:::     :::

ชีวิตลูกหนังกับ "ลิซานโดร มาร์ติเนซ"

วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2565 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
2,262
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
กำลังอยู่ในช่วงพิสูจน์ตัวเอง

สำหรับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ปราการหลังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากย้ายมาร่วมทีมปีศาจแดงเขาก็โดนเสียงวิจารณ์อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวเข้ากับฟุตบอลอังกฤษ รวมถึงประเด็นสำคัญ นั่นคือเรื่องของส่วนสูง ของดาวเตะวัย 24 ปี ที่มีส่วนสูงเพียง 175 เซ็นติเมตรเท่านั้น 


อย่างไรก็ตาม ลิซานโดร มาร์ติเนซ สามารถฟื้นตัวเองขึ้นมาได้ หลังจากประเดิมต้นสังกัดใหม่ ด้วยการพ่าย 2 เกมแรกในพรีเมียร์ลีก ด้วยการโชว์ฟอร์มอย่างยอดเยี่ยม ในเกมเปิดบ้านเอาชนะลิเวอร์พูล 2-1 จนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศให้เขาเป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ เลยทีเดียว


ช่วงนี้ เราลองไปดูเส้นทางลูกหนังของเขากันหน่อยว่า เขาต้องฝ่าฟันกับอะไรมาบ้าง โดยเฉพาะข้อจำกัดในเรื่องของส่วนสูงของร่างกาย ซึ่งเป็นแบบทดสอบที่เขาพบเจอมาตั้งแต่เริ่มก้าวเข้าสู่วงการลูกหนัง ไม่แน่ว่า เรื่องราวของเขาอาจเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนก็เป็นได้ 

ลิซานโดร มาร์ติเนซ คือเด็กจากย่านกัวเลคีย์ ประเทศอาร์เจนติน่า เกิด และเติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะแสนยากจน พ่อแม่ของเขาเป็นภารโรง คอยหาเงินมาจุนเจือครอบครัว แม้เส้นทางจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ชีวิตของเขาก็ยังถูกเต็มไปด้วยความสุขอยู่ดี


พ่อแม่ของผมเป็นคนทำความสะอาดในโรงเรียนมาร์ติเนซ เริ่มเล่าเราถือว่าเป็นครอบครัวใหญ่ ทุกคนจะอาศัยอยู่รวมกันที่บ้านของย่า ย้อนกลับไปเวลานั้น ถือเป็นเรื่องปกติของผมเลย ที่มีอาหารกินแค่ในช่วงตอนกลางวัน หลังจากนั้น ผมมีแค่น้ำชา, ขนมปัง หรือไม่ก็บิสกิต เพื่อประทังท้องในช่วงตอนกลางคืน กระนั้น ผมก็มีความสุขดี


ปฏิเสธไม่ได้ว่า เงินทองเป็นสิ่งหายาก โดยเฉพาะกับครอบครัวของเขา จากการที่เติบโตมาในช่วงเข้าสู่ยุคมิลเลนเนี่ยม ที่อาร์เจนติน่า ประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ชีวิตของเขายากขึ้นเป็นทวีคูณ กาลเวลาเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เขาเดิมพันครั้งสำคัญ จนพาตัวเองเข้าสู่โลกของลูกหนังเป็นผลสำเร็จ


ในวัย 14 ปี มาร์ติเนซ เดินทางออกจากบ้านเกิดที่แสนเงียบสงบเป็นครั้งแรกในชีวิต จุดหมายปลายทางอยู่ที่เมืองอันวุ่นวายอย่างโรซาริโอ เพื่อเข้าร่วมทีมเยาวชนของนีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ พร้อมกับมีกาเบรียล อิวาน ไฮน์เซ่ เป็นกองหลังในดวงใจ โดยตอนที่เขาอยู่อะคาเดมี่ของนีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ ถือเป็นช่วงเวลาที่ไฮน์เซ่ เลือกมาแขวนสตั๊ดที่สโมสรแห่งนี้พอดี

กระทั่งฤดูกาล 2016-17 มาร์ติเนซ  ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของนีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ เป็นครั้งแรก และครั้งเดียว เพราะถูกส่งไปให้กับทีมเดเฟนซ่า จัสติเซีย ทำการยืมตัว ซึ่งความโหดร้ายที่ต้องเจอ นั่นคือการไม่ได้กลับมาที่นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ อีกแล้ว เพราะทีมตัดสินใจขายขาดในท้ายที่สุด แต่ภายในเรื่องร้าย กลับกลายเป็นบทเรียนสำคัญ ที่สอนให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น


นิโคลัส ดิเอซ หนึ่งในโค้ชของเดเฟนซ่า จัสติเซีย ย้อนความทรงจำว่ามาร์ติเนซ โดนตัดออกจากทีม เพราะว่าส่วนสูงของเขา แน่นอนว่า ตำแหน่งโดยธรรมชาติของเขา นั่นคือปราการหลังตัวกลาง อย่างไรก็ตาม จากการที่เขาไม่ใช่นักเตะที่ตัวสูง ทำให้โค้ชของนีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ เกิดความสงสัยในตัวเขา พวกเขาเป็นกังวลเล็กน้อย ในเรื่องของส่วนสูง แต่เรื่องนั้น ไม่เคยสำคัญกับทีมอย่างเดเฟนซ่า จัสติเซีย


ขณะที่มาร์ติเนซ กล่าวถึงช่วงเริ่มต้นอาชีพการเป็นนักฟุตบอลว่าเมื่อคุณพูดถึงสโมสรที่เป็นเหมือนครอบครัว เดเฟนซ่า คือตัวอย่างที่ดีที่สุด สโมสรปฏิบัติต่อคุณเหมือนกับลูกชายคนหนึ่ง พวกเขาให้ทุกอย่างกับคุณ แน่นอนว่า พวกเขามีสนามซ้อมที่น่าทึ่ง และทำทุกอย่าง เพื่อให้นักเตะสนุกกับการเล่นฟุตบอล


เดเฟนซ่า จัสติเซีย คือสโมสรเล็กๆ อย่างไรก็ตาม เขากลับช่วยทีมแห่งนี้ จบอันดับ 2 ในลีกสูงสุด ฤดูกาล 2018-19 จุดเริ่มต้นดังกล่าว ทำให้ฝีเท้าของเขาถูกจับตามองจากทีมดังในยุโรป ผลสุดท้าย กลายเป็นอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่คว้าตัวไปครอง


เรื่องราวที่น่าสนใจคือ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ไม่ได้ซุ่มดูฟอร์มการเล่นของเขาเพียงชั่วข้ามคืน แต่เป็นการติดตามอย่างยาวนาน ตั้งแต่การลงเล่นให้กับทีมชาติอาร์เจนติน่า รุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี หรือก่อนที่เขาจะเล่นฟุตบอลอาชีพอย่างเต็มตัวด้วยซ้ำไป


ยอดทีมจากเนเธอร์แลนด์ส ทำรายงานสรุปสไตล์การเล่นของมาร์ติเนซ เอาไว้ว่า นี่คือปราการหลังฝั่งซ้าย ที่มีเทคนิคที่ยอดเยี่ยม และหลากหลายทั้งการจ่ายบอลสั้น และจ่ายบอลยาว นอกจากนี้ ยังมีความเป็นผู้นำในสนามแข่งขัน พ่วงด้วยการเล่นอย่างดุดัน


ผมอาจเป็นคนที่เล่นด้วยสไตล์ที่หนักหน่วง แต่ผมไม่ใช่คนที่จะเข้าสกัดแบบน่าเกลียด ผมไล่กวดบอลทุกจังหวะ ราวกับว่า มันเป็นจังหวะสุดท้ายในชีวิตเขายืนยันการเป็นนักฟุตบอลในแบบฉบับของตัวเอง


คนอาร์เจนไตน์ ทำทุกอย่างด้วยหัวจิตหัวใจ เมื่อผมก้าวขาลงสนามไป ผมจะใส่สุดตัวกับทุกจังหวะ ต่อให้ผมต้องก้าวข้ามศพ ผมก็จะทำ !!! ผมต้องการเอาชนะในทุกจังหวะแบบ 50-50 ผมรู้ดีว่า ผมกำลังต่อสู้เพื่ออาหารของทุกคนในครอบครัว และเพื่อนของผม นั่นคือความรู้สึกของผม และชาวอาร์เจนไตน์ ทุกคนมี เป็นแรงจูงใจที่ไม่อาจอธิบายได้


3 ฤดูกาลเต็มในสีเสื้อของอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม มาร์ติเนซ พาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของแดนกังหันลม 2 สมัย ในขณะที่ฟอร์มการเล่นในเวทีสโมสรยุโรป ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน โดยฤดูกาลที่ผ่านมา เขาก็คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของสโมสรไปครอง 


พร้อมกับผลงานเด่นอย่างการมีค่าเฉลี่ยผ่านบอลสำเร็จต่อเกม เป็นอันดับ 1 ของลีกที่ 82.27 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่เรื่องที่หลายคนเป็นห่วงอย่างลูกโหม่ง เขาก็ทำสถิติโหม่งเคลียร์บอล 29 ครั้ง นอกจากนี้ ยังเอาชนะการดวลลูกกลางอากาศ 79 จาก 112 ครั้ง


จากเม็ดเงินที่อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม จ่ายเป็นค่าตัวให้กับเดเฟนซ่า จัสติเซีย 5.8 ล้านปอนด์ กาลเวลาผ่านไป 3 ปี จำนวนเงินถูกเพิ่มเป็น 10 เท่าตัว เมื่อสโมสรยักษ์ใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซื้อตัวไปร่วมทีม


ไฮน์เซ่ คือไอดอลของผม เขาเคยเล่นกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เช่นเดียวกัน นั่นเป็นหนึ่งในความท้าทายของผม มันเป็นเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อ ในการปักธงชาติอาร์เจนติน่า ที่แมนเชสเตอร์ ผมภูมิใจกับสิ่งนี้มากมาร์ติเนซ กล่าวทิ้งท้าย แน่นอนว่า เขาตระหนักถึงหน้าที่ และความรับผิดชอบ ในการพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับไปสู่ความสำเร็จอีกครั้ง

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด