:::     :::

ยารี่ ลิตมาเน่น ระดับโลกผู้ไม่เคยได้สัมผัสเกมรอบชิงกับ ลิเวอร์พูล​

วันอังคารที่ 01 มีนาคม 2565 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
2,506
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เห็นภาพของ ติอาโก้ อัลคันทาร่า ที่น้ำตาคลอเพราะพลาดลงสนามในเกมรอบชิงคาราวคัพเมื่อวันอาทิตย์​ที่ผ่านมาแล้วก็อดเศร้าแทนดาวเตะชาวสแปนิชไม่ได้ และเชื่อไหมครับว่านั่นทำให้ผมนึกถึงนักเตะเวิลด์คลาสอีกคนของหงส์แดงที่แม้จะมีชื่อในการคว้าแชมป์กับทีมมากถึง 5 รายการ แต่กลับไปเคยได้ลงสนามในรอบชิงเลยสักครั้งเดียว

ยารี่ ลิตมาเน่น คือนักเตะคนนั้น


ยารี่ โอวาลี่ ลิตมาเน่น เป็นนักเตะชาวฟินแลนด์ที่เล่นตำแหน่งกองหน้าตัวต่ำซึ่งเก่งมาก ๆ ในยุคมิลเลนเนียม โดย ลิตมาเน่น เองเริ่มโด่งดังสุดขีดเมื่อตอนเล่นใน เอเรดิวิชี่ ลีก กับ อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม ปี 1992 


ลิตมาเน่น กลายเป็นเพลย์เมกเกอร์เบอร์ 10 ของทีมหลังจาก เดนนิส เบิร์กแคมป์ ย้ายออกไปเล่นในอิตาลีกับ อินเตอร์ มิลาน เขาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้กับทีมทั้งเชื่อมเกม ยิงฟรีคิก และยิงประตู โดย 7 ฤดูกาล​กับ อาแจ็กซ์ เขาถล่มตาข่ายให้ อาแจ๊กซ์ ได้มากถึง 129 ประตู 33 แอสซิสต์จาก 228 นัด เคยได้ดาวซัลโวลีกดัตช์ 1 ครั้งจากผลงาน 26 ประตูใน 30 นัด, ได้นักเตะยอดเยี่ยมของลีก, ได้บัลลงดอร์อันดับ 8 ปี 1994 และได้อันดับ 3 ตอนปี 1995 พร้อมกันนั้นยังเคยพีคยัดขนาดได้ดาวซัลโวรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 1995-96 อีกด้วย


ลิตมาเน่น เป็นแข้งซีเนียร์ของทีมที่คอยดูแลแข้งเยาวชนฝีเท้าดีอย่าง พาทริค ไคลเวิร์ต, เอ็ดการ์ ดาวิดส์, เอ็นวานโก้ คานู, คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ, มิเชล ไรซีเกอร์ รวมไปถึงดาวดังอย่าง พี่น้อง เดอ บัวร์ 




หลังจากค้าแข้งกับ อาแจ๊กซ์ อยู่ถึง 7 ฤดูกาล ลิตมาเน่น ตัดสินใจย้ายมาตาม หลุยส์ ฟาน กัล มาอยู่กับ บาร์เซโลน่า ตอนฤดูกาล 1999-2000 แต่ก็ไม่ค่อยประสบความสําเร็จมากนักเพราะมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่บ่อยครั้ง 


มาราคมปี 2001 ยารี่ ลิตมาเน่น เลือกย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล แบบไม่มีค่าตัว ซึ่ง เชราล์ อุลลิเย่ร์ ถึงกับออกปากชมเปาะในทันทีว่านี่คือการเซ็นสัญญา​กับผู้เล่นระดับโลกที่มีชื่อเสียงมาก และนี่ยังเป็นการเสริมทัพที่น่าตื่นเต้นมาก ๆ อีกด้วย


เดอะ ค็อปหลายคนในตอนนั้นต่างเนื้อเต้นกับดีลนี้กันทุกหัวระแหง เพราะชื่อเสียงของ ลิตมาเน่น ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพคงประมาณ เมซุต โอซิล ช่วงพีคอะไรประมาณ​นั้นเลย การเป็นคีย์แมนสำคัญที่พา อาแจ๊กซ์ คว้าแชมป์ยุโรปได้คือมาสเตอร์​พีซที่ส่งให้ชื่อของ ลิตมาเน่น ติดระดับท็อปของยุโรปในช่วงเวลาดังกล่าว


แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมไปกว่านั้นก็คือ ลิตมาเน่น เองก็เป็นแฟนบอลของ ลิเวอร์พูล ชนิดเข้าเส้นคนนึงอีกด้วย


"ลิเวอร์พูล เคยอยากได้ตัวผมก่อนหน้านี้มาแล้วถึง 2 ครั้ง ในตอนนี้ผมก็ได้ย้ายมาอยู่กับสโมสรในฝันเสียที สมัยเด็ก ๆ ผมเติบโตมากับการดู เควิน คีแกน เล่น มีนักเตะมากมายที่ผมชื่นชอบในทีมไม่ว่าจะเป็น เคนนี่ ดัลกลิช, เรย์ คลีเมนซ์, ฟิล ธอมป์สัน ทุกคนคือภาพจำที่ทำให้ผมเชียร์ทีมนี้ในตอนเด็ก ๆ" ดาวเตะชาวฟินน์ให้สัมภาษณ์กับสื่ออังกฤษหลังแขวนสตั๊ดไปแล้ว


ใจจริง ยารี่ ลิตมาเน่น อยากได้เสื้อเบอร์ 7 ซึ่งเป็นเบอร์ของตำนานที่เขาชื่นชอบทั้ง คีแกน และ ดัลกลิช ทว่าในตอนนั้นเบอร์ดังกล่าว วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์ สวมใส่อยู่ ขณะที่เบอร์ 17 กับ 27 ก็ไม่ว่าง เขาเลยเลือกเบอร์ 37 มาเป็นเบอร์เสื้อแทน


ลิตมาเน่น โชว์คลาสของระดับโลกออกมาให้แฟนบอลได้เห็นอยู่เสมอ ๆ ยามลงสนาม แต่สิ่งที่ขัดขวางเขาไม่ให้เด่นกว่าที่เป็นอยู่ก็คืออาการบาดเจ็บ ครึ่งฤดูกาล​ของปี 2000-01 เขาเบียดลงสนามได้เพียงแค่ 11 นัดซัดไป 2 ประตู โดยเป็นการยิงตีเสมอ ซันเดอร์แลนด์ กับยิง 1 จ่าย 1 ในเกมถล่ม แมนฯ ซิตี้ ถ้วยเอฟเอ คัพรอบ 4 ไปถึง 4-2


ฤดูกาล​ดังกล่าว ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมในบอลถ้วย อุลลิเย่ร์ พาทีมกวาด 3 แชมป์ที่ลงแข่งไล่ตั้งแต่ลีกคัพ, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า คัพ เรื่องน่าเสียดายเพียงอย่างเดียวของ ลินมาเน่น คืิอถึงแม้ว่าเขาจะมีส่วนร่วมในทุกถ้วยก็จริง แต่อาการบาดเจ็บกลับเป็นสิ่งที่รบกวนเขาจนทำให้ไม่เคยได้ลงเล่นในรอบชิงกับ ลิเวอร์พูล เลยสักนัด


"ผมย้ายมาอยู่ในช่วงที่ดี ทีมกำลังเติบโตและมีการสร้างทีมด้วยขุมกำลังหนุ่ม ๆ ทำให้ผมนึกถึงตอนอยู่ อาแจ๊กซ์ นิด ๆ" 


"5 เดือนหลังผมย้ายมา ทีมคว้าแชมป์บอลถ้วยได้ครบ มันคือความสุขที่ได้แชมป์กับทีมที่เราเชียร์ แม้จะเสียดายที่ไม่ได้ลงรอบชิงเลยก็ตาม" 


