"แน่นอนว่า คิงส์ คัพ ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้กลับไปหรือเปล่า หรือแม้แต่รายการชิงแชมป์อาเซียน ก็ยังไม่ได้รับปากใครว่าจะเล่น เพราะผมก็อาจจะมีตัดสินใจกับตัวเองว่า อาจจะไม่ได้เล่นครับ คือผมว่าร่างกายผมคงต้องได้พักบ้าง ผมไม่เคยได้พักเลยแบบเป็นเดือน พักมากสุดก็ 1 อาทิตย์ ร่างกายผมก็จะกรอบลงเรื่อยๆ แฟนๆก็อาจจะไม่ได้เห็นผมเล่นในช่วงสิ้นปีนี้ครับ"

นี่คือบางส่วนในคำพูดของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ จอมทัพ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ที่กล่าวไว้ ซึ่งเขาอาจจะไม่มาเล่นในรายการชิงแชมป์อาเซียนช่วงปลายปีนี้ โดยมองว่าถึงเวลาแล้วที่เราควรให้ความสำคัญในการผลิตแข้งรุ่นใหม่ หรือมีการดันเยาวชนขึ้นมาบ้าง เพราะอย่าลืมว่าอีกไม่กี่ปีแข้งหลายคนอาจจะต้องเริ่มปลดระวางกันแล้ว ฉะนั้น วันนี้เรามาลองกวาดสายตาดูกันหน่อยว่า ณ ชั่วโมงนี้มีใครเหมาะสมกับการขึ้นมารับบทบาทจอมทัพแทนที่ “ชนาคุง” บ้าง

สุภโชค สารชาติ (คอนซาโดเล่ ซัปโปโร)

หนึ่งในนักเตะรุ่นใหม่ที่ผลงานเติบโตไปตามวันเวลา จนได้มีโอกาสไปเล่นใน เจ ลีก กับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ในเวลานี้ แม้ว่าจะไปด้วยสัญญายืมตัวจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และยังไม่มีโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงเลยก็ตาม แต่ถึงตอนนี้ "เช็คคุง" ได้ลงเป็นตัวสำรองให้ "นกฮูกแดนเหนือ" ทั้งสิ้น 4 เกม รวม 49 นาที ทำไปแล้ว 2 แอสซิสต์ และมีส่วนร่วมกับการทำประตูถึง 4 ลูก จนเกิดเสียงเรียกร้องจากแฟนบอลทั้งไทยและญี่ป่น ที่อยากให้ มิไฮโล เปโตรวิช กุนซือของทีมให้โอกาสลงสนามมากกว่านี้

นอกจากนั้น การมีประสบการณ์ในการเป็นแชมป์รายการนี้มาแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา ย่อมทำให้เขาวิธีการรับมือคู่แข่ง และด้วยวุฒิภาวะที่โตขึ้นมามาก อีกทั้งพัฒนาการที่ได้ไปอัพเลเวลที่แดนซามูไร เชื่อเหลือเกินว่า แฟนบอลคงอยากเห็น  “เช็ค”สุภโชค ในเวอร์ชั่นที่อัพเกรดแล้ว กลับมาเล่นทีมชาติไทยแบบเต็มๆ ตา ว่าจะกลมกล่อมขึ้นมากน้อยเพียงใด

วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด)

 หนึ่งใน 5 นักเตะของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่เคยคว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์นี้ แน่นอนว่าเขาเองได้เรียนรู้มากมายจากทีมชุดนั้นที่มีผู้เล่นรุ่นพี่เป็นแกนหลัก แม้ว่าเขาเองจะสตาร์ทด้วยการเป็นสำรอง แต่เมื่อได้รับโอกาสก็ทำได้อย่างน่าชื่นชม

แม้ระบบของ “เดอะ แรบบิท” ในยุคของ มาโกโตะ เทกุระโมริ อาจจะยืนเชพไม่เหมือนกับในทีม "ช้างศึก" ที่กุมบังเหียนโดย มาโน่ โพลกิ้ง แต่ “ยิม” ก็สามารถเล่นได้อย่างลงตัว ในหลากหลายแท็กติก อีกทั้งยังปรับการยืนตำแหน่งมาเล่นตัวรุกแบบ 3 คนในแดนกลางได้ด้วย ที่สำคัญยังมี พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล กับ สารัช อยู่เย็น รุ่นพี่จากสโมสรเดียวกัน ที่จะคอยซัพพอร์ตให้ด้วยความเข้าขารู้ใจ

สรรวัชญ์ เดชมิตร (เคดาห์ ดารุล อะมาน เอฟซี) 

เพลย์เมกเกอร์จอมเก๋าวัย 32 ย้ายไปผจญภัยที่ลีกมาเลเซียกับ เคดาห์ ดารุล อะมาน เอฟซี ด้วยสัญญายืมตัวแค่ 6 เดือนจาก ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และประเดิมแอสซิสต์แรกของตัวเองได้ในเกมลีกนัดที่ 11 ก่อนจ่ายบอลให้ โรนัลด์ กองหน้าชาวแคเมอรูน ยิงประตูที่สองให้กับทีม โดยวันนั้นเขาช่วยทีมเก็บชัยชนะเหนือ ซาราวัก ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์ 3-1

นอกจากนี้ "แคมป์" ยังพาทีมทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศ เอเอฟซี คัพ 2022 ได้สำเร็จ แม้ว่าท้ายที่สุดจะไปพลาดท่าแพ้ พีเอสเอ็ม มาคัสซาร์ ของอินโดนีเซีย 1-2 แต่ด้วยฟอร์มของเขาก็น่าจะมีโอกาสได้คัมแบ็คทีมชาติไทย อีกอย่างเขาเองก็มีประสบการณ์ลงเล่นถ้วยอาเซียน คัพ มาแล้ว รวมถึงคุ้นเคยกับการทำงานของ มาโน่ โพลกิ้ง และทีมสตาฟฟ์ชุดนี้เป็นอย่างดี เพราะเคยร่วมงานกันมานานถึง 6 ปีในทีม "แข้งเทพ"

จักรพันธ์ แก้วพรม (ราชบุรี เอฟซี)

นี่คือดีลที่สุดคุ้มค่าอย่างมากของ ราชบุรี เอฟซี ที่พวกเขาได้ตัว “โน้ต” มาแบบฟรีๆจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หลังเป็นที่หมายปองในตลาดรอบที่ผ่านมา ทั้ง หนองบัว พิชญ เอฟซี และ ลำพูน วอริเออร์ สุดท้ายเขาก็เลือกมารับปลอกแขนกัปตันทีมในถิ่น “ราชันมังกร”

 ต้องถือว่าเป็นจิ๊กซอว์สำคัญจริงๆ เพราะการมาของเขาเพิ่มมิติในเกมรุกอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะการบัญชาเกมจากแดนกลางทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ รุก-รับแบบสมดุล แถมยังทำแอสซิสต์กับประตูให้กับทีมได้แล้วด้วย จนทำให้ทีมรักษาสถิติชนะรวด 4 เกมติดและยังไม่เสียประตูให้ทีมใดเลย ซึ่งทุกๆ เกม "กัปตันโน้ต" ได้รับคำชมอย่างมาก และถูกเลือกให้ติดทีมยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์อยู่แทบทุกวีค ซึ่งเขาเองก็ยังไม่เคยเอ่ยปากปิดประตูกับทีมชาติไทย ดังนั้นจึงน่าสนใจมากหากจะเรียกเขากลับมาเล่นให้ทีมชาติไทยอีกครั้ง

เบนจามิน เดวิส (การท่าเรือ เอฟซี)

การได้เหรียญเงินซีเกมส์ของ ทีมชาติไทย ในหนล่าสุด ต้องบอกว่า “เบนจามิน เดวิส” เป็นหนึ่งในคีย์แมนเกมรุก ที่ทำผลงานยอดเยี่ยมมากๆ และก็ต่อเนื่องไปที่ ยู 23 ชิงแชมป์เอเชีย แม้ว่าสุดท้ายแล้ว ลูกทีมของ “โค้ชโย่ง”วรวุธ ศรีมะฆะ จะตกรอบแรกก็ตาม

แต่เมื่อกลับไปที่ อ็อกฟอร์ด ยูไนเต็ด เขาเองก็ทำผลงานปรีซีซั่นก่อนฤดูกาล 2022/2023 จะเริ่มได้ดี ทว่าโอกาสเบียดแทรกลงเล่นในระดับลีกวัน ของอังกฤษนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จนในที่สุดเขาเลือกย้ายมาเล่นให้ การท่าเรือเอฟซี เพื่อโอกาสในการลงสนามมากขึ้น ซึ่งคงต้องใช้เวลาปรับตัวอีกสักระยะ เพราะเขามาร่วมพรีซีซั่นกับทีมช้าที่สุด อย่างไรก็ดี หากผลงานในสโมสรเริ่มปรับจูนได้ลงตัว ก็มีโอกาสไม่น้อยที่เขาอาจจะได้ก้าวมาเล่นทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ในรายการนี้ได้เหมือนกัน ด้วยเครื่องหมายการค้าในการพาบอลกระชากลากเลื้อยเลี้ยงกินตัวทลายแผงแนวรับของคู่แข่งที่เป็นจุดเด่นอยู่แล้ว

ต้องรอดูกันต่อไปว่าเมื่อถึงเวลานั้น แนวทางการเลือกใช้ผู้เล่นสำหรับศึก "เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็กทริก คัพ 2022" จะเป็นเช่นไร จะให้โอกาสแข้งใหม่ หรือยังตะบี้ตะบันใช้นักเตะชุดที่ดีที่สุดเหมือนหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา

และหากหวยออกที่ชอยส์แรกล่ะก็ ใครกันที่จะกลายเป็น “จอมทัพคนใหม่” ให้กับทีม "ช้างศึก" เพื่อเป้าหมายคือครองบัลลังก์แชมป์ “อาเซียน” ให้ได้ และสร้างทางเลือกผู้เล่นใหม่ๆ ไว้สำหรับทัวร์นาเม้นท์สำคัญอื่นๆ ต่อไป