สิ่งเหล่านี้ถูกปลูกฝังและเป็นค่านิยมเพื่อความเป็นนักสู้ของเยาวรุ่น ที่อยากจะก้าวมาติดทีมชาติ เพราะการที่นักเตะระดับโรงเรียนมัธยม หรือมหาวิทยาลัย ได้ก้าวไปรับใช้แผ่นดินเกิด ถือเป็นโอกาสที่จะสำแดงฝีเท้าเพื่ออนาคตในการก้าวขึ้นมาเป็น "นักฟุตบอลอาชีพ"
แนวทางนี้เป็นที่ถกเถียงกันมานานของวงการลูกหนังไทย ว่าถึงเวลาหรือยังที่ทีมชาติไทยต้องส่งแข้งวัยรุ่น ไปแบกอายุในทัวร์นาเม้นท์ที่ไม่ใช่ระดับเมเจอร์เพื่อสร้างกระดูกและเพิ่มตัวเลือกในพูลทีมชาติ เรียกว่าเป็นโปรเจ็คที่อาจจะทำให้ "ช้างศึก" ก้าวข้ามคำว่า "เจ้าอาเซียน" ไปสู่เวทีเอเชียได้เสียที
ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ สหพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน (เอเอฟเอฟ) ได้จัดรายการฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2022 รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ถือเป็นการแข่งขันครั้งที่ 3 หลังเคยจัดมาแล้ว 2 ครั้ง เมื่อปี 2005 และ 2019 ฟาดแข้งกันที่ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 14-26 ก.พ.65
แม้สาระสำคัญของ เอเอฟเอฟ ต้องการจัดรายการนี้ขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ เพื่อให้ทีมในภูมิภาคอาเซียน เตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย ทว่าห้วงเวลาเดือนแห่งความรักนั้นไม่ตรงกับ "ฟีฟ่า เดย์" และ ไทยลีก 1-3 ก็กำลังตะบันแข้งกันอยู่
แน่นอนเกือบทุกทีมไม่มีทางปล่อยผู้เล่นอยู่แล้ว อีกทั้งตัวระดับท็อปของรุ่นต่างค้าแข้งอยู่ในสโมสรใหญ่ๆ ในช่วงแรกนับเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวของหลายฝ่ายไม่น้อย ก่อนที่บทสรุปในการหารือจากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จะออกมาเป็นการตัดสินใจส่งทีมชาติไทยยู-19 ภายใต้การคุมทีมของ ซัลบาดอร์ บาเลโร การ์เซีย เข้าร่วมการแข่งขันรายการดังกล่าว เพราะมองว่าเป็นโอกาสดีในการยกระดับเยาวชน ที่ไม่มีโปรแกรมการแข่งขันในระดับนานาชาติช่วงสองปีที่ผ่านมา เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนั้น ยังมองว่ารายการนี้เป็นการเตรียมความพร้อมที่ดีสำหรับทัวร์นาเมนต์สำคัญอย่าง การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี รวมถึงการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ที่จะส่งผลไปถึงรอบสุดท้าย และลุ้นผ่านเข้าไปเตะฟุตบอลเยาวชนโลก ยู-20 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ให้ได้
ได้เวลาที่เหล่าเยาวรุ่น "วัยกลัดมัน" จะได้โชว์เพลงแข้ง เพราะทีม ยู 19 ไม่มีโปรแกรมการฟาดแข้งมานานนับปี หากจะเชิญทีมจากต่างแดนเข้ามา ก็ติดปัญหาในเรื่องของการกักตัว ไหนจะมีสายพันธุ์โอมิครอนที่กำลังระบาดอย่างหนัก
ทางออกของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย จึงมองว่า การให้ทีม ยู 19 ไปรายการนี้ เป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุดแล้ว แม้ยังขาดแข้งตัวท็อปของรุ่นหลายรายที่ติดภารกิจกับต้นสังกัดอยู่ก็ตาม
จากการได้มีโอกาสคุยกับ ซัลบาดอร์ บาเลโร การ์เซีย พบว่า เขาเองก็มีขุมกำลังเป็นทางเลือกอยู่แล้วไม่น้อย จากการได้ทำงานกับนักเตะในรุ่นอายุนี้มาตั้งแต่สมัยคุมทีมยู-15 รวมถึงอีกหลายๆ คนที่เพิ่งมาค้นพบจากการติดตามชมเกมในระดับลีกล่างๆ ที่เต็มไปด้วยแข้งเยาวชน
ทำให้เราจะได้เห็นดาวรุ่งอย่าง โอลัคซอน เอ แทมบา แข้งลูกครึ่งไทย-ไลบีเรีย วัย 18 ปี ที่มีคุณพ่อ สตีเว่น เอแทมบา เป็นชาวไลบีเรียดีกรีอดีตนักเตะทีมชาติ ซึ่ง เชียงราย ซิตี้ ยืนยันว่าพร้อมจะให้เขาไปรับใช้ทีมชาติไทย เพราะเป็นทัวร์นาเม้นท์ที่เขาจะได้ลุยต่างแดนครั้งแรก
ด้วยรูปร่างที่บึกบึนตามเชื้อสายแอฟริกัน และเคยมีโอกาสได้ร่วมงานกับ ซัลบาดอร์ บาเลโร การ์เซีย มาแล้ว ในช่วงที่ ทีมชาติไทย ยู19 เรียกนักเตะเข้ามาเก็บตัวอุ่นเครื่องกับ พัทยา ดอลฟินส์ และ ชลบุรี เอฟซี เมื่อช่วงเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันกุนซือหนุ่มชาวสแปนิช ก็จะได้ 3 แข้งจากทีม ยู 23 ชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก ที่มองโกเลีย เข้ามาร่วมทีม ทั้ง ชนภัช บัวพันธุ์ เซนเตอร์ฮาล์ฟราชประชา, อนุศักดิ์ ใจเพชร และ สิทธา บุญหล้า จาก การท่าเรือ
นี่เป็นการเปิดประสบการณ์ครั้งแรกของทีมอายุไม่เกิน 19 ปี ของทีมชาติไทย เพื่อไปสร้างกระดูกให้แข็งแกร่งกว่าเดิม ซึ่ง เวียดนาม คู่แข่งในสายของเรา ก็ใช้วิธีเดียวกัน เพราะ วีลีก ก็อยู่ในช่วงของการเตรียมทีมเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ ซึ่งต้องขอชื่นชมสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่กล้าเดิมพันภายใต้ความเสี่ยงครั้งนี้
หากผลงานของน้องๆ ไปได้สวย น่าจะสร้างความมั่นใจให้ได้ไม่มากก็น้อยสำหรับการกลับไปลงแข่งในรุ่นอายุของตัวเอง นี่ถือเป็นประสบการณ์ล้ำค่าที่จะช่วยยกระดับกระดูกของพวกเขาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกับเวทีระดับนานาชาติในอนาคตต่อไป
