"ราเยวัช" ตัวช่วย "กิเลนผยอง" พ้นวิกฤต
ยคนสงสัยคือการคัมแบ็คสู่เมืองไทยครั้งนี้อาจมีนัยยะแอบแฝงอยู่ โดยเฉพาะเรื่องการเข้ามาเป็นตัวแทนของ “มาริโอ ยูรอฟสกี้” ซึ่งชะตากรรมใกล้ขาดสะบั้นเต็มที หลังพาทีมชนะเกมเดียวจาก 5 เกมหลังสุด
แต่ทางบอร์ดบริหาร “คุณวิลักษณ์ โหลทอง” ประธานสโมสรยืนยันชัดเจนว่าการมาของ “ราเยวัช” เป็นความต้องการของ “มาริโอ” เองที่ต้องการที่ปรึกษา ไม่ได้ดึงมาเป็นกดดันแต่อย่างใด
เพราะหากไม่การขยับเปลี่ยนแปลง สภาพทีมอาจวิกฤตไปกว่านี้
โดยเฉพาะ 3 เกมล่าสุดไม่ชนะใครและโดนยิงไปถึง 9 ประตูและยิงได้เพียง 2 ประตู นั่นเป็นการบ่งบอกได้ชัดเจนว่าพวกเขามีปัญหาทั้งเกมรับและเกมรุก
ซึ่งในฤดูกาลนี้ “เมืองทอง” เสียไป 13 ประตู มากสุดเป็นอันดับ 2 ของลีก เท่า พีที ประจวบ
ขณะที่เกมรุกที่เคยดุดัน เป็นจุดขาย ผ่านมาถึงตอนนี้พวกเขาทำได้เพียง 7 ประตู จาก 7 นัด เรียกได้ว่าเฉลี่ยแล้ว ยิงนัดละ 1 ประตูเท่านั้น เป็นสถิติยิงน้อยที่สุดเป็นอันดับ 4 ของศึกรีโว่ไทยลีก
ที่สำคัญอันดับบนตารางคะแนนพวกเขายังนำห่างโซนตกชั้นอยู่เพียงแค่ 3 แต้มเท่านั้น เชื่อว่าประสบการณ์อันโชกโชนของ “ราเยวัช” น่าจะช่วยทีมให้ดีขึ้นได้ไม่มากก็น้อย
โดยเฉพาะแท็คติคอันหลากหลายของ “ราเยวัช” ที่ไม่ได้มีดีแค่เกมรับ เพราะตอนคุมทีมชาติไทย เขาพาทีมยิงไปถึง 33 ประตูจาก 18 นัดเลยทีเดียว
นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่าง “ราเยวัช” กับ “มาริโอ” ยังแน่นปึ๊ก เพราะเคยร่วมงานกันที่สโมสร “วอยโวดิน่า” ในลีกเซอร์เบีย เมื่อปี 2007
ยิ่งภาพการถ่ายสวมกอดกันอย่างอบอุ่นก่อน “ราเยวัช” จะเข้ามาคุมทีม “ช้างศึก” ยิ่งการันตีว่าทั้งคู่น่าจะไปได้สวยในการทำงานร่วมกัน ซึ่งคาดว่า “ราเยวัช” จะเริ่มทำงานในเกมที่ “กิเลนผยอง” จะรับการมาเยือนของ “การท่าเรือ เอฟซี” ในวันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคมนี้ที่สนามธันเดอร์โดม
แต่เชื่อว่านี่จะเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในระยะสั้นเท่านั้น เพราะหากเจาะลึกรายละเอียดต้องยอมรับจริงๆ ว่าคุณภาพของนักเตะ” เมืองทอง” เองก็ยังไม่ดีพอ เมื่อเทียบกับบิ๊กทีมอื่นๆ อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด, ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และการท่าเรือ เอฟซี
ดังนั้นหากต้องการทำให้ทีมคืนฟอร์มเก่งให้เร็วกว่านี้ รวมถึงต้องการไล่ล่าแชมป์ลีกคืนมา ในช่วงเปิดตลาดซื้อขายนักเตะเลก 2 บอร์ดบริหารต้องเดินหน้าซื้อนักเตะมาเสริมทัพเพิ่ม โดยเฉพาะ “กองหน้าตัวเป้า” ที่กลายเป็นปัญหาเรื้อรังนับตั้งแต่ปล่อย “แดร์เลย์” ออกไป
ยิ่งปีนี้ต้องเสีย “วิลเลียม พ็อพพ์” ไปอีก ยิ่งเห็นได้ชัดเจนว่าประสิทธิภาพการในยิงประตูของทีมลดฮวบลงไปอีกโข
นั่นคือสิ่งที่ต้องปรับปรุงควบคู่กันไป เพราะต่อให้เปลี่ยนโค้ช แต่คุณภาพนักเตะยังเหมือนเดิม คงยากที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นทันควัน