:::     :::

เส้นทางลูกหนังกับ เอริค ไบญี่

วันพุธที่ 13 กรกฎาคม 2565 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
1,453
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หากเอ่ยชื่อของเอริค ไบญี่

แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รู้ดีว่า นี่คือปราการหลังที่ฝีเท้าดีคนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ความสามารถดังกล่าวกลับไม่ได้ฉายแสงออกมาอย่างที่ควรจะเป็น นั่นเพราะอาการบาดเจ็บที่รบกวนดาวเตะวัย 28 ปี มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราอดเห็นฟอร์มการเล่น และการยืนระยะที่สม่ำเสมอ 


ช่วงนี้ เราลองไปย้อนดูความเป็นมาเป็นไป และเส้นทางลูกหนังของชายที่ชื่อเอริค ไบญี่ กันหน่อย เฉกเช่นกับเด็กชายชาวแอฟริกันทั่วไป เขาต้องผ่านความยากลำบาก และแบบทดสอบมาอย่างมากมาย กว่าจะกลายมาเป็นกองหลังของทีมระดับโลกเหมือนทุกวันนี้

เราเจอเขาครั้งแรก ในปี 2009”


ดาบิด โคมามาล่า หัวหน้าของทางโปรโมสปอร์ตโครงการค้นหาดาวรุ่งฝีเท้าดีจากประเทศสเปน ออกมาย้อนความทรงจำถึง เอริค ไบญี่ เด็กหนุ่มชาวไอวอรี่โคสต์ ที่เวลานั้น เขายังเล่นกับอะคาเดมี่ท้องถิ่น โดยมองแล้วว่า มีแววว่าจะเป็นซูเปอร์สตาร์ในอนาคต


เราสัมผัสถึงโอกาสในแถบแอฟริกากลาง โดยเฝ้ามองหานักเตะที่มีความสามารถพิเศษใน 8 ประเทศโคมามาล่า เริ่มเล่าที่มาที่ไปเราเจอเขาครั้งแรก ในปี 2009 ที่เมืองอบิดจาน, ไอวอรี่โคสต์ เขาเล่นให้กับสโมสรเล็กๆ ที่แทบไม่มีโครงสร้างพื้นฐานอะไรเลย พวกเขาถือเป็นทีมที่ยากจนมาก


อาจกล่าวได้ว่า มันแทบจะไม่เป็นทีมฟุตบอลด้วยซ้ำ โค้ชคือคนท้องถิ่น พวกเขามีอุปกรณ์เพียงน้อยนิด และลูกฟุตบอลแค่ไม่กี่ลูก ไม่มีเสาประตูที่เหมาะสม โดยมีเพียงลานสนามสี่เหลี่ยม ที่เต็มไปด้วยดินโคลน ในแง่โครงสร้างกายภาพ เขาเป็นเด็กที่ผอม อย่างไรก็ตาม เขาโดดเด่นในเรื่องของส่วนสูง รวมถึงฝีเท้า, ความห้าวหาญ และพรสวรรค์ เขากำลังทำสิ่งที่ยากสำหรับเด็กในแอฟริกา

โคมามาล่า กล่าวต่อว่าครั้งที่ 2 ที่ผมเห็นหน้าเอริค ไบญี่ ผมเริ่มคุยกับสโมสร เพื่อขอดำเนินสิทธิในตัวเขา เราแน่ใจว่า เราต้องการตัวเขา หลังจากนั้น เป็นระยะเวลามากกว่า 6-7 เดือน ในการสอดแนมหาเด็กในภูมิภาคนี้ เราก็ตัดสินใจก่อตั้งแคมป์ฝึก


เรามีเด็กในความดูแล 40 - 50 คน โดยมีฐานที่ตั้งในบูร์กินาฟาโซ โดยที่แนวความคิดของเราคือ การเชิญผู้อำนวยการกีฬา และแมวมองของสโมสรใหญ่ในยุโรป มารวมตัวกันที่นี่เป็นเวลา 1 สัปดาห์


กระทั่งเดือนพฤจิกายน ปี 2009 เหล่าตัวแทนของเซบีย่า, เอสปันญ่อล, บาร์เซโลน่า รวมถึงโบรุสเซีย มึนเช่น กลัคบัค และยูเวนตุส ออกเดินทางมาที่นั่น เขาแสดงให้เห็นคุณภาพของตัวเอง


ยูเวนตุส แสดงความสนใจเป็นทีมแรก และอยากพาเขาไปเล่นที่อิตาลี อย่างไรก็ตาม พวกเขาดันมีข้อจำกัด เกี่ยวกับโควต้าผู้เล่นที่มีสัญชาตินอกยุโรป มันยากเกินไป ผลสุดท้าย เอสปันญ่อล เข้ามารับช่วงต่อ


การทดสอบฝีเท้า เต็มไปด้วยความดุเดือด การคัดตัวราวกับเป็นรายการชื่อดังอย่างเอ็กซ์ แฟคเตอร์การเดิมพันมีราคาที่สูงมาก เพราะนั่นหมายถึงการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กแอฟริกัน คนหนึ่งไปตลอดกาล


สำหรับพวกเขา มันเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก จากเด็กทั้งหมดราว 40 คน มีเพียง 8-10 คนเท่านั้นที่มีศักยภาพที่จะไปต่อ ขณะที่อีก 20 คนหรือมากกว่านั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่พวกเขาจะได้รับการเซ็นสัญญาโคมามาล่า ทิ้งท้าย

กาลเวลาเดินทางมาถึงปี 2011 ไบญี่ ในวัยเพียงแค่ 17 ปี ออกนอกบ้านเกิดเป็นครั้งแรกในชีวิต ด้วยการเข้าอะคาเดมี่ของเอสปันญ่อล สถานที่ที่เพาะบ่มฝีเท้า และพัฒนาตัวเอง จนไต่เต้าสู่ทีมสำรอง และประเดิมทีมชุดใหญ่ของพลพรรคนกแก้วในอีก 3 ปีต่อมา


ที่เอสปันญ่อล, เขาเหมือนต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ จากชีวิตที่แอฟริกา ที่ไม่เคยเล่นฟุตบอลแบบมีแท็คติก หรือมีแบบแผน สู่การเล่นในลีกทวีปยุโรป ที่เข้มค้นในเรื่องของยุทธวิธี โดยทำงานอย่างหนักในสนามซ้อม รวมถึงเรียนรู้เพิ่มเติม ด้วยการนั่งศึกษาวิดีโอการเล่นนานนับชั่วโมง


กิจวัตรประจำวัน นอกจากการมาซ้อม และกลับบ้านแล้ว เขามักไปหาโค้ชที่บ้าน เพื่อขอวิดีโอการเล่นเพิ่มอีก รวมถึงการขอเคล็ดลับเพิ่มเติมจากโค้ชฟิตเนส


ทั้งหมด คือเส้นทางของเด็กที่ไม่ได้เติบโตมากับการฝึกสอนฟุตบอลอย่างถูกวิธี แถมยังมีข้อจำกัดมากมายในเส้นทางลูกหนัง สู่นักเตะที่มีค่าตัว 30 ล้านปอนด์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})