:::     :::

ธนูกับคันศร / 1ปีที่แฟนบอลหลงรัก /คู่แข่งสุดหิน และ"เหา"เอดินสัน คาวานี่

วันพฤหัสบดีที่ 07 ตุลาคม 2564 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
3,286
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หนึ่งปีแรกของเอดินสัน คาวานี่ กับยูไนเต็ด และเรื่องราวต่างๆจากปากของเขาที่จะทำให้คุณหลงรักและรู้จักเขาดียิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นที่มาเชิงประวัติศาสตร์ของท่ายิงธนู คู่ต่อสู้ที่หินที่สุด ทัศนคติในการทำงานหนัก และ"เหา"ของเขา!!!!

"เรื่องราวในปีแรกของคาวานี่ กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด"

นาฬิกาที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด บอกเวลาว่า เป็นนาทีที่ 81 แล้วที่ล่วงเลยไป และบียาร์เรอัลยังคงยันแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเอาไว้ได้ ในเกมยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก

เนมันย่า มาติช กระชากผ่านคู่แข่งขึ้นมาทางซ้าย แต่คริสเตียโน่ โรนัลโด้คงสปีดตามขึ้นไปไม่ทันกับบอลที่จ่ายแรงเกินไปเพราะไม่เข้าใจกันกับมาติช บอลจึงเลยไปไกล และกองหลังทีมเยือนผู้รับผิดชอบพื้นที่นั้นอย่าง ฮวน ฟอยธ์ ก็พยายามจะปล่อยมันออกหลังไปเพื่อที่เผาเวลาให้มากที่สุด กับการที่ทีมของพวกเขาจะได้ผลการแข่งขันที่ดีกลับบ้านไปในเกมนี้

แต่ทันใดนั้นเสียงอื้ออึงจากแฟนบอลฝั่งสเตรทฟอร์ด เอนด์ ก็ดังขึ้นมา เมื่อมีนักเตะเสื้อสีแดงๆคนหนึ่งกำลังวิ่งจากกลางสนาม และมุ่งหน้าตรงมายังเส้นหลังประตู .. หรือเขาคิดว่าจะวิ่งไปทันลูกบอล?

ใช่เขาคิดแบบนั้น

ฮวน ฟอยธ์ ที่ได้บังบอลที่กำลังจะออกและอยู่บนเส้น ถูกเขาเข้ามาทันและแย่สกัดแย่งบอลมาได้ แล้วจ่ายเข้าในทันทีให้บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่ยูไนเต็ดพยายามเติมขึ้นหน้าเพื่อหาทางทำประตูชัยให้ได้

แฟนบอลเฮกันลั่นสนาม และเป็นโมเมนต์ที่สำคัญจริงๆ เพราะเกือบตลอดทั้งหนึ่งปีที่ผ่านมานับตั้งแต่เขาเซ็นสัญญามาอยู่กับสโมสร มันเป็นครั้งแรกที่ สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดแบบเต็มความจุ ได้รับรู้ถึงความทุ่มเทของหนึ่งในฮีโร่คนใหม่ของพวกเขา

"เอดินสัน คาวานี่"


"เอล มาธาดอร์" ชื่อนี้เป็นที่กล่าวขานกันมาตั้งแต่สมัยค้าแข้งอยู่ที่เมืองเนเปิลส์ กับสโมสรนาโปลี ที่ีที่แฟนบอลรู้กันดีว่าทำไมพวกเขาถึงได้ตกหลุมรักนักเตะคนนี้ แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ เขาต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ลงเล่นในสีเสื้อยูไนเต็ด ต่อหน้าอัฒจันทร์โล่งๆ ที่นั่งโล่งๆในสนามอันว่างเปล่า ทั้งภายในประเทศและระดับทวีป

สำหรับนักฟุตบอลที่ก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาที่ผ่านมาซึ่งเคยเต็มไปด้วยเสียงเชียร์และสีสันที่แฟนบอลมอบให้ การลงเล่นฟุตบอลในช่วงยุค COVID-19 มันเป็นอะไรที่ยากลำบากมาก

แต่เกมที่เราเปิดบ้านเจอกับเอฟเวอร์ตัน แม้ในสนามจะมีบรูโน่ กรีนวู้ด และโรนัลโด้กำลังลุกจากม้านั่งสำรอง แต่เสียงร้องเพลงเชียร์ของคาวานี่ "King of Uruguay" คือหนึ่งในเสียงเชียร์ที่กระหึ่มที่สุดในสนามในเกมนั้น เหมือนอย่างที่มันเป็นเรื่อยมาในซีซั่นนี้

คาวานี่เข้าถึงแฟนบอลได้ พวกเรารักทัศนคติในการทำงานของเขา ความขยันทุ่มเท ความมุ่งมั่นที่จะตามไล่ตามบอลที่เสีย เหมือนอย่างในเคสที่เขาวิ่งไล่ล่าฟอยธ์ให้เราเห็นเมื่อกลางสัปดาห์เมื่ออาทิตย์ที่แล้วที่ผ่านมา

มีแฟนบอลจำนวนมากตั้งคำถามและมีข้อสงสัยในการเซ็นฟรีคาวานี่ในฐานะฟรีเอเย่นต์เข้ามาในตอนแรก

วันนั้นคือวันที่ 5 ตุลาคม 2020 ในยามที่หัวของแฟนบอลกำลังร้อนอยู่จากการโดนท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ บุกมาระเบิดถังขี้คาบ้านถึง 1-6


ถึงจะมีความมั่นใจจากผลงานสมัยอยู่นาโปลีกับเปเอสเช ในผลงานการพังประตูของเขา แต่ก็มีเรื่องน่ากังวลที่ว่า เขายังไม่ใช่เป้าหมายที่น่าสนใจที่สุด จากการที่เปเอสเชมักจะตกม้าตายในแชมเปี้ยนส์ลีกอยู่บ่อยๆ

หลังจากที่ไม่ได้ลงสนามมานานหลายเดือนเนื่องจากทั้งปัญหาอาการบาดเจ็บด้วย กับปัญหาโรคระบาดที่มาพอดี ในที่สุดเขาก็ย้ายมาร่วมทีมกับปีศาจแดง และผู้ที่ต่อต้านหลายๆคนก็ไม่เห็นด้วยเนื่องจากกลัวจะไปแย่งที่และขัดขวางพัฒนาการและโอกาสของตัวรุกวัยรุ่นในทีมที่กำลังปั้นกันอยู่และเริ่มที่จะฉายแสง

"เขาจะเล่นในอังกฤษไหวเหรอ?

"นี่มันpanic buyใช่มั้ย?"

คำถามเกิดขึ้นมากมายกับเขา แต่ชายวัย34ปีคนนี้ก็ "ตอบ" ทุกคำถามออกมาหมดแล้ว แม้แต่เรื่องของความท้าทายที่เขาต้องเผชิญ, อาการบาดเจ็บที่มีเป็นระยะๆ การติดโทษแบน หรือการที่ต้องจากครอบครัวและบ้านเกิดที่อเมริกาใต้มานานแสนนาน

แค่การขยันวิ่งหรือทุ่มเทสุดชีวิตเพียงลำพังนั้น ยังไม่เพียงพอสำหรับการจะเป็นกองหน้าของยูไนเต็ด

คุณต้องยิงได้ด้วย

คาวานี่ทำสถิติในการลงสนามฤดูกาลแรกของเขา ด้วยการยิง 17 ประตู จาก 39 เกม และมักจะเป็นประตูสำคัญๆแทบทั้งสิ้น รวมถึงลูกที่พุ่งโหม่งที่สนามเซนต์แมรี่ในช่วงทดเวลาเจ็บ ทำสองประตูรวดแซงเซาธ์แธมพ์ตันในช่วงเฟอร์กี้ไทม์

นอกจากนี้ยังมีลูกที่โหม่งใส่สเปอร์ส ในเกมที่แมนยูคัมแบ็คในช่วงครึ่งหลัง ด้วยฟอร์มที่น่าประทับใจที่สุดของทีมเราเกมหนึ่งในซีซั่นที่แล้ว และล้างแค้นลูกทีมของโจเซ่ มูรินโญ่ได้สำเร็จ

เอดี้แสดงความเป็นผู้นำของทีมอีกคนในเกมยุโรปเช่นกัน ยิงคนเดียวสองลูกทั้งสองนัดในเกมเหย้าเยือนกับโรม่าในรอบรองชนะเลิศ ขณะที่ใช้สัญชาตญาณเพชรฆาต ตามตีเสมอบียาร์เรอัลให้กับทีมในรอบชิงชนะเลิศด้วย

เรียกว่าแบกในแบก ยิงคนเดียวห้าลูกในสามเกมตั้งแต่รอบรองจนถึงรอบชิงยูโรปาลีกจริงๆ

ดาวเตะชาวอุรุกวัยรายนี้ทำได้น่าประทับใจมากๆ แม้ว่าแฟนบอลจะถูกกันไม่ให้เข้าสนามมาถึง14เดือน แต่ก็ยังมีซิงเกิลใหม่ที่ปรากฏขึ้นมาเพื่อ "เบอร์7" ของเรา และมันถูกขับร้องอยู่บนโซเชียลมีเดียด้วยการแปลงเพลงฮิตของ ABBA อย่างเพลง Gimme Gimme Gimme ขึ้นมาใหม่


สองเพลงของคาวานี่ ล้วนแต่แปลงมาจากท่อนฮุค และเมโลดี้เพลงนี้

“Give it, give it, give it to Edi Cavani…
Pass him the ball and…
Watch him score all the goals!”


นี่คือเพลงแรกของปีที่แล้วที่เกิดขึ้นมาช่วงที่ยังแข่งสนามปิดอยู่ และเอดี้เปิดเผยออกมาให้ฟังว่า จริงๆแล้วจุดเริ่มต้นคนแรกที่ร้องคือเจ้าหน้าที่ดูแลชุดแข่งของนักเตะ ที่มักจะร้องทุกครั้งเวลาที่เดินผ่านกัน โดยแปลงมาจากเพลงของ ABBA นั่นเอง ก่อนที่ล่าสุด คาวานี่ก็มีซิงเกิลใหม่เพิ่มขึ้นมา ในวันที่ยูไนเต็ดชนะลีดส์ 5-1 ด้วยเพลงที่แปลงมาจาก "ทำนอง" ของเพลงเดิม Gimme! Gimme! Gimme! นี่แหละ แต่เอาทำนองมาใส่เนื้อใหม่เลยแบบสุดเจ๋ง และเนื้อเพลงร้องว่า

“I am in love, I can’t deny, our number 7 is the king of Uruguay. El Matador who could that be, his first name’s Edinson and second Cavani.”

เพลงนี้โคตรเจ๋ง!!!!


และเพลงมันก็ติดหูจนกลายเป็น earworm จริงๆ ด้วยฟอร์มที่จำเป็นสำหรับทีม จากฤดูหนาวสู่ฤดูใบไม้ผลิ แปดประตูภายใต้สี่สัปดาห์ทำให้แมนยูไนเต็ดประทับตราของตัวเองบนอันดับที่ดีในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จจากการการันตีพื้นที่ยุโรป และperformances ของเขาก็ได้รับการยอมรับและถูกโหวตจากแฟนๆเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนอย่างต่อเนื่อง

เอดี้เข้าขากันกับกรีนวู้ดได้อย่างดี และช่วยลดภาระการลงสนามให้กับดาวเตะวัยรุ่นรายนี้ได้ และพวกเขาก็จับคู่กันด้วยความสัมพันธ์ของการเป็นศิษย์กับอาจารย์ที่ผลิดอกออกผลขึ้นมา

"เมื่ออยู่ในสนาม ผมเป็นส่วนหนึ่งของผม ผมมาอยู่ที่นี่เพื่อที่จะทำงานหนักให้ทีม และผมจะทำให้ดีที่สุดเพื่อเพื่อนๆทุกคนซึ่งก็กำลังทำเพื่อทีมอยู่เช่นกัน"

คาวานี่กล่าวหลังจากเหตุการณ์ในอิตาลีที่เขาเข้าไปปกป้องเมสัน กรีนวู้ด จากการโดนกองหลังโรม่าเล่นงาน

กองหน้ารายนี้ยิงอีกสองประตูสำคัญในเกมเยือน ที่ทำให้ยูไนเต็ดผ่านเข้ารอบไปได้ แต่การเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ในจังหวะนั้น กลายเป็นที่ภาพจำของแฟนบอล และพวกเราก็ต้องการให้กองหน้าในทีม อย่างน้อยที่สุดมีความคมอยู่ในตัวบ้าง เหมือนกับที่มาร์ค ฮิวจ์ส, แอนดี้ โคล, รุด ฟาน นิสเตอรอย และคนอื่นๆที่เป็นเช่นนั้น

ความกังวลอย่างมหาศาลเกิดขึ้นทันทีในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และมันก็ไม่ใช่เรื่องในสนามด้วย แต่เป็นเรื่องของสถานการณ์ในสัญญาของคาวานี่ ว่าเราจะได้กลับมาเห็นเขาลงเล่นอีกหรือไม่

ข่าวลือมากมายว่าเขาต้องการจะกลับอเมริกาใต้ แต่วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทุกอย่างก็คลี่คลาย เมื่อได้รับข่าวดีว่า "เอล มาธาดอร์" ได้ใช้เงื่อนไขขยายสัญญาต่อออกไปอีกหนึ่งปีเป็นที่เรียบร้อย

และในที่สุดเขาก็ได้ฉลองในสัปดาห์ต่อมา จากเกมที่แฟนบอลกลับมาสู่โอลด์แทรฟฟอร์ดเป็นครั้งแรก และได้รับอนุญาตให้เข้าชมได้บางส่วน คาวานี่ได้ยิงหนึ่งในสุดยอดประตูต่อหน้าแฟนบอลฝั่งสเตรทฟอร์ดเอนด์ ด้วยลูกชิพจากระยะ 45 หลาอย่างเหนือชั้นใส่อดีตเพื่อนร่วมทีมที่เปเอสเช และเป็นผู้รักษาประตูของฟูแล่มอย่าง Alphonse Areola ที่พยายามยืดปัดสุดตัวแล้วแต่ไม่เป็นผล

(อเรโอล่า ปัจจุบันยังมีสัญญาอยู่กับเปเอสเชอยู่ แต่ก็ถูกปล่อยตัวออกมายืมทุกปีแบบไม่ซ้ำทีมมา6สโมสรใน6ปีติดแล้ว ปีนี้แกก็มาเป็นโกลของเวสต์แฮม และแมนยูไนเต็ดก็ได้เจอเขาไปแล้วเรียบร้อย)

การกลับมาบ้านของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำให้คาวานี่ไม่ได้ใส่เบอร์ 7 ของยูไนเต็ด และไม่ได้อยู่ในสถานะกองหน้าอันดับหนึ่งของทีมอีกต่อไป แต่การเสียสละเบอร์ดังเบอร์นี้ของเขาให้กับโรนัลโด้ ยิ่งทำให้เขาได้รับการชื่นชมมากยิ่งขึ้นไปอีก

เพลงประจำตัวของคาวานี่นั้น คืออีกเพลงที่เนื้อเพลงมันถูกร้องดังอยู่รอบๆโอลด์แทรฟฟอร์ดมาเป็นสัปดาห์ เนื้อเพลงถูกปรับแต่งแบบง่ายๆ หลังจากที่หายไปนานในช่วงเดือนแรกของซีซั่น เขาได้รับการร้องเพลงเชียร์ดังกล่าวให้ ขณะที่กำลังออกมาวอร์มอัพอยู่ในเกมล่าสุดที่เจอกับแอสตัน วิลล่า และกับบียาร์เรอัล

โอลด์แทรฟฟอร์ดเกือบจะงานกร่อยแล้ว ในเกมที่สุดโรนัลโด้ยิงประตูชัยช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย การลงสนามมาเพียงแค่เวลาไม่นานของคาวานี่ ได้แสดงให้เห็นว่าแล้วว่าปีศาจแดงยังมีความสามารถมากกว่านี้

ถ้าคิดว่านั่นคือการเฮสุดเสียงแล้ว ยังมีโมเม้นต์ของคาวานี่ให้เรารอชมกันอยู่อีกว่า เขาจะทำประตูแรกได้เมื่อไหร่ในซีซั่นนี้

นั่นแหละ ได้เฮกันลั่นแน่นอน

ถ้าพูดถึง "คู่ต่อสู้ที่ยากที่สุด" ในทรรศนะของเอดินสัน คาวานี่นั้น เจ้าตัวจิ้มไปที่กองหลังทีมชาติอิตาลีและยูเวนตุสอย่าง "Giorgio Chiellini" คือคู่แข่งที่หินที่สุดในการลงแข่งฟุตบอลของเขา

เซ็นเตอร์แบ็ควัย 37 ปี คือกัปตันทีมอัซซูรี่ที่พาทีมคว้าแชมป์ยูโร 2020 ในซัมเมอร์ที่ผ่านมา และได้รับการยกย่องอย่างมากกว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว

การยืนกับคู่หูอย่าง Leonardo Bonucci ทั้งในทีมชาติและในสโมสรนั้น การจับคู่กันของพวกเขาดำเนินมาเป็นทศวรรษแล้ว และกวาดแชมป์กันมาอย่างนับไม่ถ้วน ซึ่งเมื่อแขวนสตั๊ดไป คิเอลลินี่ก็น่าจะถูกใส่ชื่อเอาไว้เคียงข้างกับตำนานอย่าง ฟรังโก้ บาเรซี่ และ เปาโล มัลดินี่ ในฐานะกองหลังผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของทีมชาติอิตาลี

ดาวเตะหมายเลข21ของเราได้เผชิญหน้ากับคิเอลลินี่มากว่าสิบครั้งแล้วนับตั้งแต่สมัยอยู่กับปาแลร์โม่ นาโปลี และ ทีมชาติอุรุกวัย

ในเกมเหล่านั้นที่ต้องเจอกับคิเอลลินี่ เอดี้ยิงประตูได้ถึง 6 ลูกด้วยกัน ซึ่งรวมการทำแฮตทริกในปี 2011 ให้กับนาโปลีด้วย แต่ไม่มีอะไรสงสัยหรือค้างคาในใจคาวานี่ทั้งนั้นว่า ตัวพ่อของยูเว่รายนี้คือนักเตะที่เล่นด้วยยากลำบากที่สุดสำหรับเขาจริงๆ

เอดี้อธิบายเรื่องคิเอลลินี่เอาไว้ในช่วงที่เขาตอบคำถาม Q&A จากแฟนบอล ซึ่งหลายๆครั้งมันน่าสนใจมากที่จะได้ยินเรื่องเหล่านี้จากนักเตะตัวหลักของทีมเราว่า พวกเขามองใครเป็นคู่แข่งสุดหินในสายตาพวกเขา และชื่อที่ขึ้นมาก็มีหลากหลายจริงๆ อย่างเช่น มารคัส แรชฟอร์ด ก็พูดถึง ราฟาเอล วาราน ตอนที่โดนถามใน Q&A เช่นกัน ในขณะที่ ปอล ป็อกบา ก็เลือกชื่อของมิดฟิลด์ตัวห้องเครื่องอย่าง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ คาเซมิโร่

ส่วนอารอน วานบิสซาก้าเลือกดาวเตะปารีสอย่าง "เนย์มาร์" ขึ้นมา หลังจากที่เจอกันในแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่อเล็กซ์ เตลีส ก็เห็นด้วยว่าเป็นเนย์มาร์อีกเสียง

ส่วนเฟร็ด เลือกสุดยอดนักเตะอย่าง ลีโอเนล เมสซี่ จากการได้เจอกับบาร์เซโลน่าเมื่อเดือนเมษายน ย้อนไปเมื่อปี2019

ต่อจากนี้คือส่วนหนึ่งที่เป็น transcript ของช่วง Q&A ที่คาวานี่ได้ให้ไว้กับคอนเทนต์ของสโมสร โดยSam Carney ดังนี้

Angie จาก Malta: ท่าดีใจของคุณมันมาจากอะไร?

"สวัสดีแองจี้ หวังว่าคุณจะสบายดีนะครับ เรื่องนี้ผมมีเปลี่ยนท่าดีใจมาบ้างหลายครั้ง แต่อันสุดท้ายล่าสุดนี้มันมาจากตอนที่ผมเริ่มจะโตขึ้นมา และเริ่มเรียนรู้เรื่องราวในอดีตที่ย้อนกลับไปนานมากๆเกี่ยวกับประชากรของพวกเรา ชาวอุรุกวัยพื้นถิ่น เพราะผมรู้สึกว่าเมื่อมองย้อนครอบครัวลงไป มันผ่านเวลามาหลายชั่วอายุคน และผมก็สืบรากเหง้ามาจากเรื่องราวต่างๆในอดีตเหล่านั้น ผมเลยมีไอเดียที่จะแสดงท่าดีใจด้วยการควักลูกศรออกมาแล้วยิง"

ดังนั้นมันจึงมีเรื่องของประวัติศาสตร์อยู่เบื้องหลังนิดหน่อย ซึ่งมันก็อธิบายเหตุผลที่ผมตั้งชื่อลูกสาวว่า India อีกด้วย ทุกอย่างเกี่ยวข้องกันหมด ผมอธิบายทุกเรื่องเพื่อคุณเลยนะ"

: ขอบคุณมากแองจี้ เออ เราก็อยากรู้เหมือนกัน(ผู้แปล)

Caleb จาก South Africa : ใครเป็นคู่ต่อสู้ที่ยากที่สุดที่คุณเคยเจอหรือเผชิญหน้ามาครับ?

"คุณคงนึกภาพออกว่าผมเคยเจอคู่แข่งมามากมาย นักต่อนักแล้ว รวมถึงพวกคนที่เก่งๆด้วย แต่ผมมักจะพูดมาตลอดจนถึงบัดนี้ว่า กองหลังที่เล่นด้วยยากที่สุดที่ผมเคยเจอก็คือ จอร์โจ้ คิเอลลินี่"

"เราเผชิญหน้ากันมาหลายเกม และต้องเจอกันโดยตรงตัวต่อตัวทั้งสนาม เพราะงั้นผมจึงตอบได้ว่า จอร์โจ้ คิเอลลินี่ คือกองหลังที่สู้ด้วยยากที่สุดในบรรดากองหลังที่ผมเคยเจอมา"

Devin จาก USA : ก่อนแข่งคุณจะต้องมีพิธีกรรมทำอะไรก่อนบ้างไหมตามธรรมเนียม แล้วถ้ามีมันคืออะไร

"ผมไม่ได้เป็นคนชอบทำพิธีกรรมอะไรนะครับ สำหรับผมพิธีกรรมที่สำคัญที่สุดที่ผมทำก็คือ การทำให้ตัวเองพร้อมที่สุดในแต่ละเกมที่กำลังจะมาถึง พิธีกรรมที่ดีที่สุดของผมคือการฝึกซ้อมอย่างหนักในทุกๆวัน เพราะงั้นเมื่อแมตช์เดย์มาถึง ผมจะรู้สึกสงบ และเยือกเย็นมากๆจากข้างนอกว่า ผมพร้อมที่จะเจอเกมนี้แล้ว และนี่คือความท้าทายใหม่ที่อยู่เบื้องหน้า แต่ผมไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรก่อนเกม บางทีผมก็ฟังเพลง บางทีก็คุยกับเพื่อนร่วมทีม และแน่นอน ผมจดจ่อและมีสมาธิอยู่กับเกมด้วย"

"แต่ก็อย่างที่บอกครับผมไม่ได้เป็นคนมีพิธีอะไรมากมาย สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมคือการเตรียมตัวอย่างดีและพร้อมลงแข่ง นั่นแหละพิธีที่สำคัญที่สุด นึกภาพออกไหมครับ ฝึกซ้อมให้หนักเอาไว้ทุกๆวัน คุณจะได้พร้อมรับกับความท้าทายที่กำลังจะเกิดขึ้น"

Jake จาก UK : โมเมนต์ไหนที่คุณชอบที่สุดในสีเสื้อแมนยูไนเต็ด

"ผมคิดว่าแค่ได้สวมเสื้อตัวนี้ของสโมสรก็มีความหมายมากมายแล้ว มันเติมเต็มความภูมิใจของคุณในทุกๆวัน และภูมิใจทุกครั้งที่ได้ลงเล่น คุณรู้สึกมีความสุขที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสโมสรนี้ ผมบอกไม่ได้ว่าเหตุการณ์ไหนมันสำคัญที่สุดนะ เพราะว่าผมมีหลายๆโอกาสเลยที่ได้มีความสุขกับโมเมนต์ต่างๆกับสโมสร ไม่ว่าจะเป็นตอนทำประตูได้ ตอนที่ทีมชนะ"

"และอย่างที่คุณทราบ ผมได้ลงเล่นในเกมสุดท้ายของซีซั่นที่แล้ว และมันไม่ได้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับเรา แต่มันก็ยังเป็นโมเมนต์ที่คุณได้รับประสบการณ์อยู่ดี แต่ว่า หลักๆแล้วความภูมิใจและความสุขของผมคือการได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรแห่งนี้ครับ"

Mothusi จาก Botswana : มีบทเรียนสำคัญอะไรที่คุณอยากมอบให้แก่คนที่อยากจะเล่นเป็นกองหน้าบ้าง?

"สิ่งสำคัญสำหรับดาวยิงรุ่นใหม่ทุกๆคน หรือชายหนุ่มที่ต้องการจะเล่นแดนหน้า ซึ่งมันไม่ได้เฉพาะแค่นักเตะตัวรุกด้วยนะ แต่มันสำหรับนักกีฬาทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟุตบอล นั่นก็คือการมีสัญชาตญาณ เพราะการมีสิ่งนี้จะทำให้หลายๆครั้งคุณอ่านเกมได้ขาด มันช่วยคุณคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และนี่โคตรสำคัญมากเวลาคุณลงเล่น เพราะว่าคุณจำเป็นอย่างมากที่จะต้องพร้อมต่อทุกๆอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้า"

"นี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆของฟุตบอล และกีฬาประเภททีมทั้งหลาย การอ่านเกมที่ดีจะช่วยนักเตะในตำแหน่งกองหน้าได้มาก เพราะว่าคุณจะต้องโฟกัสอยู่ตลอดเวลาและต้องมีสมาธิอย่างมากเพื่อที่จะจินตนาการภาพว่าอะไรจะเกิดขึ้น ดังนั้นคุณจะคาดเดาการเคลื่อนที่ถัดไปได้ และบางทีมันมีโอกาสแค่ไม่กี่วินาที หรือเสี้ยววินาทีต่อหน้าคู่แข่ง สิ่งนี้จะช่วยคุณได้ และทำให้คุณสามารถหาตำแหน่งที่จะเข้าทำประตูได้"

"นอกจากนั้นคุณก็ต้องฝึกซ้อมให้หนักด้วย! คุณต้องซ้อม ซ้อม แล้วก็ซ้อมให้มากขึ้น ทำงานอย่างหนักและบากบั่นพากเพียรไปเรื่อยๆ นั่นก็โคตรสำคัญไม่แพ้กัน"

Azrie จาก Malaysia : ถ้าคุณได้ลงเล่นเคียงข้างกับตำนานแมนยูได้หนึ่งซีซั่น คุณอยากเล่นกับใคร เพราะอะไร?

"ผมคิดว่าคันโตน่าคือนักเตะที่ผมอยากจะลงเล่นด้วยกันที่นี่! เพราะว่าคาแรคเตอร์ของเขา และวิถีการใช้ชีวิตของเขากับฟุตบอล และอย่างที่ผมพูดครับ บุคลิกในสนามของเขาคือเหตุผลเลย"

และทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของคำถามจาก Q&A ที่แฟนบอลส่งมาถามคาวานี่กัน ซึ่งแต่ละคำถามก็ได้รับคำตอบดีๆทั้งนั้น คนอ่านที่ชื่นชอบคาวานี่ อ่านแล้วก็น่าจะยิ้มแก้มปริไปตามๆกัน และเรื่องราวสุดท้ายนี้เกี่ยวกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ จิปาถะเกี่ยวกับ"ลุค" ของคาวานี่ที่พวกเราเห็นกัน

เวลาที่นึกภาพของเอดิสัน คาวานี่ คุณเห็นภาพอะไร?

บางทีอาจจะเป็นท่าดีใจของดาวเตะอุรุกวัยรายนี้เวลาที่ยิงได้ ก็จะทำท่าเครื่องหมายการค้า ท่านักธนู (มันคือ Archer หรือคนไทยบางคนจะเรียกท่านนายพรานก็แล้วแต่ ไม่ว่ากัน)

หรือบางทีคุณอาจจะนึกภาพที่เขากระหายวิ่งไล่ตามบอลอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งทำให้เขาเป็นที่รักของแฟนๆมาตลอด 12 เดือนที่อยู่กับสโมสร

แต่ไม่ได้ล้อเล่นนะ จริงๆมันคือภาพของชายผมดำขลับและยาวสลวยเหมือนใช้แฟซ่าของเขาใช่ไหมล่ะ?

ดาวยิงอเมริกาใต้ทั้งหลายมักจะมีลุคที่เป็นผมหยักศกเช่นนี้ ลองคิดถึงเคลาดิโอ คานิกเกีย, บาติโกลล์ (กาเบรียล บาติสตูต้า) และรวมถึงอดีตเพื่อนร่วมทีมของเอดี้ และอดีตปีศาจแดงอย่าง ดิเอโก้ ฟอร์ลัน คาวานี่ดูไม่เหมือนพวกเขาด้วยข้างหลังที่สั้นกว่า และด้านข้าง

ดูเหมือนว่าเจ้าตัวเองก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ตอนที่เขาถูกถามคำถามนี้จาก Louis จาก UK ในส่วนหนึ่งที่เป็นคำถามใหม่ๆใน Q&A จากแฟนๆ ที่จะอยู่ใน United Review ฉบับนิวคาสเซิลช่วงสัปดาห์นั้น

"อันนี้ฮามาก นี่เป็นคำถามที่ผมได้ยินคนถามบ่อยสุดๆจากทั้งเพื่อนแล้วก็ครอบครัวว่า คุณเคยคิดจะไว้ผมทรงสั้นๆไหมเอดี้? หรือไม่ก็คำถามว่า เอดี้ เคยคิดจะตัดผมให้มันสั้นลงไหม เพราะงั้นtopicนี้มาโคตรบ่อยเวลาคุยกับเพื่อนหรือที่บ้าน และผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมไม่แน่ใจ"

ถึงแม้ว่าจะมีภาพของเขาตอนตัดทรงไถข้างอยู่บ้าง เอดี้บอกกับเราว่าเขาไว้สไตล์นี้มายี่สิบปีแล้วนับตั้งแต่ออกจากบ้านเกิดที่ Salto มายังสโมสรแรกที่ Danubio

"ผมตัดสั้นจนถึงอายุ 15 ตอนที่ผมตัดสินใจย้ายไปอยู่ในเมืองหลวงอย่าง Montevideo ของประเทศอุรุกวัยเพื่อที่จะไปเล่นฟุตบอล ตอนนั้นคือช่วงที่เริ่มปล่อยให้ผมยาวแล้ว จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ลองมาคิดเล่นๆนี่ก็เกือบ20ปีแล้วนะจนถึงตอนนี้ที่ผมไว้ผมยาวมา"

เอดี้มองว่า เพราะความดื้อในช่วงวัยรุ่นที่มันเกี่ยวโยงกับแม่ของเขา ในเรื่องที่แม่บังคับให้เขาไว้ผมสั้นตั้งแต่ยังเด็ก แต่ตอนนี้เขานึกภาพตัวเองแบบนั้นไม่ออกแล้ว ดังนั้นคงไม่มีทางที่จู่ๆเราจะได้กองหน้าเบอร์21รายนี้แปลงร่างออกมาในสไตล์แบบเบ็คแฮม ที่เปลี่ยนทรงผมแบบชั่วข้ามคืนอย่างแน่นอน

ให้มันเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว

เอดี้ นายไม่รู้ตัวใช่ไหมว่านายมี "พิธีกรรม" ก่อนลงแข่งอย่างนึง นั่นก็คือการเอาน้ำราดผมให้เรียบๆก่อนลงสนามทุกครั้งไงล่ะ!!

"เหมือนอย่างที่ผมพูดเอาไว้ ผมไม่รู้ว่าจะตัดหรือไว้สั้นยังไง และผมก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำเลย เพราะว่าผมโคตรชอบผมยาวของตัวเองมากๆ และผมนึกภาพตัวเองตอนผมสั้นไม่ออก"

"ผมเคยคิดอยากทำอะไรต่างๆมากมายตอนที่ยังเป็นเด็กๆ และแม่ผมก็มักจะมาจับหัวผมไปกล้อนซะทุกที ไถหัวผมสั้นเวลาไปโรงเรียน แล้วระวังไม่ให้ผมเป็นเหา"

"ผมคิดว่าแม่คงไม่อยากต้องมานั่งสางเหาให้ผมบ่อยๆ ดังนั้นเธอจึงโกนหัวผมแล้วก็ให้ไว้ทรงแบบนั้น.. ผมเลยเดาว่านั่นอาจจะเป็นเหตุผลละมั้ง เพราะผมไม่ชอบมัน ดังนั้นนี่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของเหตุที่ว่าทำไมผมถึงไม่อยากตัดผม และบางทีอาจจะไม่ตัดไปตลอดชีวิตเลยก็ได้ ตั้งแต่ตอนนี้ไปจนแก่นั่นแหละ!"

และนี่คือที่มาของความเก็บกดในวัยเด็กที่ทำให้เขาชอบไว้ผมยาว อันมาจากการขี้เกียจนั่งสางเหาให้ลูกของคุณแม่คาวานี่ จนทำให้เขากลายเป็นกองหน้าผมยาวที่เท่ที่สุดของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

ไม่ว่าฤดูกาลนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม หนึ่งปีที่ผ่านมาก็พิสูจน์หมดทุกอย่างจนไร้ข้อกังขาแล้ว กับการแบกแดนหน้าของยูไนเต็ดอย่างยอดเยี่ยม และพาทีมทำผลงานได้อย่างดีในฤดูกาล 2020/21

คาวานี่กลายเป็นที่รักและเข้ามาอยู่ในทุกอณูของหัวใจของแฟนบอลปีศาจแดงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หลังจากนี้ไม่ว่าเขาจะได้ลงเล่นมากน้อยเพียงใด เราก็จะตามเชียร์เขาในทุกๆนัด

หลังจากปีนี้ ไม่ว่าเขาจะไปอยู่ที่ไหนเราก็จะตามไปเชียร์จนสุดทาง

และหลังจากนี้ เราจะใช้เวลากับเขาให้คุ้มค่าที่สุด จนถึงวินาทีสุดท้ายที่เขาได้ใส่เสื้อของปีศาจแดงลงสนาม กับสโมสรที่เขารักและภาคภูมิใจในการได้ลงเล่นให้กับที่นี่ ที่ที่แฟนบอลก็รักเขามากเช่นกัน

เขาสมควรได้รับเสียงเชียร์อย่างกึกก้องที่โอลด์แทรฟฟอร์ดมากกว่านี้ และเราหวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้น

นักเตะผู้คู่ควรกับการขึ้นเป็น "หนึ่งในตำนานเบอร์7" ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

Edinson Cavani

-ศาลาผี-

References

https://www.manutd.com/en/news/detail/the-story-of-edinson-cavani-first-year-at-man-utd?

https://www.manutd.com/en/news/detail/edinson-cavani-picks-out-his-toughest-opponent-from-career-so-far?

https://www.manutd.com/en/news/detail/edinson-cavani-addresses-whether-he-would-ever-cut-his-hair-in-fans-q-and-a?

https://www.manutd.com/en/news/detail/edinson-cavani-loves-his-new-chant-sung-by-man-utd-supporters

https://www.manutd.com/en/news/detail/Transcript-of-Part-1-of-Edinson-Cavani-Fans-Q-and-A

https://www.yardbarker.com/soccer/articles/watch_united_fans_come_up_with_new_edinson_cavani_chant/s1_15962_35631383

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด