แต่ที่เดือดสุดคงหนีไม่พ้นสถานการณ์หนีตกชั้น หากมองโอกาสรอดตอนนี้ต้องยอมรับว่า เชียงใหม่ ยูไนเต็ด อันดับสุดท้ายมีโอกาสรอดน้อยที่สุด เพราะตามหลังโซนปลอดภัย 13 แต้ม ตามมาด้วยรองบ๊วยอย่าง สมุทรปราการ ซิตี้ ยังมีความเสี่ยงสูงเช่นกัน

ส่วน สุพรรณบุรี เอฟซี กับ พีที ประจวบ เอฟซี ขับเคี่ยวกันอย่างสนุก ขณะที่ ราชบุรี มิตรผล, นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี และ โปลิศ เทโร เอฟซี ก็มีเอี่ยวเล่นเกมนี้กับเขาด้วย 

โดยเฉพาะสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาอันดับในโซนท้ายตารางมีการเปลี่ยนแปลง เมื่อ พีที ประจวบ สามารถดีดตัวพ้นเร้ดโซน ขึ้นมาอยู่พื้นที่ปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว 

เมื่อพวกเขาเปิดบ้านสนามสามอ่าว สเตเดียม เบียดเอาชนะ “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซี ไปหวุดหวิด 1-0 เก็บเพิ่มเป็น 27 แต้ม ทำสถิติไม่แพ้ใคร 6 เกมติดต่อกัน 

แถมเป็นการชนะ 4 จาก 5 นัดหลังสุด ขึ้นไปอยู่อันดับ 13 ของตาราง ฟอร์มเทพแบบนี้โอกาสที่ “โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร กุนซือของทีมจะได้รางวัลโค้ชยอดเยี่ยมประจำเดือนกุมภาพันธ์มีสูง

ส่วน สุพรรณบุรี เอฟซี หลังเปิดบ้านแพ้ หนองบัว พิชญ ไป 1-3 ทำให้พวกเขาตกไปอยู่อันดับ 14 ของตารางแทน 

โดย “ต่อพิฆาต” กำลังเล่นได้อย่างมั่นใจ และทุกอย่างกำลังลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเกมรับที่เคยเป็นจุดอ่อน มักเสียประตูง่ายๆ เป็นประจำ 

ตอนนี้ทุกอย่างสวนทางกลายเป็นทีมเสียประตูยากขึ้น 5 นัดหลัง เมื่อเสียไป 2 ประตู และไม่เสียประตูถึง 3 เกม 

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักเตะตัวรับอยู่ในสภาพสดและฟิตเต็มถัง ไม่ว่าจะเป็น ขวัญชัย สุขล้อม มือกาวที่ฟอร์มตกในช่วงต้นฤดูกาล จนโดนดร็อปไปหลายนัด กลับคืนสู่ร่างทอง เซฟกระจุยทุกนัด 

การมาของสองพี่น้องทิตาวีร์ และ ทิตาธร อักษรศรี ยกระดับทีมอย่างเห็นได้ชัด ขนาดที่สโมสรเตรียมทุ่มเงินซื้อมาร่วมทีมแบบถาวรหากรอดตกชั้น

รวมไปถึง นุกูลกิจ ครุฑใหญ่ และ ประวีณวัช บุญยงค์ นั่นทำให้ตัวเก่าอย่าง  อัดนัน โอราโฮวัช และ สหรัฐ ปองสุวรรณ ฟอร์มเด่นขึ้นมาด้วย 

ขณะที่ตัวอื่นๆ อยู่ในสถาพที่สมบูณณ์พร้อมเป็นตัวเลือกยามฉุกเฉินทั้ง พีฬาวัช อรรคธรรม, ชินวัฒน์ วงศ์ไชย หรือ วันเฉลิม ยิ่งยง

เมื่อเกมรับลงตัว ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น เพราะเกมรุกไม่ใช่จุดอ่อนของพวกเขาอยู่แล้ว เนื่องจากศึกรีโว่ไทยลีก ฤดูกาลนี้ มีเพียง 8 จาก 24 นัด เท่านั้นที่พวกเขาทำประตูไม่ได้ นอกนั้นพวกเขายิงประตูได้หมด

ที่สำคัญเกมในบ้านกลับมาดุอีกครั้ง เมื่อคว้าชัย 3 นัดรวด หลังจากก่อนหน้านี้ไม่ขนะใครมายาวนาน

แต่ทุกอย่างจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากทุกคนในทีมไร้ความ “เชื่อมั่น” และ “ไว้ใจ” ต่อกัน 

ต้องชื่นชมว่า “ต่อพิฆาต” ทีมสปริตดีมาก ทุกคนมีความเชื่อมั่นว่าสโมสรจะไม่ร่วงตกชั้น สามารถรวมใจสู้ทุกนัด

อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ "นายกเกียร์" ทรงเกียรติ ลิ้มอรุณรักษ์ ประธานสโมสร พีที ประจวบ เอฟซี ที่ไว้ใจตัว “โค้ชหระ” สนับสนุนการทำงานเต็มที่ แม้ช่วงแรกจะยังทำผลงานแย่

ตอนนี้ฟ้าที่มืดครึ้มปกคลุมสามอ่าว สเตเดียม มานานหลายเดือนกลับมาเจิดจ้าอีกครั้ง 

ทว่าทุกอย่างยังไม่จบ และยังมีงานยากรออยู่ หากพวกเขาประมาทโอกาสน้ำตาร่วงก็มีสูง 

ดังนั้นสิ่งที่นักเตะต้องท่องไว้ง่ายๆ คือ “สู้เท่านั้น” แล้วจะรอด 

ส่วนทีมอื่นๆ หากไม่รีบเร่งเครื่อง อาจเป็นผู้โชคดีร่วงตกชั้นก็เป็นไปได้เช่นกัน