ลิตมาเน่น เสริมว่าปีที่สองนั้น เป็นปีที่เขาได้อยู่กับทีมเต็มฤดูกาล ทีมได้เล่นใน แชมเปียนส์ลีก และเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งตัวเขาเองยิงในถ้วยนี้ได้ถึง 3 ลูก 1 แอสซิสต์ จาก 7 นัด โดยยิง ดินาโม เคียฟ กับ โรม่า ในรอบแบ่งกลุ่ม และทำประตู เลเวอร์คู​เซ่น ได้ในรอบก่อนรองขนะเลิศ ซึ่ง ลิเวอร์พูล แพ้ไปด้วยสกอร์รวม 3-4 




"ผมอยู่กับทีม 1 ปีครึ่งซึ่งขอพูดเลยมันเป็นช่วงเวลาที่ดีจริงๆ ที่ชีวิตนี้ได้เล่นให้กับสโมสรที่ผมรัก" ลิตมาเน่น กล่าว


"เรื่องเดียวที่แย่ก็คือผมคาดหวังว่าจะลงเล่นมากกว่านั้นนิดหน่อย แต่มันไม่เกิดขึ้นเพราะอาการบาดเจ็บ แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวจริง ๆ" 


ยารี่ ลิตมาเน่น เล่นให้สโมสรในฝันไปทั้งสิ้น 43 นัดยิงได้ 9 ประตูกับ 6 แอสซิสต์ โดยลูกที่เขายิงใส่ สเปอร์ส พาทีมชนะ 1-0 ในแอนฟิลด์ คือลูกที่สวยงามและแสดงคลาสของนักเตะชั้นยอดในตัวออกมาอย่างที่สุดจริง ๆ


"ผมโตมาในฐานะ เดอะ ค็อป แต่ผมผิดหวังมากที่ไม่สามารถทำผลงานได้ดีอย่างที่สโมสรคาดหวัง อีกทั้งอาการบาดเจ็บเอ็นร้อยหวายที่เรื้อรัง ผมเลยคิดว่าผมย้ายกลับไป อาแจ๊กซ์ เพื่อช่วยสอนเด็ก ๆ เยาวชนคงจะดีกว่า เพราะในตอนนั้นผมก็อายุเข้าเลข 3 แล้ว" 


ลิตมาเน่น ย้ายกลับไปเล่นใน อาแจ๊กซ์ อยู่ 2 ปี แล้วกลับบ้านเก่าอย่าง ลาห์ติ จากนั้นก็ไปเล่นในบุนเดสลีกา, ไปลีกสวีเดน ก่อนจะแขวนสตั๊ดแบบเงียบ ๆ กับ เฮลซิงกิ ในปี 2011


พอล ซิมพ์สัน คอลัมนิสต์ของนิตยสาร โฟร์โฟร์ทู พูดถึง ลิตมาเน่น เอาไว้ว่า "เกียรติยศต่าง ๆ ในอาชีพของ ลิตมาเน่น มันน้อยเกินไปหากเทียบกับพรสวรรค์ที่เขามี สิ่งเดียวที่ฉุดรั้งเขา ไม่ใช่คู่แข่งในสนาม แต่คือเอ็นร้อยหวายและอาการบาดเจ็บที่รบกวนเขาในปี 1999"


ยารี่ ลิตมาเน่น คือตำนานและคือนักเตะที่เก่งที่สุดของฟินแลนด์ ช่วงเวลาของเขากับหงส์แดงอาจไม่ยาวนานนัก แต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่เดอะค็อปหลายคนไม่เคยลืมเช่นกัน เพราะนี่คือนักเตะระดับโลกที่ในยุคนั้นหาได้น้อยคนจริง ๆ ที่จะมาเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล


จาก ลิตมาเน่น ถึง ติอาโก้ 

ทั้งคู่คือนักเตะที่มีคลาสอยู่ในระดับโลก แต่อาการบาดเจ็บคือสิ่งที่ฉุดรั้งความต่อเนื่องในการลงสนามให้ทีมมาโดยตลอด ได้แต่หวังว่าสุดท้ายแล้ว ติอาโก้ จะก้าวผ่านมันไปได้ และมีโอกาสลงสัมผัสเกมรอบชิงให้ทีมในช่วงที่เหลือ


เพราะตอนนี้ยังมีอีก 3 ถ้วยให้ได้ลุ้นเลยทีเดียว





ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด