:::     :::

เส้นทางลูกหนังของหลุยส์ ดิอาซ

วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
4,112
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เปิดตัวได้อย่างงดงาม

สำหรับหลุยส์ ดิอาซ ดาวเตะคนใหม่ของลิเวอร์พูล ที่สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ และสามารถปรับตัวได้ดีขึ้น หลังย้ายจากเอฟซี ปอร์โต้ มาร่วมทีมลิเวอร์พูล เขาสามารถเบิกสกอร์แรกกับทีมได้แล้ว ในเกมที่เปิดบ้านเอาชนะนอริช 3-1 ศึกพรีเมียร์ลีก เมื่อวันเสาร์ที่ 19 .. ที่ผ่านมา 


เส้นทางของดิอาซ ภายในถิ่นแอนฟิลด์ ยังเหลืออีกยาวไหกล แฟนบอลหลายคนเชื่อเหลือเกินว่า ภายใต้การกุมบังเหียนของเจอร์เก้น คล็อปป์ น่าจะช่วยให้ดิอาซ พัฒนาฝีเท้าขึ้นไปอีกหนึ่งระดับได้ไม่ยาก รวมถึงปัจจัยสภาพแวดล้อมของลิเวอร์พูล ที่อุดมด้วยนักเตะระดับโลก น่าจะช่วยเค้นฟอร์มการเล่นได้อีกด้วย 


ช่วงนี้ เรามาดูเส้นทางลูกหนังของชายที่ชื่อดิอาซ กันหน่อยดีกว่าว่า กว่าที่จะก้าวมาเล่นกับทีมยักษ์ใหญ่อย่างหงส์แดงเขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคอะไรมาบ้าง โดยต้องบอกว่า เขาก็เหมือนเด็กชายชาวอเมริกาใต้ทั่วไป ที่ลิ้มรสความยากลำบาก แต่สำหรับเขาแล้ว มันยากขึ้นมากเป็นทวีคูณ

สำหรับประวัติของดิดาซ เจ้าตัวเกิด และเติบโตที่บาร์รานคัส ดินแดนที่ถูกขนานนามว่ายากจน และขาดแคลนมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศโคลอมเบีย แน่นอนว่า เขาแทบจะไม่ได้มีโอกาสเห็นโลกกว้าง มีเพียงฟุตบอลที่คอยปลดปล่อยจินตนาการเท่านั้น


เรื่องราวที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อน นั่นคือดิอาซ สืบเชื้อสายมาจากชนเผ่าพื้นเมือง ที่เรียกขานกันว่าวายูนี่เป็นจุดที่ทำให้เขาต้องฝ่าฟันความยากลำบากตั้งแต่จำความได้


นอกจากบ้านเกิดของเขาจะเป็นชนบทที่ห่างไกลแล้ว  จากการบันทึกตัวเลขพบว่า ระหว่างปี 2008-2016 เด็กชาววายู เสียชีวิตประมาณ 4,770 คน จากการที่ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลโคลอมเบีย ไม่เห็นถึงความสำคัญ


ปัญหาที่สะสมในถิ่นฐานบ้านเกิด ทำให้ดิอาซ เติบโตมาด้วยสภาพร่างกายที่ผอมบาง และมีน้ำหนักที่น้อย กระทั่งปี 2015 ฟุตบอลจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา


ในวัย 17 ปี เขาออกเดินทางไปทดสอบฝีเท้ากับทีมชาติโคลอมเบีย ชุดลุยศึกโคปา อเมริกา ซึ่งเป็นการแข่งขันแบบพิเศษ ที่นำเอาชนเผ่าพื้นเมืองของประเทศในทวีปอเมริกาใต้ มาฟาดแข้งกัน 


แม้ไม่ได้เป็นทัวร์นาเมนต์ในระดับสูง แต่การเป็นตัวแทนของทีมชาติ และเป็นกระบอกเสียงให้กับชนเผ่าวายู เพียงพอที่ทำให้เขาทุ่มเทแบบสุดพลัง จนสามารถคว้าโอกาสนั้นมาครอง ซึ่งคนที่มองเห็นพรสวรรค์ของเขาในเวลานั้น นั่นคือคาร์ลอส วัลเดอร์ราม่า ตำนานแข้งทีมชาติโคลอมเบีย 

ขณะที่ จอห์น โปซิลโล่ ดิอาซ โค้ชของทีมชาติโคลอมเบีย ชุดลุยศึกชิงแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ ของกลุ่มชนเผ่า ในครั้งนั้น ออกมาย้อนความทรงจำว่า ดิอาซ สร้างความสงสัยให้กับทีมโค้ชหลายอย่าง โดยไม่มีใครคิดว่าเขาจะเล่นฟุตบอลได้ดี แถมร่างกายยังดูไม่แข็งแรง และเหมือนคนขาดสารอาหาร


จอห์น กล่าวว่าดิอาซ เป็นเด็กที่มีร่างกายผอมบางเป็นอย่างมาก ทำให้เสียเปรียบการดวลตัวต่อตัวกับคู่แข่งบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม เขามีฝีเท้าที่โดดเด่นมาก จนสามารถติดทีม 26 คนสุดท้าย จากผู้คัดเลือกกว่า 400 คน เขาเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนอีกด้วย


ศึกชิงแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ ของกลุ่มชนเผ่าในเวลานั้น ถูกจัดขึ้นที่ประเทศชิลี การเดินทางด้วยเครื่องบินราว 5 ชั่วโมง ถือเป็นประสบการณ์ที่แสนล้ำค่า และเป็นการเปิดหูเปิดตาของเขา ที่ไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อน ผลสุดท้าย ทีมชาติโคลอมเบีย ทะลุไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ก่อนจะไปพ่ายต่อทีมชาติปารากวัย 0-1 ส่วนผลงานของเขาคือการยิง 2 ประตูตลอดทัวร์นาเมนต์


ผลงานที่ยอดเยี่ยม ทำให้บาร์รันกีย่า สโมสรระดับดิวิชั่น 2 ตัดสินใจดึงตัวดิอาซ ไปร่วมทีม ก่อนที่จะใส่โปรแกรมพิเศษ ในแง่การควบคุมอาหาร และเพิ่มน้ำหนักให้มากกว่าเดิมราว 10 กิโลกรัม ทั้งหมดนั้น เพื่อให้เขาสามารถต่อสู้กับกองหลังที่แข็งแกร่งกว่าได้ 


เฟอร์เนล ดิอาซ โค้ชที่บาร์รันกีย่า เล่าถึงเขาว่าดิอาซ สามารถยิงไกลจากนอกกรอบได้ เขาเล่น 2 เท้าอย่างสบายด้วย เขาเลี้ยงบอล, เปิดช่องว่างแนวรับ และจบสกอร์ได้ พูดง่ายๆคือ เขาทำทุกอย่างได้หมดคำพูดนั้นของเฟอร์เนล ไม่ใช่เรื่องที่เกินเลยไปนัก


เพราะสุดท้าย ทีมดังของประเทศอย่างแอตเลติโก้ จูเนียร์ ก็คว้าลายเซ็นเขาไปครอง ก่อนจะก้าวมาติดทีมชาติโคลอมเบีย ชุดใหญ่ ในเวลาต่อมา อีกหนึ่งเรื่องราวที่เหมือนกับความฝัน นั่นคือดิอาซ คว้ารางวัลดาวซัลโวร่วม โคปา อเมริกา 2021 ร่วมกับลิโอเนล เมสซี่ ทั้งที่ 6 ปีก่อนหน้านั้น เขายังไล่ตามความฝันกับทัวร์นาเมนต์ระดับคนพื้นเมืองอยู่เลย 


กระทั่งปี 2019 เอฟซี ปอร์โต้ ทีมที่ขึ้นชื่อเรื่องการซื้อตัวผู้เล่นอเมริกาใต้ ก็ซื้อตัวเขามาร่วมทีม ก่อนจะก้าวมาเป็นตัวหลัก พร้อมกับยิงไป 41 ประตู บวกกับ 19 แอสซิสต์ จนตกเป็นที่ต้องการตัวของหลายทีมดังในลีกยุโรป ผลสุดท้าย กลายเป็นลิเวอร์พูล ที่ได้ตัวเขาไปครอบครอง 


โดยที่เปเป้ ปราการหลัง และเพื่อนร่วมทีมที่เอฟซี ปอร์โต้ ออกมากล่าวว่า ดิอาซ ถือเป็นนักเตะที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ และแพสชั่นในการเล่นฟุตบอล ไม่เพียงเท่านั้น  นี่ยังเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน และเป็นที่รักของทุกคนภายในทีมอีกด้วย นอกจากนี้ ยังเป็นคนที่ค้าแข้งด้วยความเป็นมืออาชีพ และทำงานหนักอยู่เสมอ โดยแสดงความมั่นใจว่า ดิอาซ จะประสบความสำเร็จกับลิเวอร์พูล อย่างแน่นอน 

ดิอาซ ทิ้งท้ายถึงการย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูล ว่านี่คือสโมสรที่ผมติดตามมาสักพักแล้ว ผมดูพวกเขาลงสนามมาตลอด พรีเมียร์ลีก เป็นหนึ่งลีกที่ดีที่สุดในโลก ผมติดตามฟุตบอลอังกฤษ มาตั้งแต่เป็นเด็กเช่นเดียวกัน สำหรับลิเวอร์พูล นี่คือสโมสรที่ยอดเยี่ยม พร้อมกับมีประวัติศาสตร์อย่างยาวนาน ลิเวอร์พูล ผ่านการคว้าแชมป์มาอย่างมากมาย ทั้งฟุตบอลลีก และฟุตบอลถ้วย สโมสรแห่งนี้จึงเป็นตัวเลือกของผมเสมอ


ผมสามารถนำอะไรอีกมากมายมาสู่ทีม ทั้งในแง่ของความรวดเร็ว และทักษะ รวมถึงเทคนิคในการเล่นกับลูกบอล แน่นอนว่า ผมยังมีความสามารถในการเลี้ยงผ่านคู่แข่งด้วย นอกจากนี้ ผมสามารถทำประตูได้ ผมอยากส่งข้อความถึงบรรดาแฟนบอลว่า ผมจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่มี แบบ 100 เปอร์เซนต์ เพื่อเป็นการช่วยทีมให้มากเท่าที่สามารถทำได้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผมจะทำให้คุณมีความสุขอย่างแท้จริง

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด