้เคียงกัน แต่จุดแข็งต่างกัน เล่นซ้ายยิงได้เยอะ เล่นขวาแอสซิสต์ได้เยอะ ก็แค่นั้นเอง แต่ที่แน่ๆดีทั้งสองฝั่ง และเอาจริงๆหลักๆแล้วซานโช่ก็เล่น "ปีกขวา" จริงๆนั่นแหละ หากนับปริมาณการยืนในpositionของ RW ทั้งหมดที่ดอร์ทมุนด์ในเกมลีก อย่างที่เปรียบเทียบให้เห็นแล้ว

เรื่องการใช้งานในFormationและแทคติกการเล่นนั้น อาจจะทำบทความแยกละเอียดให้ดูอีกทีนึงในวันข้างหน้า

แต่สิ่งที่ศาลาผีต้องการจะเน้นย้ำ ก่อนที่แฟนผีจะฝันหวานกันเกินไป เราต้องเบรคด้วย "ความเป็นจริง" กันก่อนว่า ซานโช่ยังไม่ได้ลงสนามให้เรา และเพิ่งจะประกาศคว้าตัวมาเท่านั้นเอง

"เจดอน ซานโช่ ยังไม่ใช่จิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่จะพาแมนยูได้แชมป์ทันที"

ไม่มีใครรู้ทั้งนั้นว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาจะฟอร์มปังไหม หรือ มาแล้วดับอีกคนไม่ต่างจากสตาร์ยุคจารย์หลุยส์ ซึ่งมันอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ เราเพียงแต่แค่วิเคราะห์จากปัจจัยและเหตุผลที่มีอยู่ "อย่างเหมาะสม" เท่านั้นเอง

เรายังมีจุดอ่อนในทีมอยู่อีกเยอะที่ต้องแก้ไขและเสริมทีม การได้ซานโช่เข้ามาคือตัวเติมเต็มในแดนหน้าเท่านั้น

และโปรดฟังอีกครั้งหลายๆรอบว่า

การได้เจดอน ซานโช่เข้ามา ยังไม่ใช่จิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่จะพาแมนยูได้แชมป์ทันที

การได้เจดอน ซานโช่เข้ามา ยังไม่ใช่จิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่จะพาแมนยูได้แชมป์ทันที

การได้เจดอน ซานโช่เข้ามา ยังไม่ใช่จิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่จะพาแมนยูได้แชมป์ทันที

เน้นย้ำตรงนี้ตัวเข้มๆสามบรรทัดซ้อนเอาไว้เลยเพื่อดักคอใครที่จะมาบอกว่า นี่คือบทความที่เอาแต่ "อวยซานโช่" ซึ่งมันต้องมีแน่ๆประเภทที่อ่านไม่ละเอียด อ่านไม่จบ อ่านไม่แตก แล้วก็มาด่าผู้เขียน

การได้ซานโช่เข้ามาจะทำให้เกมรุกอันตรายขึ้นในแง่ของความ "สมดุล" และการทดแทนตำแหน่งกันในคุณภาพเชิงลึก และที่กล่าวไว้แล้วใน5หัวข้อหลักดังกล่าว ผมหวังว่าแฟนบอลที่ต่อต้านการเซ็นซานโช่เข้ามาจะเข้าใจ

ซานโช่ไม่ได้เก่งขนาดเมสซี่ เข้ามาแล้วลากเลื้อยคนเดียวครึ่งสนามเข้าไปยิง หรือระเบิดประตูเป็นเครื่องจักรสังหารในตำนานแบบคริสเตียโน่ โรนัลโด้

ซานโช่ มาเพื่อสร้างสมดุลให้เกมรุกของเราลงล็อคและสมบูรณ์มากขึ้น เขาไม่ได้มาแล้วจะเก่งและแบกทีมด้วยตัวคนเดียว

และแม้เกมรุกในส่วนนี้จะดีขึ้นจริง แต่มันก็ยังไม่เพียงพออยู่ดีที่จะทำให้แมนยูไนเต็ดแข็งแกร่งขึ้นแบบจริงๆจังๆ

เพราะหลังบ้านเรายังรั่วอยู่เลย

แมนยูไนเต็ดตอนนี้ยังขาดทั้ง เซ็นเตอร์ตัวหลักที่จะมาเป็นพาร์ทเนอร์แฮรี่ แมกไกวร์ ที่มีเกมรับที่ดีกว่าไบญี่ และลินเดอเลิฟอยู่

แมนยูไนเต็ดยังขาดตัวสำคัญมากที่สุด อาจจะมากกว่าปีกขวาด้วยซ้ำอย่าง "มิดฟิลด์ตัวรับ" ที่เป็นจุดอันตรายเหมือนกันที่สมควรซื้อซีซั่นนี้หากเป็นไปได้ เพราะทุกวันนี้เราขาดสมดุลของคนเชื่อมเกมจากด้านหลังขึ้นไปหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะคู่double pivotปัจจุบันที่โอเล่ใช้อยู่ยังไม่ตอบโจทย์

แถมสำคัญคือ "แบ็คอัพของแบ็คขวา" ก็ถือว่าสำคัญเช่นกัน ไม่งั้นแมนยูจะไม่มีข่าวกับ ทริปเปียร์ หรือ เจมส์ ทาเวอร์เนียร์ ของเรนเจอร์ส เลย เพราะปีที่ผ่านมา วานบิสซาก้าลงสนามเยอะมากจนเกินไป และตัวสำรองในทีมก็ยังไม่ดีพอทั้งแบรนดอน หรือดาโลต์ที่ปล่อยยืม และเราจะปล่อยให้AWBลงเยอะแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว เผื่อดวงแตกเจ็บยาวขึ้นมาก็งานหนัก การหาแบ็คอัพRBที่ราคาไม่แพงเข้ามา เหมือนเคสอเล็กซ์ เตลีส ที่เป็นแบ็คให้ชอว์จนฟอร์มดี ก็ถือเป็นจุดสำคัญที่ยังขาด

เห็นไหมครับว่า มันยังขาดอีกเยอะมาก ได้ซานโช่เข้ามาคนเดียวมันห่างไกลกับคำว่า "จบ" เยอะเลย

ได้ข่าวว่าไม่ยอมต่อสัญญากับเวสต์แฮมเหรอเราน่ะ แอบดื้อนะ หึหึ

ขอ "นอกเรื่องซานโช่" ประมาณ10พารากราฟ เพื่อชี้ให้เห็นปัญหาหน่อยว่า ซื้อซานโช่มาก็ยังไม่จบ

เพราะจุดที่สำคัญที่สุดสองจุดอย่าง CB กับ DM จำเป็นต้องเร่งซื้อให้ได้โดยเร็วที่สุด และถ้าได้ในซีซั่นนี้มันจะดี และทำให้ทีมเข้าใกล้บัลลังก์แชมป์มากขึ้น และ "ท้าชิง" กับคิงอย่างแมนซิตี้ หรือเชลซี ได้ใกล้เคียงสูสีกว่านี้ หากว่าทีมเราได้ผู้เล่นตำแหน่ง "มิดฟิลด์ตัวรับ" เก่งๆเข้ามาสักคนนึงที่จะปักหลักหลังบ้าน ปัดกวาดหน้าแผงกองหลังให้เราได้ เกมรับก็จะแน่นขึ้นอีกระดับ และเซ็นเตอร์แบ็คก็จะได้รับประโยชน์จากการที่ทีมได้DMตัวใหม่เข้ามาด้วย

เพื่อที่จะสร้างสมดุลในการยืนกลางรับตัวต่ำ และสามารถปลดปล่อย "แม็ค & เฟร็ด" ให้ได้ยืนสูงขึ้นและเล่นตามบทบาทที่ถนัดได้ตรงกับจุดแข็งและศักยภาพตัวเองมากกว่านี้ ไม่ใช่การใช้งานผิดประเภทในการจับเล่นกลางรับคู่เหมือนปัจจุบัน

การมีกลางต่ำด้านหลังจะทำให้ "เฟร็ด" โบยบินได้เหมือนในทีมชาติกับตำแหน่งตัว Shuttler หรือที่เรียกว่า Carrilero มิดฟิลด์ลูกหาบ ซึ่งเป็นการเล่นพื้นที่กลางสนามในจุดCM วิ่งขึ้นวิ่งลงเพื่อซัพพอร์ตทั้งกลางรับและกลางรับ โดยเอาบอลต่อมาจากกลางรับ เพื่อนำไปป้อนให้กับกลางรุกอย่างบรูโน่เพื่อนซี้อีกทีนึง

เวลาได้บอล เฟร็ดจะมองหาบรูโน่ก่อนเป็นคนแรกเพื่อถ่ายบอลเร็วไปให้เสมอ

ทางด้านน้องแม็คของเรา การมีกลางรับ จะทำให้แม็คโทมิเนย์ สามารถเติมสุดขึ้นกรอบเขตโทษได้แบบไม่ต้องพะวงหลัง ซึ่งจะทำให้เขาได้ใช้ความสามารถมาเติมเกมรุกเพิ่มให้ทีม ด้วยสกิลเก่าในฐานะอดีตกองหน้าวัยเด็กให้เราได้เห็นยิ่งๆขึ้นไปอีก เล่นเกมรุกได้อย่างเต็มที่ วิ่งพล่านจากตำแหน่งไปทั่วในแดนกลาง

และแต่เดิม แม็ค-เฟร็ด ไม่ใช่มิดฟิลด์ตัวต่ำทั้งคู่อยู่แล้ว และทีมเรามีจุดเชื่อมต่อเฉพาะแดนบน จากบรูโน่ แฟร์นันด์ส แต่จุดเชื่อมต่อในแดนล่าง (จากกองหลังไปยัง > ตัวรุก) มันไม่มีตัวเชื่อม และตัวสกรีนงานอยู่

มิดฟิลด์ตัวรับจึงเป็นตำแหน่งที่เราคาดหวังและอยากได้มากๆ ซึ่งยังไม่มีวี่แววว่าจะได้เลย เพราะปีนี้ดูเหมือนว่า priorityในการเสริมของtransfer planทีมเรา จะไปตามล่า "กองหลัง" ก่อนกลางรับ

ยังพอทนว่า อย่างน้อยทีมก็รู้ว่าต้องซื้อกองหลังใหม่ เพราะที่มีอยู่นอกจากแมกไกวร์มันยังดีไม่พอจริงๆ และนี่ยังคงเป็นปัญหาอีกจุดนึงที่ทีมขาดอย่างหนัก และก็ต้องไปซื้อกองหลังดีๆมาเข้าทีมต่อไป

และตัวที่ข่าวแรงสุด และดูแล้วน่าจะได้ตัวมากที่สุด ณ ตอนที่เขียนบทความนี้ คือราฟาเอล วาราน ที่เหมือนจะเป็นเป้าหมายเบอร์หนึ่งของแมนยูไนเต็ดในการเสริมตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คตัวหลักให้ทีม ในราคาราว 50ล้านปอนด์จากเรอัลมาดริด ซึ่งข่าวกำลังเดือดและสำทับยืนยันมาตลอดว่า วารานมีโอกาสสูงที่จะเข้ามาเป็น CB ตัวใหม่ให้กับแมนยูไนเต็ดปีหน้า

จริงๆถ้าซื้อวารานเข้ามาได้ก็โอเค ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะถือเป็นกองหลังมีชื่อชั้น และด้วยวัย28ปีก็ถือว่ามีประสบการณ์ในระดับสูงมาอย่างโชกโชน ถือเป็นดีลที่ถ้าทุ่มซื้อมาได้ก็ถือว่าโอเคอยู่

ในมุมมองส่วนตัว กองหลังที่ผู้เขียนอยากได้นั้น แอบคาดหวังว่า มันควรจะเป็น "คริสเตียน โรเมโร่" หรือไม่ก็ "นิโกล่า มิเลนโควิช" มากกว่าที่มีความเป็นสต็อปเปอร์เกมรับจ๋าๆอยู่ในตัว และมีสถิติการเล่นเกมรับที่โหดมากๆ ด้วยจำนวนการ Blocks + Interceptions + Clearances + Tackles ของโรเมโร่คนเดียว รวมกันแล้ว 356 ครั้งในซีซั่นที่ผ่านมาจนได้รางวัลกองหลังยอดเยี่ยมของลีกอิตาลีอย่างเซเรียอา

กองหลังจอมบู๊รายนี้น่าสนใจมากในการเสริมทีมในราคาราว45ล้านปอนด์

หรือถ้าไม่ใช่คริสเตียน โรเมโร่ ก็เป็น นิโกลา มิเลนโควิช เจ้าของฉายานิววิดิช ส่วนสูง195cm ที่มีความใหญ่ เข้าแทคเกิลได้หนักหน่วง ชนกระเด็นทุกราย และมีสถิติเกมรับทั้งการเข้าปะทะ สกัดบอล บล็อค และเคลียร์บอลทั้งหลายเหล่านี้ รวมๆทั้งหมดสูงถึง 304 ครั้งเหมือนกันไม่แพ้กองหลังยอดเยี่ยมอย่างโรเมโร่

แถมด้วยการดวลลูกกลางอากาศ (Aerieal Duels Won) ของมิเลนโควิชก็สูงถึง 77% ระดับเดียวกับแฮรี่ แมกไกวร์เลย (77.5%) แล้วสัญญาของเขาหมดแค่ June ปี 2022 ซึ่งก็คือปีหน้า และฟิออฯอาจจะขายในราคาเพียงแค่20ล้านยูโรซะด้วยซ้ำ และอัลเลกรี กับ ยูเว่ก็สนใจเซ็นเตอร์แบ็คร่างบึกรายนี้ซะด้วย

แมนยูมีข่าวสนใจและอยู่ในลิสต์สโมสรที่มองตัวนี้อยู่เช่นกัน

เราต้องการมิติเกมรับที่จะเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ให้แมกไกวร์จากสองคนนี้ แต่ดูเหมือนว่าข่าวจะเข้มมาทาง ราฟาเอล วาราน ซะมากกว่า ซึ่งหากต้องทุ่มเงินมากกว่า50ล้านปอนด์ ตามข่าวว่าพวกเขาปฏิเสธ และอยากจะได้80ล้านนั้น ขอแนะนำให้เบนเข็มมาซื้อของดีราคาถูกกว่าอย่างโรเมโร่ที่อตาลันตาอยากได้45m หรือ มิเลนโควิช ที่อาจจะถูกกว่านั้นจัดๆที่ 20-25ล้านยูโรเท่านั้นเอง แถมมิเลนโควิชใช้เป็นสำรองRBให้วานบิสซาก้าได้อีกออฟชั่นหนึ่งด้วย

แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ปีนี้แมนยูซื้อกองหลังแน่นอน แต่จะเป็นใครเท่านั้นเอง จาก4ตัวที่มีข่าวกับเรา อย่างวาราน ตอร์เรส โรเมโร่ และ มิเลนโควิช ซึ่งผู้เขียนภาวนาแบบไม่ค่อยมีหวังเท่าไหร่ที่อยากจะให้เป็นมิเลนโควิช หรือ โรเมโร่มากกว่า

นี่แหละครับคือปัญหาที่ยังไม่จบไม่สิ้น เพียงแค่ได้ซานโช่เข้ามาตัวเดียวแล้วเราจะเป็นแชมป์เลยซะที่ไหน เปล่าเลย นี่คือจุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง ทีมซื้อขายของแมนยูยังคงต้องทำงานหนักต่อไป

แต่มันดีตรงที่ "ตลาดซัมเมอร์นี้" เปิดมาไม่กี่วัน แถมนักเตะก็ติดยูโรอยู่ แต่แมนยูปิดดีลได้เลยอย่างเร็วสำหรับซานโช่ จะได้เหลือเวลาใน "ตลาดนี้" ไปเดินเรื่องซื้อตัวอื่นได้แบบเวลาเหลือๆ และแม้จะดูคาราคาซัง แต่จริงๆแล้วปีก่อนแมนยูยังไม่มี official offer ไปให้ทางดอร์ทมุนด์ในตัวซานโช่ด้วยซ้ำ แปลว่าปีที่แล้วยังไม่ได้เดินหน้าจะลุย100%ซะด้วย เหมือนแค่พยายามคุยเงินกันก่อน ถ้าราคามันคุยกันไม่ได้จริงๆ ตกลงกันไม่ได้ เขาก็ไม่ยื่นไป เท่านั้นเอง

เรื่องของปีที่แล้วมันไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไรมากขนาดนั้น พลาดก็พลาดไป ก็จบแล้ว มันผ่านไปแล้ว และที่สำคัญหากใครจะลืมไปแล้ว ถ้าซื้อปีที่แล้วเราจะต้องเสียเงินเท่าไหร่ และเปิดเผยออกมาแล้วว่า แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่ดูเหมือนจะพลาดในปีที่แล้วนั้น จริงๆแล้วการอดทนรอจนซานโช่ "ราคาตก" (แถมพ่วงด้วยความช่วยเหลือจากเซาท์เกทที่ไม่ส่งลงสนามด้วย 555) มันทำให้แมนยูไนเต็ด ประหยัดค่าตัวซานโช่ไปถึง "35ล้านยูโร" แบบเต็มๆ ซึ่งเป็นเม็ดเงินมหาศาลที่จะนำไปโปะซื้อนักเตะดีๆเข้ามาเสริมทีมได้อีกคนนึงเลยทีเดียว

(ปีก่อนค่าตัวรวม 120ล้านยูโร ปีนี้เราซื้อได้ในราคาราว 85ล้านยูโร และส่วนต่างจากนี้ก็มีราวๆอีก10ล้านที่จะต้องจ่ายเป็นค่า add-ons กับเงื่อนไขต่างๆ ที่สูงสุดภายหลังอาจจ่ายรวมเป็นเงิน95ล้านยูโร)

ดีแค่ไหนแล้วที่ทีมเราไม่โง่ไปซื้อแพงๆจากการถือไพ่เหนือกว่าของดอร์ทมุนด์ปีที่แล้ว

และที่สำคัญ ราคาที่ดูเหมือนจะมหาศาลนี้ในหลัก90ล้านยูโร อย่าลืมว่าซานโช่เพิ่งจะอายุ 21ปี นี่คือราคาที่ต้องจ่ายให้กับนักเตะระดับที่จะเข้ามาเป็นคีย์แมนของทีม และมันคือการ "ซื้ออนาคตระยะยาว" ด้วย เพราะยังสามารถใช้งานซานโช่ได้อีกนานมาก ดูยังไงๆราคานี้ก็สมเหตุสมผลมากแล้ว

มันไม่ได้แพงเกินไปเลย

การได้ซานโช่มาในรอบนี้ถือว่ามันดีที่สุดในตัวของมันแล้ว อยากให้แฟนผีดีใจกันได้อย่างเต็มที่เถอะ เชื่อผม แต่อีกทางนึงเราก็อาจจะต้องทำใจและ "ตัดใจ" จากขวัญใจอีกคนที่มีข่าวมาด้วยกันนานแล้ว และอยากจะให้ทีมไปล่าโจรสลัดที่มีค่าหัว "ร้อยล้านปอนด์" อย่างกัปตันแจ็ค แจ็ค กรีลิช หนึ่งในรุคกี้ระดับซุปเปอร์โนวาที่ควรค่าแก่การทุ่มคลังซื้อมาให้ได้สถานเดียวเท่านั้น

เพราะถ้าแมนซิตี้ได้ไป ก็คิดสภาพเอาเองว่าเกมรุกเดิมของพวกมันก็โหดสัสๆอยู่แล้ว ได้กรีลิชไปอีกตัว แทบอยากจะร้องไห้ เพราะนอกจากมันจะโหดขึ้นแล้ว เราก็จะอดได้ตัวแจ็คด้วย

ปีนี้เราไม่น่าจะมีงบไปซื้อแจ็คได้แล้วในเรทที่จะดีลนักเตะทีนึง 90-100ล้านขนาดนี้มาอีกตัว ทำใจกันได้เลย ในขณะที่ "ปีหน้า" ก็ต้องทำใจอีก เพราะเป้าหมายหลักเราถึงเวลาที่จำเป็นต้องซื้อ "กองหน้าตัวเป้า" แล้ว ซึ่งต้องทุ่มเงินเป็นบิ๊กดีลไม่ต่างกับซานโช่ในปีนี้เลย

ปีหน้า เราก็จะไม่มีโอกาสไปซื้อแจ็ค กรีลิช อยู่ดีอีกนั่นแหละ!

เพราะฉะนั้น ทำใจไปก่อนล่วงหน้าสำหรับแจ็ค กรีลิช..

แต่สิ่งที่ผู้เขียนอยากพูดก็คือ การมีเจดอน ซานโช่เข้ามา มันก็มีมิติการเล่นหลายๆอย่างที่ไม่ต่างกับการซื้อ แจ็ค กรีลิช ที่พวกเราอยากได้เหมือนกัน  นั่นก็คือมิติการสร้างสรรค์เกม นั่นเอง

ผมจะเปรียบเทียบให้ดูแบบคร่าวๆจากสถิติดิบของFBref และนำมาวิเคราะห์ต่อว่า ระหว่าง แจ็ค กรีลิช กับ เจดอน ซานโช่นั้น มีสถิติการเล่นที่ดีเหมือนกันยังไงกันบ้าง ที่น่าจะทำให้แฟนผีรู้สึก "เสียดายที่ไม่ได้กรีลิช" น้อยลงหน่อย

เพราะเราสามารถได้สิ่งนั้นจากตัวของซานโช่แทนได้

สถิติการเปรียบเทียบระหว่าง กรีลิช กับ ซานโช่ เฉพาะใน "เกมลีก" ของทั้งคู่ช่วงซีซั่นที่ผ่านมามีดังนี้

สถิติทั่วไปในการลงเล่น

Sancho : ดอร์ทมุนด์ 26 นัด ยิง 8 ประตู 11 แอสซิสต์, ทีมได้แต้มต่อเกม(Point per match)ยามที่ลงสนาม 1.85 แต้ม

Grealish : แอสตันวิลล่า 26 นัด ยิง 6 ประตู 10 แอสซิสต์, ทีมได้แต้มต่อเกม(Point per match)ยามที่ลงสนาม 1.65 แต้ม

สถิติภาพรวม ซานโช่ดีกว่า เพราะยิงได้มากกว่า แอสซิสต์ได้มากกว่า และลงแล้วทีมมีโอกาสได้แต้มสูงกว่า แต่ก็ไม่ถึงกับห่างกันมาก ของกรีลิชก็ทำได้ดีเช่นกัน

ภาคการจ่ายบอล

Sancho : การจ่ายบอลสำเร็จโดยเฉลี่ย 78.7%, การจ่ายบอลยาว(เกิน30หลา) 52.1%, ระยะทางรวมจ่ายขึ้นหน้า5317หลา

Grealish : การจ่ายบอลสำเร็จโดยเฉลี่ย 78.5%, การจ่ายบอลยาว(เกิน30หลา) 59.5% ระยะทางรวมจ่ายขึ้นหน้า5062หลา

เรื่องของความแม่นยำในเกมpassingของซานโช่ กับกรีลิช ถือว่าสูสีพอกันแบบแทบจะไม่ต่างกันเลย แต่ลูกยาวเหมือนกรีลิชจะแม่นกว่า อย่างที่เห็นคือเกือบ60%ที่จ่ายสำเร็จ ส่วนprogressive distanceรวม ซานโช่เยอะกว่าประมาณนึง

ภาคการเล่นเกมรุก

Sancho : โอกาสสับไก 51 ครั้ง, ยิงเข้ากรอบ29.4%, ทำได้ 8 ประตู จาก xG 7.4 ประตู / SCA 125 ครั้ง / GCA 0.96

Grealish : โอกาสสับไก 49 ครั้ง, ยิงเข้ากรอบ 34.7%, ทำได้ 6 ประตู จาก xG 4.3 ประตู / SCA 150 ครั้ง / GCA 0.86

กรีลิชยิงแม่นกรอบกว่า แต่ซานโช่คมกว่าหน่อยในด้านfinishing แต่จริงๆถือว่าเป็นคนใช้โอกาสไม่เปลืองทั้งคู่ เพราะยิงประตูจริงได้มากกว่าค่าความน่าจะเป็นในการทำประตู(xG)ทั้งคู่

ส่วน SCA มันคือ Shot-Creating Actions คือ "การเล่นที่ทำให้มีโอกาสได้ยิง" กรีลิชทำได้เยอะกว่าที่ 150 ครั้ง โช่ 125

แต่ GCA (Goal-Creating Actions) คือ "การเล่นที่ทำให้มีโอกาสได้ประตู" ซานโช่เหนือกว่าที่ 22 ต่อ 21 ครั้ง หรือเฉลี่ยต่อ90นาที ซานโช่สร้างการเล่นที่ทำให้มีโอกาสเป็นประตูเฉลี่ย 0.96 ประตูต่อเกม, กรีลิช 0.86 ประตูต่อเกม

ถามว่าเรื่องไหนสำคัญกว่ากัน ผมคิดว่า "ประตู" (goal) สำคัญกว่าปริมาณโอกาสยิง(shot) เพราะงั้นในประเด็นของการทำเกมรุก ซานโช่ก็ยังเหนือกว่าแจ็ค กรีลิชอีกอยู่ดี เพราะสร้างจังหวะที่ทำให้เกิดประตูเฉลี่ยแล้วเยอะกว่า โดยที่สถิติพวกนี้เป็นตัวบ่งบอกอย่างชัดเจน

การเลี้ยงบอล และมิติการครองบอล

Sancho : เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง 55.8% / ปริมาณการครองบอลทำเกม 1412 / ระยะทางรวมที่ไปกับบอล 4320 หลา

Grealish : เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง 65.6% / ปริมาณการครองบอลทำเกม 1100 / ระยะทางรวมที่ไปกับบอล 5758 หลา

อันนี้น่าจะชัดเจนว่า ใครคือนักเลื้อยเรียกตีนอันดับหนึ่ง(ฮา) กรีลิชครองบอลเรียกฟาล์วดูจะเด่นกว่า เลี้ยงบอลสำเร็จมากกว่า และระยะทางรวมที่ไปกับลูกบอลก็เยอะกว่าซานโช่ นั่นแปลว่าการเล่นของกรีลิช จะครองบอลเยอะกว่าซานโช่พอสมควร

แต่ซานโช่เองสถิติการเลี้ยงเอาชนะคู่แข่งเกินครึ่ง อยู่ที่ 55.8% จริงๆก็ถือว่าไม่น้อยเลยนะ เลี้ยงบอลใส่คู่แข่ง2ครั้ง ก็จะต้องผ่านแน่ๆครึ่งนึง ก็ไม่ได้แย่เลย แค่ไม่ครองบอลไว้กับตัวและเลี้ยงเยอะเท่ากรีลิชเท่านั้นเอง %การได้บอลจากเพื่อน ซานโช่ก็รับบอลจากเพื่อนสำเร็จ 82.9% เยอะกว่ากรีลิช 75.6%ด้วย

ดีกันคนละแบบนะ ส่วนร่วมกับเกมการเล่นในด้านปริมาณการครองบอลแล้วเล่น(carries) ซานโช่เยอะกว่า แต่กรีลิช จะเล่นด้วยการครองบอล และเลี้ยงลากเลื้อยมากกว่า นานกว่า เป็นระยะทางเยอะกว่าซานโช่

ตอบได้แล้วนะว่าใครเลี้ยงบอลเยอะกว่ากัน

เกมรับ

Sancho : เพรสซิ่งสำเร็จ 36.5% / ดวลลูกกลางอากาศชนะ 18.5% / tackle+interceptions+clearance+block = 90

Grealish : เพรสซิ่งสำเร็จ 31.6% / ดวลลูกกลางอากาศชนะ 37.5% / tackle+interceptions+clearance+block = 85

สองคนนี้ถือว่าเกมรับค่อนข้างใกล้เคียงกัน แต่การวิ่งของซานโช่ดูจะดีกว่าเพราะเพรสดีกว่าหน่อย ที่36.5% แต่ด้วยส่วนสูง ซานโช่ก็แทบจะไม่ชนะใครเลยเวลาแย่งลูกโหม่ง(ฮา) แต่ในด้านความขยันของเกมรับ ที่เป็นผลรวมของ ลูกบล็อค+เคลียร์บอล+เข้าปะทะ+ตัดบอล ถือว่าสองคนนี้เล่นเกมรับใกล้เคียงกันมากที่ 90 ต่อ 85 ถือว่าใกล้ๆกัน

ซานโช่เด่นที่จังหวะบล็อค (38-26) ส่วนกรีลิช เด่นที่จังหวะเข้าปะทะเพราะร่างกายใหญ่กว่าแข็งกว่า (27-16)

สถิติเปรียบเทียบจากwhoscored

Sancho : เรตติ้งเฉลี่ย 7.54 / จ่ายสำเร็จ 83.3% / ยิงต่อเกม 2 / key passes 2.6 / จ่ายเฉลี่ย 50.2 ครั้ง วางยาว 0.8

Grealish : เรตติ้งเฉลี่ย 7.56 / จ่ายสำเร็จ 82.4% / ยิงต่อเกม 1.9 / key passes 3.1 / จ่ายเฉลี่ย 38.3 ครั้ง วางยาว 1.2

สถิติจาก whoscored จะเห็นได้ว่า ตัวเลขจะแตกต่างจากสถิติแบบละเอียดกว่าในด้านบนจากFBref หน่อย แต่เมื่อดูๆแล้วก็ถือว่ามันก็ใกล้เคียงกัน อย่างจ่ายสำเร็จก็เกือบๆจะเท่ากัน เรตติ้งของซานโช่กรีลิชแทบจะเท่ากันเลย 7.5

จำนวนคีย์พาส กรีลิชเยอะกว่า ที่3.1 กับซานโช่ 2.6 ก็ตรงกับความเป็นจริงที่ "SCA" กรีลิชเยอะกว่า แต่การทำให้มันเป็นประตู GCAซานโช่สูงกว่า และสุดท้ายด้านการจ่ายบอล ปริมาณการจ่ายเฉลี่ยต่อเกม ซานโช่จ่ายบอลเยอะกว่าเหมือนกัน ที่ราว50ครั้ง ส่วนกรีลิชจ่ายบอลต่อเกมประมาณ 38ครั้ง แต่จะวางยาวมากกว่า ตามสถิติด้านบนที่กรีลิชวางยาวแม่นกว่าซานโช่

ยังมีสถิติเปรียบเทียบอื่นๆอีกเพียบ แต่คิดว่าคงไม่จำเป็นต้องหยิบมาแล้ว เราเปรียบเทียบกันระหว่าง แจ็ค กรีลิช กับ เจดอน ซานโช่ ไม่ได้เพื่อที่จะให้คนอ่านเห็นว่า "ใครเก่งกว่าใคร" เพราะสถิติตรงนี้มีปัจจัยอื่นๆเกี่ยวข้องกันอีกเช่น "สภาพแวดล้อมของทีม" และ "ระบบแทคติกการเล่น" ที่แตกต่างกัน และเอื้อให้นักเตะต่างกัน ระหว่างในทีมดอร์ทมุนด์ และ แอสตันวิลล่าอีก ซึ่งดูทางวิลล่าจะมีระบบที่ซัพพอร์ตกรีลิชน้อยกว่าด้วย ถ้าเรามองในแง่ของบอลเยอรมันเป็นบอลระบบ

เพราะฉะนั้น ย้ำอีกครั้ง นี่ไม่สามารถบอกได้แบบฟันธงว่า กรีลิช หรือ ซานโช่ ใครเก่งกว่ากัน แต่เราเปรียบเทียบเพื่อให้แฟนผีได้เห็นว่า การมีซานโช่เข้ามา มันก็พอๆกันกับการได้กรีลิชมาในแง่ของการทำเกมรุก ที่เกือบจะไม่ต่างกันเลยในสถิติที่ยกมาให้เห็นแบบ "ชัดเจนเป็นรูปธรรม"

โดยที่ไม่ต้องนั่งมโนแล้วก็ฟันธงกันเองว่า ใครเก่งกว่าใคร ตัวเลขและภาควิเคราะห์มันไม่หลอกอยู่แล้ว

เราอาจจะต้องทำใจกันไปเลยสำหรับ แจ็ค กรีลิช ที่ดูแล้วหนทางจะมาบรรจบกับแมนยูไนเต็ดดูจะยากเหลือเกิน ดีไม่ดีจบบอลยูโร2020 อังกฤษตกรอบ ไอ้หนุ่มคนรวยสตั๊ดก็เข้าไปครึ่งลำแล้วอย่างแมนซิตี้ อาจจะยกขันหมากไปสู่ขอวิลล่าด้วยเม็ดเงินที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็เป็นได้ จะ90ล้าน 100ล้านอะไรก็ปล่อยแมนซิตี้ไปเถอะ ตอนนี้ก็ภาวนากันไปก่อนว่าอย่าให้ซิตี้ได้ไป ไม่งั้นบรรลัยแน่นอน (แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะปีนี้และปีหน้าไม่มีเงินไปสู้แล้ว)

สิ่งที่แฟนผีควรทำก็คือ หวังว่าซานโช่ จะเข้ามาเติมเต็มให้ทีมได้อย่างเหมาะสม พอเหมาะพอควร โดยที่ไม่ต้องถึงขนาดเข้ามาแล้ว "แบก" ระดับบรูโน่หรอก แต่เข้ามาแล้วช่วยแบ่งเบาบรูโน่ ช่วยเกมรุกให้สมดุล และอันตรายกว่าเดิมให้แมนยูก็พอ แค่นี้ก็บุญห้วแล้ว

การมีนักเตะคนหนึ่งที่มีความสนิทสนมกับตัวในทีมอยู่แล้ว มันส่งผลในด้านemotional และความhappyของนักเตะและทีมด้วย เพราะซานโช่เป็นนักเตะอังกฤษวัย21ปีที่คุ้นเคยกับพี่ๆในทีมทั้งนั้น ไม่ว่าจะแมกไกวร์ที่โดนซานโช่แตะลอดดากกันในสนามซ้อมทีมชาติอังกฤษเป็นประจำ รวมถึงลุค ชอว์, ตวน, ดีน และที่สำคัญที่สุด กรีนวู้ด แนวรุกที่ต้องเล่นร่วมกันก็คนอังกฤษ และ "พี่ชายที่แสนดี" ที่ตัวโคตรติดกันอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด

การเข้ามาของซานโช่ จะกลายเป็นการบัฟให้แรชฟอร์ดมีความสุข เล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ "สนุกกับการลงเล่น" มากกว่าเดิมแน่นอน ด้วยความอิสระในแนวรุกที่มันจะเข้าแก๊ปของ Free-form Attack ที่เล่นบุกกันอย่างอิสระในแดนหน้าที่ทุกตัวสามารถสลับตำแหน่งกันได้หมด ทั้งกรีนวู้ด แรชฟอร์ด ซานโช่ , การวิ่งเติมขึ้นมายิงของบรูโน่แบบไร้ทิศทาง, เกมวงนอกจากป็อกบา รวมถึงพวก หมาก เจมส์ และคาวานี่ที่ค้ำหน้าด้วย

อาจจะไม่ถึงขนาดสลับตำแหน่งกันเหมือนโททัลฟุตบอล แต่รับรองว่าแดนหน้ามันวิ่งกันมันส์แน่นอน เพราะปรัชญาซึ่งเป็นหัวใจหลักในการบริหารทีมของโอเล่คือ "การให้อิสระนักเตะให้เล่นเป็นธรรมชาติของตัวเอง" เหมือนอย่างที่เขาทำตลอดมา

แล้วเมื่ออิสระเกิดขึ้น ไม่ต้องมีอะไรครอบหัวเยอะมากไปกว่าแทคติกบางอย่างเท่าที่จำเป็นๆเท่านั้น มันจะทำให้นักเตะมีความสุข และระเบิดฟอร์มออกมาได้ถึงพริกถึงขิงมากกว่าอย่างแน่นอน

ประเด็นตรงนี้ทุกท่านสามารถอ่านในบทความเมื่อปีที่แล้วจากลิงค์ด้านล่างนี้ ที่ศาลาผีเขียนเรื่อง Free-form Attack อ่านซ้ำเพื่อความเข้าใจได้เลย โดยที่เนื้อหามันยังเป็นแบบนั้นเป๊ะๆ เปลี่ยนแค่ตัดเอาชื่อ อิกาโล่ เปลี่ยนเป็น "คาวานี่" แทนในบทความที่ยืนหน้าเป้า และตัดเอากรีลิช ออกจากการคาดการณ์ (เพราะไม่น่าจะได้ตัวแล้ว) บทความนั้นคุณจะเห็นเลยว่า "Free-form Attack" ที่ผมเขียนเอาไว้ก่อนกาล ตอนนี้เป็นจริงขึ้นมาแล้วมันจะน่าดูขนาดไหน ตามลิงค์นี้เลย อ่านซ้ำได้ เนื้อหาไม่outแน่นอนเพราะกลับไปอ่านเองรอบนึงแล้ว

https://www.thsport.com/column-3542.html

เอาเป็นว่าเตรียมตัวยิ้มแก้มปริเถอะครับแฟนผี ปีที่แล้วว่าเราเชียร์กันสนุกแล้ว ปีนี้เราจะเชียร์ "มันส์"กว่าเดิมแน่นอน

รับประกันได้เลย

-ศาลาผี-

References

https://fbref.com/en/stathead/player_comparison.cgi?request=1&sum=0&comp_type=by_type&dom_lg=1&spec_comps=big_5&player_id1=dbf053da&p1yrfrom=2020-2021&player_id2=b0b4fd3e&p2yrfrom=2020-2021

https://www.transfermarkt.com/jadon-sancho/leistungsdaten/spieler/401173/plus/0?saison=2020

https://fbref.com/en/

https://www.transfermarkt.com/

https://news.in-24.com/sports/serie-a/107724.html

https://www.whoscored.com/PlayerComparison

https://strettynews.com/2021/06/30/manchester-united-saved-e35m-by-waiting-a-year-to-sign-jadon-sancho/

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด