:::     :::

"ช้างศึกU23" ถึงวันเขย่ายักษ์เอเชีย

วันอังคารที่ 07 มิถุนายน 2565 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
923
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ของทัพ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ผ่านไปแล้ว 2 นัด สถานการณ์ต้องบอกว่าพลิกไปมาจริงๆ

เกมแรกเปิดหัวด้วยการไล่ตีเสมอ “เวียดนาม” ในนาทีสุดท้าย หลังจากโดนนำตั้งแต่ไก่โห่เพียง 18 วินาทีแรกของเกม แต่ยังดีที่พลิกสถานการณ์กลับมาเก็บแต้มล้ำค่าได้สำเร็จ  

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเดินทางทรหดถึง 21 ชั่วโมง แถมมีเวลาพักฟื้นร่างกายเพียง 2 วันก็ลงสนามแข่งขันจริงแล้ว จนผู้เล่นบางคนสับสนกับตำแหน่งการเล่น 

ยังดีที่ “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ เฮดโค้ช ปรับแผนการเล่นทัน จนกลับมาสู่เกมได้สุดท้ายทีมรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ไปหวุดหวิด


ขณะที่เกมล่าสุดที่เปิดบ้านขย่ม “เสือเหลือง” มาเลเซีย สบายเท้า 3-0 ทำให้ความมั่นใจและโมเมนตัมต่างๆ กลับมาสู่ทีมอีกครั้ง

ตอนนี้ ไทย รั้งจ่าฝูงของกลุ่มมี 4 แต้ม เท่ากับ เกาหลีใต้ เต็งจ๋าแชมป์กลุ่ม ซึ่งโดนทีเด็ดของทัพ “ดาวทอง” ไล่ตามตีเสมอแบบระทึก 

หากเกมนัดสุดท้ายในการเจอทัพลูกหนัง “พลังโสมขาว” เราไม่เพลี่ยงพล้ำ เก็บอย่างน้อย 1 แต้มได้ ก็จะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้าไปสู่รอบน็อคเอ้าท์เป็นสมัยที่สองติดต่อกันสำเร็จ

ซึ่งเมื่อมองรายละเอียดต่างๆ ต้องบอกว่าเรามีโอกาสไม่น้อย เพราะ 2 เกมที่ผ่านมาของทีม “พลังโสมขาว” มีจุดบอดเล็กๆ น้อยๆ เหมือนกัน ขนาด มาเลเซีย กับ เวียดนาม ยังสู้ได้อย่างสนุก แบบนี้ไม่ให้ลุ้นได้อย่างไร 

อีกทั้ง “โค้ชโย่ง” เองได้เห็นโครงสร้างของทีมชัดเจนขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้รักษาประตูอย่าง นพพล ละครพล ที่เล่นบอลด้วยเท้าได้ดี เข้ากับความต้องการที่พยายามสร้างเกมรุกด้วยการเซ็ตบอลจากแดนหลังขึ้นไป 

ด้านคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ การจับคู่ของ กฤษดา กาแมน กับ โจนาธาร เข็มดี ที่หลายคนยกให้เป็นกองหลังในฝันกลายเป็นเล่นคนละทิศละทาง 


ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ “สไตล์” การเล่นคล้ายกันคือเป็นบอลเชิง และเป็นพวกอ่านเกมดีทั้งคู่ 

ดังนั้นการขยับ “กฤษดา” ไปเล่นเป็นกองกลางคือการตอบโจทย์ได้ลงตัว 

ส่วน “โจนาธาร” ก็ได้คู่หู่ที่คุ้นเคยอย่าง “วันชาติ ชูสงค์” มาประสานงานร่วมกันอีกครั้ง หลังจากเคยจับคู่กับมาแล้วในรอบคัดเลือก ที่มองโกเลีย 

ด้วยความที่กองหลังตัวใหม่ของ “พีที ประจวบ” เป็นประเภทไฟท์เตอร์บู๊ และมีความสปีดต้นที่รวดเร็ว ทำให้ทุกอย่างคลิ๊กกันอย่างกลมกล่อม 


แถมได้ นิโคลัส มิเคลสัน ประจำการทางฝั่งขวาทำให้เกมรับดูแน่นขึ้น ซึ่ง มิเคลสัน ต้องบอกว่าคลาสบอลเล่นทีมชุดใหญ่ได้สบาย หาก ฟิลิปป์ โรลเลอร์, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม และ ทริสตอง โด ฟอร์มไม่ดี บางทีอาจโดน “น้องลูกโซ่” ซิวตำแหน่งแบ็คขวาทัพ “ช้างศึก” ไปครองก็มีสูง 

ฝั่งซ้ายอาจจะเป็นจุดบอดของทีม เพราะนักเตะทั้ง ฉัตรมงคล เรืองฐนโรจน์ และ ยานนิค นุสบอม กระดูกบอลยังน้อยเพราะเล่นข้ามรุ่นมา เมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่อายุเยอะกว่าย่อมยุบเป็นธรรมดา 


ซึ่ง “โค้ชโย่ง” คงเห็นจุดอ่อนตรงนี้และน่าจะปรับกระบวนยุทธ์ให้แน่นกว่าเดิมในเกมต่อไปกับ เกาหลีใต้ และล่าสุด ยานนิค ก็ได้อำลาทีมกลับสวิตเซอร์แลนด์ ไปแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องกลับไปสอบ... ทำให้เหลือแบ็คซ้ายอาชีพในทีมตอนนี้เพียง "น้องนาย" คนเดียวเท่านั้น

แดนกลาง ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร คุณภาพสูงอยู่แล้วทั้งการจ่ายบอลสั้นยาว พอได้ กฤษดา มาช่วยเซ็ตเกม ทำให้เราครองบอลมากขึ้น และทำให้เกมสมดุล สามารถกดคู่แข่งอยู่หมัดทั้ง 2 นัด 

ขณะที่แนวรุก “ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา” คลาสบอลระดับทีมชาติไทยชุดใหญ่ กดไป 3 ตุง แต่ละประตูคุณภาพทั้งนั้น แถมประสานกัน เบน เดวิส และ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ได้อย่างลงตัว 


รอแค่ เอกนิษฐ์ ปัญญา จูนเครื่องกับเพื่อนๆ ในหน่อยจู่โจมติด รับรองว่าเกมรุกสะเด่ากว่านี้แน่  

ขณะที่นอกสนาม “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมยังเดินหน้าสั่งอาหารไทยให้นักเตะได้ทานอย่างเพลินอุรา เรียกได้ว่าผลงานในสนามก็ดี นอกสนามก็ซัพพอร์ตเต็มเหนี่ยวแบบนี้ ทีมสปิริตแกร่งขึ้นมหาศาล เรียกว่าทีมคึกพร้อมเจอทุกทีม 

แบบนี้ไม่จำเป็นต้องหวั่น “เกาหลีใต้” ลงสนามโดยไม่ต้องสนอะไรทั้งนั้น ทำงานให้เต็มที่ เชื่อว่าผลลัพธ์ที่ดีจะตามมาแน่นอน 

เหลือก้าวเดียว สู้ให้สุดใจ ทำให้ชาวเอเชียได้เห็นคุณภาพที่สุดยอดของลูกหนังไทยกันครับ


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด