:::     :::

ย้ายฟรี เทรนด์ใหม่ตลาดนักเตะ

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อะไรๆที่เหมือนว่าจะลงตัวแล้ว กลายเป็นว่าชักจะไม่แน่นอนขึ้นมาเสียอีก ไม่กี่วันก่อนสื่อใหญ่อย่าง มาร์ก้า ยังแสดงความมั่นใจเต็มประดาออกข่าวว่า คิลิยัน เอ็มบั๊บเป้ ได้เซย์เยสกับ เรอัล มาดริด แล้ว แต่มาวันนี้สถานการณ์กลับกลายเปลี่ยนแปลง

    หรือว่า โฆเซ่ เฟลิกซ์ ดิอ๊าซ นักข่าวรุ่นเก๋าที่เคยออกมาประกาศการย้ายไป เรอัล มาดริด ของ เอ็มบั๊บเป้ เมื่อหน้าร้อนที่ผ่านมา จะเสียคนซ้ำสอง เพราะหนนี้ก็เป็นเขาอีกเช่นกันที่เป็นคนเล่นข่าว และเขียนว่า เอ็มบั๊บเป้ ตกลงกับ 'โลส บลังโกส' เรียบร้อย 


สงสัยม้าจะหมดคอกแฮะ !! เพราะแฟนมาดริดจำนวนมหาศาลขู่ว่าพวกเขารู้ที่อยู่ของม้าทุกตัวที่ ดิอ๊าซ เลี้ยงไว้ (ม้าคือสัตว์เลี้ยงโปรดของ ดิอ๊าซ) 

จะว่าไป ดิอ๊าซ ก็ไม่ได้เป็นคนโกหกพกลมอะไร เขารายงานในสิ่งที่เขารู้ แต่ที่แย่คือเขารู้ไม่หมด จึงทำให้เกิดสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนนี้ขึ้น 

ดีลนี้ ไม่ว่าใครออกมาทำนาย หรือฟันธง เป็นได้เสียคน บ้างก็พูดผิดพูดถูกกันหมด ซึ่งถือว่านี่คือครั้งแรกๆของโลกเลยก็ว่าได้ที่นักข่าวระดับท็อปของยุโรปชกลมวืดวาดกันเป็นทิวแถว 


ดีลเอ็มบั๊บเป้ นั้น แตกต่างจากดีลนักเตะอื่นๆตรงที่เจ้าตัวไม่ยอมให้ใครล่วงรู้การตัดสินใจของเขาเลย ยกเว้นแค่คนใกล้ชิดที่เขาไว้ใจจริงๆ เหนือไปกว่านั้น เขายังเล่น 2 บทบาทไปพร้อมๆกัน 

คุยกับ มาดริด ที คุยกับ เปแอสเช ที โอนเอนไปมา จนใครก็จับทางไม่ถูก 

ไม่ใช่ว่า เอ็มบั๊บเป้ เป็นคนที่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวอะไร หากแต่หลังบ้านของเขาถือว่าไม่ธรรมดา ทั้งคุณพ่อวิลเฟรด ทั้งคุณแม่เฟย์ซา ลามารี ล้วนแล้วแต่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเขา ทั้งยังมีทนายความ เดลฟีน เวอร์เฮย์เดน อีกคนที่คอยให้คำแนะนำ 




ผมไม่ได้กำลังจะบอกว่านี่เป็นการกระทำที่แย่ ไม่เลย ผลประโยชน์ใคร ใครก็ต้องรักษา 

อาชีพของ เอ็มบั๊บเป้ นั้นไม่ได้ยาวนานเหมือนนักกอล์ฟ ดังนั้นชั่วระยะเวลาเพียง 1-2 ปี จึงมีความหมายและมีค่าอย่างมาก 

เหตุนี้ทุกๆการตัดสินใจจึงสำคัญ และการชั่งน้ำหนักว่าควรอยู่ที่ ปารีส ต่อ หรือออกไปสู่โลกใหม่กับ เรอัล มาดริด จึงเป็นสิ่งที่ต้องตรึกตรองอย่างละเอียดรอบคอบ ยิ่งคิดนานเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสผิดพลาดน้อยเท่านั้น 


ระหว่างฤดูกาลลีกเอิง เปแอสเช เพียรพยายามยื่นข้อเสนอให้ เอ็มบั๊บเป้ พิจราณา แต่ถูกปฏิเสธหมด นับได้อย่างน้อย 3 ครั้ง ซึ่งลือว่า เดลฟีน เวอร์เฮย์เดน ทนายสาวของคุณแม่เขาเป็นคนแนะนำให้ปฏิเสธไป 


ส่วน เรอัล มาดริด ในการเจราจานั้น ทางคุณแม่เฟย์ซา ลามารี เรียกร้องค่าเซ็น 200 ล้านยูโร โดยบอกว่าในเมื่อตอนนั้นคุณกล้าจ่ายให้ เปแอสเช 200 ล้าน มาตอนนี้คุณไม่ต้องจ่ายให้สโมสรแล้ว ก็มาจ่ายให้เรา 

จาก 200 ล้าน มีการเจราจาต่อรองลงมาเหลือ 130 บวกค่าเหนื่อยปีละ 25 ล้านยูโร (หลังหักภาษีแล้ว) ก็ถือว่ายังเป็นเงินที่มหาศาลอยู่ดี 

ทุกอย่างเหมือนจะจบ แต่ไม่จบ เพราะมาถึงตอนนี้ เปแอสเช ได้เพิ่มค่าเซ็นสัญญาฉบับใหม่ให้เป็น 200 ล้านยูโร ไม่นับรวมค่าเหนื่อยอีกมหาศาล (บ้างว่าสัปดาห์ละ 1 ล้านยูโร ไม่ขอยืนยัน) และอ๊อปชั่นต่างๆมากมาย จึงนับได้ว่า เอ็มบั๊บเป้ ตัดสินใจถูกที่เลือกปฏิเสธไปก่อนหน้านี้ 


บางคนเบื่อแล้วกับความลังเลของ เอ็มบั๊บเป้ บอกจะเอายังไง (มึง) ก็เอาเถอะ แต่คิดไปแล้วมันก็สิทธิของ เอ็มบั๊บเป้ ที่จะเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง

อย่างไรก็ตาม การที่เขายื้อมาจนถึงตอนนี้ ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่าวงการซื้อขายนักเตะยุคนี้กำลังเข้าสู่เทรนด์ใหม่ ! ยิ่งรวมเคสของ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เข้าไปด้วยแล้ว อาจทำให้ตลาดนักเตะเปลี่ยนโฉมไปตลอดกาล 


ที่ ฮาลันด์ ยอมเซ็นสัญญากับ ดอร์ทมุนด์ นั้นก็เพราะ ทีมเสือเหลืองยอมให้ใส่ค่าฉีกสัญญาในฤดูกาลที่ 2 ซึ่งมันหมายความว่า ฮาลันด์ ยังคงเป็นผู้กุมชะตาตัวเอง ไม่ใช่ ดอร์ทมุนด์ เพราะหากเขาจะย้ายในปีที่ 2 ทีมเสือเหลืองก็ไม่อาจทำอย่างไรได้ 

เช่นเดียวกับ เอ็มบั๊บเป้ ที่ยื้อจนหมดสัญญา มาตอนนี้เขาจึงได้เปรียบมหาศาล อยู่เหนือ เรอัล มาดริด กับ เปแอสเช 

ใครอยากได้ ก็ต้องจ่ายหนัก และดูเหมือนมันกำลังเป็นเช่นนั้น เพราะ เอ็มบั๊บเป้ หันไปฟังข้อเสนอของ ยักใหญ่ปารีเซียงอีกรอบ 




นี่คืออำนาจในการต่อรอง ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของนักเตะในยุคปัจจุบัน 

อีกคนนึงที่เด่นชัดก็คือ อุสมาน เดมเบเล่ ที่ยื้อดื้อดึงไม่ยอมต่อสัญญา ทั้งยังไม่ยอมย้ายออกในช่วงเดือนมกราคม จนมาถึงตอนนี้ เขากับเอเยนต์ถือไพ่เหนือกว่า บาร์เซโลน่า ไปแล้ว 

ถ้า บาร์ซ่า อยากได้เขา ก็ต้องจ่ายตามที่เขาเรียกร้อง แต่ถ้าไม่ เขาก็จะหันไปรับข้อเสนอจากทีมอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่า รับเละ ไม่ใช่แค่ค่าเหนื่อย แต่ยังหมายรวมถึงค่าเซ็นอีกด้วย เพราะไม่ต้องจ่ายค่าตัว 

ข้อมูลจาก ฟีฟ่า ปี 2020 ระบุว่าตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมามีนักเตะย้ายทีมตอนหมดสัญญามากถึง 60% พวกเขาส่วนมากยอมอยู่กับทีมจนหมดสัญญาเพื่อย้ายไปรับเงินแบบเต็มๆกับทีมใหม่ 


หนึ่งในนั้นก็คือกรณีของ ดอนนารุมม่า ที่เล่นเอาแฟนมิลานหัวเสียอย่างมาก แล้วมาปีนี้ที่เกิดขึ้นแล้วก็คือ ฟร็องก์ เกสซิเยร์ , อันเดรส คริสเตนเซ่น,อันโตนิโอ รือดิเกอร์ และคงตามมาอีกเป็นพรวน 

กรณีนี้ทำให้เริ่มมีหลายเสียงสะท้อนไปถึง ฟีฟ่า ว่าควรจะต้องออกกฏอะไรสักอย่างเพื่อจัดการกับสถานการณ์นี้ ไม่เช่นนั้น โลกลูกหนังได้วุ่นแน่ เพราะถ้าสโมสรอยู่ไม่ได้ มีหรือนักฟุตบอลจะอยู่ได้ 




กรณีของ เอ็มบั๊บเป้ ไม่ว่าท้ายที่สุดแล้วเขาจะเลือกใคร รับรองว่าฝ่ายนั้นจ่ายหนักแบบจุกๆอย่างแน่นอน 

จริงอยู่ เมื่อสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงกันแล้ว หมายความว่าสัญญาที่เกิดขึ้นนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานความพอใจด้วยกันทั้งคู่ 

แต่ถามหน่อยว่า เรอัล มาดริด กับ เปแอสเช อยากจ่ายน้อยกว่านี้หรือเปล่า ? แล้วเม็ดเงินที่พวกเขาจ่ายกำลังทำให้ตลาดนักเตะเกิดภาวะเงินเฟ้อหรือไม่ ? 


นี่เป็นสถานการณ์ที่น่าห่วงอยู่ไม่น้อย หากเกิดกรณีเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ท้ายที่สุดแล้ว สโมสรจะทำอย่างไรเมื่อนักเตะไม่ใช่สินทรัพย์ของพวกเขาอีกต่อไป เพราะจ้องแต่จะย้ายตอนหมดสัญญา 

ที่เขียนมานี้ไม่ใช่ว่าจะ take side สโมสรหรอกนะครับ แค่มองว่าหากเกิดขึ้นบ่อย จนการซื้อขายแบบเดิมหดหาย ทั้งตลาดจะขาดความสมดุล แล้วผลเสียก็จะเกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลเอง 

สโมสรฟุตบอลทุกวันนี้ มีสักกี่ทีมที่ทำกำไร ยิ่งยังไม่ฟื้นตัวจากพิษโควิดดี มาเจออะไรแบบนี้บ่อยๆก็อาจจะล้มพับไปอีก 

ว่าไปแล้ว น่ากลัวเหมือนกันนะครับ


เจมส์ ลา ลีกา 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด