ในช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งทศวรรษ จะมีนักเตะสักกี่คนที่ผ่านประสบการณ์ในลีกอังกฤษโชกโชนและครบทุกรสชาติเหมือนอย่าง ริยาด มาห์เรซ
เลื่อนชั้น, รอดตกชั้น, คว้าแชมป์ และพลาดแชมป์ ริยาด มาห์เรซ ผ่านประสบการณ์ต่างๆ มาหมดแล้วกับทั้ง เลสเตอร์ ซิตี้ และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงเวลา 8 ปีครึ่งที่อังกฤษ
ริยาด เกิดและโตที่ประเทศฝรั่งเศส แต่เลือกเล่นให้กับทีมชาติแอลจีเรีย ตามเชื้อสายของตัวเองที่มีพ่อเป็นชาวแอลจีเรียน และแม่เป็นลูกครึ่งแอลจีเรียน-โมร็อกกัน
การสูญเสียพ่อ อาห์เหม็ด ที่เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย กลายเป็นแรงผลักดันชั้นดีให้ ริยาด ในวัย 15 ปี ต้องการเอาดีให้ได้ในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ
"พ่อคอยหนุนหลังผมเสมอ เขาอยากให้ผมเป็นนักฟุตบอล เขาอยู่กับผมตลอด เขามาดูและคอยช่วยเหลือผมทุกเกม เขาเคยเล่นกับทีมเล็กๆ ในแอลจีเรียและฝรั่งเศส เขาจึงรู้ดีว่าต้องแนะนำอะไร และผมก็รับฟังเขา"
"บางทีตอนพ่อเสียอาจเป็นจุดเริ่มต้น ผมไม่รู้ว่าผมเริ่มจริงจังมากขึ้นหรือเปล่า แต่หลังจากพ่อเสีย สิ่งต่างๆ ก็เริ่มเข้ามาหาผม บางทีในหัวของผม ผมอาจจะต้องจริงจังมากกว่านี้"
อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้นเส้นทางนักฟุตบอล ริยาด ต้องพบอุปสรรคสำคัญในเรื่องสภาพร่างกาย
"พวกเขาบอกว่าผมผอมเกินไป ทุกคนจะผลักผมกระเด็นหมด ผมมีเทคนิคที่ดีก็จริง แต่สภาพร่างกายผมยังไม่แข็งแกร่ง และยังไม่เร็วพอด้วย แต่ผมก็ทำงานหนักไม่มีหยุด"
ตอนอายุ 19 ริยาด ตัดสินใจครั้งสำคัญหลังเล่นกับ แก็งแปร์ ได้เพียง 6 เดือน เขาปฏิเสธทีมใหญ่ในลีกเอิง ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง กับ โอลิมปิก มาร์กเซย แล้วเลือกเซ็นสัญญากับทีมลีกเดอซ์ เลอ อาฟร์
"เลอ อาฟร์ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผม เพราะพวกเขามีระบบจัดการของทีมเยาวชนที่ดี ผมเล่นในทีมยู-21 แล้วก็ขึ้นทีมชุดใหญ่"
"ตอนเริ่มต้นทีมชุดใหญ่มันยากมากๆ สำหรับผม เพราะในลีกเดอซ์เกมมักเน้นตั้งรับกัน ทุกคนดูเหมือนจะเล่นเพื่อผลเสมอ 0-0 ปีแรกจึงยากมากๆ แต่ปีที่สองเริ่มดีขึ้น"
"แล้วผมก็ไป เลสเตอร์ ชีวิตผมก็เป็นแบบนั้น ต้องก้าวไปทีละก้าวเสมอ"
ริยาด เชื่อมั่นในตอนนั้น เลสเตอร์ คือตัวเลือกที่เหมาะสม แม้หลายคนไม่เห็นด้วยก็ตาม กับการเลือกไปเล่นในลีกรองของอังกฤษอย่าง แชมเปี้ยนชิพ
"ทุกคนต่างบอกผมว่า "ริยาด อังกฤษ ไม่เหมาะกับคุณ เกมฟุตบอลเน้นสภาพร่างกาย ความแข็งแกร่ง ฟุตบอลสเปนเหมาะกับคุณมากกว่า" ผมจึงไม่คิดว่าตัวเองจะได้เล่นในอังกฤษ"
"แต่ผมคุยกับเอเยนต์ เขาบอกว่ามันจะดีมากๆ สำหรับคุณ และผมก็คุยกับครอบครัวด้วย ผมเลยตอบไปว่า "โอเค ผมจะลองดู" และเมื่อผมไปถึงผมก็ชอบทันที ผมเริ่มซ้อมและลงเล่น ผมคิดกับตัวเองว่า ผมงี่เง่ามากที่ลังเล"
การย้ายมาอยู่กับ เลสเตอร์ ยังเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ ริยาด ได้เล่นให้ทีมชาติแอลจีเรีย
"ผมลงเล่นในแชมเปี้ยนชิพ เรานำจ่าฝูงมาโดยตลอด คว้าชัยชนะอยู่เรื่อยๆ แอลจีเรีย จึงเริ่มจับตามองผม ถ้าผมยังเล่นอยู่ในดิวิชั่นสองฝรั่งเศส คงไม่มีใครมองผม"
ริยาด ผ่านฤดูกาลแรกในพรีเมียร์ลีกอย่างยากลำบากร่วมกับ เลสเตอร์ แต่ก็เอาตัวรอด หนีตกชั้นได้อย่างเหลือเชื่อ แต่ก็ยังไม่เหลือเชื่อเท่าการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ซีซั่นถัดมา
17 ประตูในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015-16 นี่คือซีซั่นที่ดีที่สุดของ ริยาด กับ เลสเตอร์
ริยาด ได้รับความสนใจจาก อาร์เซน่อล กับ โรม่า และเขาได้แจ้งกับต้นสังกัดว่าต้องการอำลาทีมหลังจบฤดูกาล 2016-17 แต่การย้ายทีมไม่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับความสนใจจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในอีก 6 เดือนต่อมา
ในที่สุด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็คือสโมสรใหม่ของ ริยาด หลังจากเซ็นสัญญา 5 ปี ค่าตัวมหาศาล 60 ล้านปอนด์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2018 เป็นการตอบแทน เลสเตอร์ ที่ซื้อมาจาก เลอ อาฟร์ เพียง 450,000 ปอนด์
การร่วมงานกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทำให้ ริยาด กลายเป็นตัวรุกที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น แม้มีบางช่วงเวลาที่ต้องหลุดจากทีมตัวจริงก็ตาม
ริยาด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกถึง 3 สมัยจาก 4 ฤดูกาลในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม คว้าแชมป์เอฟเอคัพ 1 สมัย และแชมป์คาราบาวคัพอีก 3 สมัย สิ่งที่ขาดหายไปคือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ยังเอื้อมไม่ถึง
นั่นคือภาระกิจที่ ริยาด ยังไม่บรรลุเป้าหมายกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเป็นเหตุผลที่ทั้งสองฝ่ายตัดสินใจร่วมกันที่จะขยายสัญญาเพิ่มไปอีกสองปี จากเดิมที่หมดอายุในปี 2023 ไปสิ้นสุดในปี 2025
และด้วยอายุอานามที่ตอนนี้ ริยาด 31 ปีแล้ว นี่จึงอาจเป็นสัญญาฉบับสุดท้ายกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และมีเวลาสามฤดูกาลให้ไล่ล่าแชมป์ยุโรปที่รอคอย
