เช่นเดียวกับส่วนใหญ่ของฤดูกาลที่แล้ว หลังการรุกรานของรัสเซีย มันถือเป็นช่วงเวลาแห่งอารมณ์ของดาวเตะสัญชาติยูเครนวัย 25 ปี
แต่มันก็เป็นเรื่องพิเศษสำหรับผู้เล่นที่ได้รับการแสดงความรัก และสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีมอันเป็นที่รัก อันเนื่องมาจากสงคราในยูเครน
ในช่วงแรกๆ ของการรุนรานจากรัสเซีย ซินเชนโก้ ถูกห้ามไม่ให้กลับบ้านเพื่อช่วยปกป้องประเทศของเขา โดยเพื่อนๆ และครอบครัวของเขาเชื่อว่าเขาจะสามารถสร้างผลกระทบได้มากกว่าจากการอยู่ที่อังกฤษ และแสดงความตั้งใจของเขาต่อสายตาผู้คน
ในฐานะที่เป็นชาวยูเครนที่โด่งดังที่สุดในพรีเมียร์ลีกตอนนี้ เขามีเวทีที่จะพูดเกี่ยวกับความทุกข์ทรมานทางอารมณ์ และเผด็จการที่เกิดขึ้นกับยูเครน
แฟนๆ ทีมเยือนทั่วอังกฤษต่างปรบมือให้เขาอย่างอบอุ่น และภาพการโอบกอดพร้อมน้ำตาของเขากับ วิตาลี่ มิโคเลนโก้ เพื่อนร่วมชาติก่อนเกมที่ เรือใบ พบ เอฟเวอร์ตัน กลายเป็นไวรัลไปทั่วโลก
มันเป็นเวลา 6 เดือนที่ยากลำบาก และแบ็กซ้ายรายนี้ก็คงทุกข์ใจทุกครั้งเมื่อต้องคิดว่าเพื่อนๆ และครอบครัวของเขาต้องพบกับอะไรมากมาย
เขาได้บริจาคเงินจำนวนมากให้กับการทำสงคราม พูดคุยกับทหาร และอาสาที่กลุ่มชุมชนชาวยูเครนในเมืองแมนเชสเตอร์ ซึ่งก็ส่งสิ่งของจำเป็นกลับไปยังบ้านเกิด
ฟุตบอลเป็นสิ่งที่ชะโลมจิตใจของ ซินเชนโก้ และเวลาที่ใช้ในสนามซ้อม และในวันแข่งขันก็ช่วยทำให้จิตใจของเขาปลอดโปร่ง
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และสโมสรได้ให้การสนับสนุนเรื่องนั้นอย่างมาก ขณะที่ในระดับส่วนตัวแล้ว ซินเชนโก้ ก็ได้แรงหนุนจากเพื่อนในทีมมากเช่นกัน
"กับบางจุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรก ผมไม่ได้คิดอะไรมากมายถึงเรื่องฟุตบอล เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศของผม" ซินเชนโก้ กล่าว
"แต่ด้วยการสนับสนุนทั้งหมดที่ผมมีในช่วงเวลานี้ เราทำได้ มันมีความหมายกับผมในทุกอย่าง"
"ด้วยความสัตย์จริง ผมพร้อมตายเพื่อคนเหล่านี้ เพื่อสนับสนุนทั้งหมดนี้ เพราะสิ่งที่ผู้คนมอบให้ผม และสิ่งที่พวกเขาทำเพื่อผมในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของผม ผมซาบซึ้งมาก และผมจะไม่มีวันลืมสิ่งนี้ มันจะไม่มีทางจากไปจากชีวิตผม"
การรุนรานอาจทำให้ ซินเชนโก้ เป็นที่สนใจขึ้นมา แต่เอาเข้าจริงก็ไม่มีอะไรใหม่สำหรับคำชื่นชมต่อตัวเขาที่มีกับสโมสร
ซินเชนโก้ ถูกเซ็นสัญญามาจาก อูฟา ทีมในลีกรัสเซีย ด้วยค่าตัวเพียง 1.7 ล้านอนด์ เมื่อปี 2016 เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าอาชีพของเขาจะต้องไปได้ไกลในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม
ตัวอย่างก็เช่น หลังจากชัยชนะเกมเยือน ฮัดเดอร์สฟิลด์ เมื่อปี 2017 ที่เขามีชื่อเป็นตัวสำรองไม่ได้ลงสนาม ซินเชนโก้ ก็เดินทางกลับไปที่สนามซ้อม เพื่อทำงานคนเดียวในโรงยิมคืนนั้นเลย
ความมุ่งมั่นแบบนี้ไม่ได้ถูกมองข้ามจาก เป๊ป และโค้ชของเขา หรือรวมถึง มิเกล อาร์เตต้า กุนซือ อาร์เซน่อล คนปัจจุบันที่ตอนนี้ยังเป็นมือขวาให้กับ กวาร์ดิโอล่า
ในที่สุดโอกาสของเขากับ ซิตี้ ก็มาถึง แต่เป็นฐานะแบ็กซ้าย ไม่ใช่มิดฟิลด์ตัวรุกเหมือนที่เล่นมาตั้งแต่สมัยเด็ก
และแม้ว่าจะมีหลายครั้งที่ ซิตี้ มีการพิจารณาปล่อยเขาออกไปเพื่อเซ็นสัญญษกับฟูลแบ็กอาชีพ แต่ ซินเชนโก้ ก็ไม่เคยสงสัยในตัวเอง และปฏิเสธการย้ายไปยัง วูล์ฟส์ และ นาโปลี เพื่ออยู่สู้ชิงตำแหน่งของเขา
มันเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยม และเขาก็ได้มีส่วนสำคัญในการช่วยให้ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 4 ในรอบ 5 ปี หรืออย่างน้อยก็นัดสุดท้ายของฤดูกาลที่แล้วที่เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในการช่วยให้ทีมพลิกจากตามหลัง แอสตัน วิลล่า 2 ประตู กลับมาชนะได้อย่างเหลือเชื่อ
แต่หลังจากผ่านไป 5 ปี ซินเชนโก้ ที่รับบทแบ็กซ้ายมาโดยตลอดกับ ซิตี้ ก็มีโอกาสที่จะได้หวนคืนสู่ตำแหน่งมิดฟิลด์ที่เป็นธรรมชาติของเขาอีกครั้ง
เกือบจะ 100 เปอร์เซ็นต์ จาก 128 นัดที่เขาลงเล่นให้ เรือใบ นั้นคือตำแหน่งแบ็กซ้าย แต่ตอนนี้เขามีโอกาสที่จะหวนคืนตำแหน่งมิดฟิลด์ในการเล่นให้สโมสรระดับท็อปบ้างแล้ว หลังย้ายมา อาร์เซน่อล ด้วยค่าตัว 32 ล้านปอนด์
กวาร์ดิโอล่า ยอมรับเองว่านั่นคือบทบาทที่ดีที่สุดของเขา แต่เขาไม่เคยได้เล่นตำแหน่งนั้นกับ ซิตี้ เพราะมีผู้เล่นอย่าง เควิน เดอ บรอยน์, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, อิลคาย กุนโดกัน, ฟิล โฟเด้น หรือ แจ็ค กรีลิช ขวางอยู่ข้างหน้า
"ในตำแหน่งที่เรามีในแดนกลาง ในฐานะมิดฟิลด์ตัวรุก นั่นคือตำแหน่งของเขา" เป๊ป กล่าวไว้เมื่อเดือนเมษายน
"ตอนที่เราซื้อ โอเล็กส์ มา เขาเป็นผู้เล่นหมายเลข 10 ตำแหน่งของ ฟิล โฟเด้น เป็นผู้เล่นที่สร้างสรรค์เกม แต่ความต้องการที่เรามี...เราไม่มีแบ็กซ้ายมาหลายปีแล้ว"
"ฟาเบียน เดลฟ์ ปรับตัวได้ดีมากกับตำแหน่งนั้น และ โอเล็กส์ ก็เช่นกัน มันเกิดขึ้นเพราะเขามีการเรียนรู้ที่ดี เขารู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร เขาปรับตัว และพูดว่า 'โอเค อะไรคือสิ่งที่ทีมต้องการล่ะ? ผมจะทำให้"
"เขาเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม บางครั้งที่เขาได้เล่นน้อย หรือไม่ได้เล่นตามปกติก็เพราะเขาเป็นมนุษย์ เกิดอะไรขึ้นในประเทศของเขาบ้าง เราไม่สามารถลืมเรื่องนั้นได้"
"แต่ผมรู้จัก โอเล็กส์ ดี แนวทางการเล่นของเขาไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เพราะเรารู้ว่าเขาเป็นใคร"
ดูเหมือนว่า เรือใบ เตรียมที่จะเซ็นสัญญากับแบ็กซ้ายอาชีพในซัมเมอร์นี้ และกับการที่ ชูเอา กานเซโล่ ยังเป็นตัวเลือกที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ พวกเขาก็สามารถปล่อย ซินเชนโก้ ออกจากทีมได้
การย้ายครั้งนี้ถือว่าสมเหตุสมผลสำหรับผู้เล่นด้วย ด้วยฟอร์มของเขาในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก กับ ยูเครน แสดงให้เห็นอีกครั้งว่าเขามีความสามารถ และความคิดที่จำเป็นสำหรับเกมระดับสูง
ทันทีที่ย้ายมา ปืนใหญ่ เรียบร้อยแล้ว มีคำถามว่าตำแหน่งไหนที่เขาคิดว่าดีที่สุดสำหรับตัวเอง ซินเชนโก้ ตอบว่า "ตำแหน่งไหนก็ได้ที่ผู้จัดการทีมต้องการเห็นผมในสนาม เป็นคำตอบง่ายๆ นะ แต่จริง ต่อให้เขาบอกผมในสักวันว่าผมจำเป็นต้องเล่นเป็นผู้รักษาประตู ผมก็จะเล่น"
"เรา (กับ อาร์เตต้า) คุยกันเกี่ยวกับตำแหน่งของผมในทีม แต่ผมอยากเก็บเป็นความลับไว้ก่อน เดี๋ยวเราจะได้เห็นกัน"
และเช่นเดียวกับเพื่อนเก่าอย่าง กาเบรียล เชซุส เขาจะสนุกในการทำงานกับ อาร์เตต้า ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรสำหรับการปรับตัวในถิ่นลอนดอนเหนืออยู่แล้ว เนื่องจากอดีตมือขวาของ เป๊ป ก็ใช้สไตล์ที่คล้ายกันในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
มันเป็นการย้ายทีมที่ถูกต้องในช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับ ซินเชนโก้ เขาอาจจะพลาดการเล่นในตำแหน่งที่ตัวเองรักกับ แมนฯ ซิตี้ ไป แต่ อาร์เตต้า สามารถเสนอบางสิ่งที่ กวาร์ดิโอล่า ไม่มีวันให้เขาได้ นั่นคือโอกาสที่จะเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ หรือถ้าจะเป็นแบ็กซ้าย เขาก็จะมีโอกาสลงเล่นอย่างสม่ำเสมอในฐานะคีย์แมนของทีม
