:::     :::

คุยกับมาสเซอร์ธร : วิเคราะห์ 3 แข้งไทยตะลุยเจลีก

วันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2561 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
7,460
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลังจากประเดิมนัดแรกในเจลีก ไปแล้ว 3 แข้งไทยอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน และ ชนาธิป สรงกระสินธุ์ ผลงานและสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างในมุมมองของ "มาสเซอร์ธร" ธร สอระภูมิ เฮดโค้ชรร.อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด ผู้เคยขัดเกลาและคลุกคลีกับทั้ง 3 คนตั้งแต่สมัยเล่นบอลขาสั้น ลองติดตามกันได้จากบทสัมภาษณ์นี้

"มาสเซอร์ธร" แห่งรร.อัสสัมชัญ ธนบุรี

แมน : สวัสดีครับพี่ธร ผมอยากจะขอให้พี่วิเคราะห์ผลงานและสถานการณ์ของ มุ้ย, อุ้ม, เจ หลังประเดิมเกมแรกในเจลีกฤดูกาลใหม่กันไปแล้วครับ 

มาสเซอร์ธร : ได้เลยครับแมน

แมน : มุ้ยกับอุ้มนี่ถือว่าเป็นศิษย์เก่าของพี่ธรโดยตรงใช่มั้ย ครับ แล้วเจนี่เห็นว่าก็เคยมาคัดตัวกับพี่ที่อัสสัมชัญเหมือนกัน

มาสเซอร์ธร : ใช่ครับ มุ้ยกับอุ้มเป็นเด็กรร.อัสสัมชัญ ธนบุรี อุ้มเป็นรุ่นน้องมุ้ยอีกที ส่วนเจ เคยมาคัดตัวอยู่ซึ่งพี่ก็ชอบนะแต่ตอนนั้นทีมได้นักเตะครบโควตาแล้วเจตัวเล็กกว่าเพื่อนเลยไม่ได้ติดทีม แต่พี่ก็แนะนำต่อไปให้ อ.โอ๋ (ไพศาล ศรีอุ่นดี) ของพณิชยการราชดำเนิน และเวลาบอลนักเรียนเจอกันก็เห็นเจมาตลอดตั้งแต่เด็กๆ ครับ

แมน : พี่ได้ดูเกมแรกของทั้ง 3 คนในเจลีกใช่มั้ยครับ

มาสเซอร์ธร : เจกับมุ้ยได้ดูเต็มเกมนะ ส่วนอุ้มไม่ได้ดู แต่มาดูไฮไลท์ทีหลัง

แมน : อุ้มได้ลง 15 นาที ไฮไลท์ก็คงเก็บมาครบทุกจังหวะแล้วน่าจะวิเคราะห์ได้เนาะพี่ งั้นเอาเป็นเริ่มจากอุ้มก่อนแล้วกันครับ พี่ธรคิดว่าเป็นยังไงบ้างกับเกมแรก

มาสเซอร์ธร : ก็ถือว่าใช้ได้เลยนะ เพราะลงมาแล้วก็ได้รับความไว้วางใจให้เตะลูกนิ่งทั้งฟรีคิกและเตะมุมเลย ฟรีคิกก็เกือบเข้า ส่วนเตะมุมหรือลูกครอสก็เปิดได้เข้าเป้าซึ่งนั่นเป็นทีเด็ดของอุ้มอยู่แล้ว การที่ โพโดลสกี้ ปล่อยให้อุ้มเป็นคนเตะฟรีคิก แสดงว่าเขาต้องเห็นอะไรในตัวอุ้มตั้งแต่ตอนซ้อมแล้วล่ะ

แมน : อืมใช่พี่ โพโดลสกี้ พูดอะไรไม่รู้แหละ แต่ก็คงบอกให้อุ้มเป็นคนเตะ ซึ่งปกติแล้วนักเตะระดับนี้เขาไม่ค่อยยอมให้ใครแย่งเตะแล้วนะ เพราะตอนนั้นสกอร์ตามหลังแถมเวลาเหลือน้อยด้วย ผมเคยดูคลิปตอนที่ซ้อมฟรีคิกกัน อุ้มก็ถือเป็นคนที่เตะแม่นที่สุดในทีมแล้วมั้งพี่

ลูกพี่ใหญ่อย่าง โพลดี้ ยังหลีกทางให้ "อุ้ม" ซัดฟรีคิก

มาสเซอร์ธร : ครับเพราะนั่นเป็นทีเด็ดของอุ้ม ทางทีมโกเบเขาก็รู้อยู่แล้วจึงต้องให้ซ้อมลับคมให้เต็มที่นั่นแหละ

แมน : ผมนึกไม่ออกเลยนะว่าตอนอยู่เมืองทอง อุ้มยิงฟรีคิกเข้าประตูครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ยิ่งพอ เฮแบร์ตี้ มาส่วนมากก็จะเป็นเฮแบร์ตี้ที่ยิง ถ้าเป็นสมัยอยู่บุรีรัมย์ยังเห็นบ่อยหน่อยในการยิงประตูได้จากฟรีคิก

มาสเซอร์ธร : อาจจะเพราะไม่ได้ซ้อมฟรีคิกเยอะเหมือนตอนอยู่บุรีรัมย์ ตอนนั้นเขาจับอุ้มซ้อมตลอดแล้วก็มีเกมเดิมพันเล็กๆ น้อยๆ เป็นการจูงใจยิงเข้าได้เงินยิงไม่เข้าเสียเงินอะไรแบบนั้น พอมาอยู่เมืองทอง ยิ่งมีเฮแบร์ตี้ อุ้มก็อาจจะห่างหายจากการเตะฟรีคิกไปบ้าง ความเฉียบคมก็เลยหายไป แต่พอไปญี่ปุ่นเขาต้องจับอุ้มซ้อมลูกนิ่งซ้อมลูกครอสหนักแน่นอน

แมน : ปกติแล้วคนที่รับหน้าที่เล่นลูกนิ่งจะมีอิทธิพลต่อทีมสูง และมีโอกาสเป็นตัวจริงมากขึ้น พี่ธรคิดว่ามันจะเป็นแบบนั้นกับอุ้มหรือเปล่าครับ

มาสเซอร์ธร : แน่นอนแหละ เพราะถือว่าเขามีทีเด็ด แต่คงต้องใช้เวลาสักพักในการปรับตัว ทางโค้ชเขาก็คงอยากให้ค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากลงเล่นเป็นตัวสำรองไปก่อนสักพัก

แมน : ช่วงที่อุ้มลงมาเป็นช่วงที่ทีมโหมบุกหนักเพื่อหวังตีเสมอ แล้วกองหน้าก็เป็นประเภทจ้าวเวหา (ไมค์ ฮาเวนาร์) แบบนี้เกมต่อๆ ไป อุ้มมีลุ้นออกสตาร์ทตัวจริงเลยมั้ย เพราะเห็นแล้วว่าอุ้มครอสบอลหรือเล่นเกมบุกได้ดีกว่า วาตารุ ฮาชิโมโตะ ที่เป็นตัวจริง

มาสเซอร์ธร : มาสเซอร์ก็คิดว่าคงจะเป็นเกมในบ้านนั่นแหละที่จะมีโอกาส เพราะเวลาเล่นเกมเยือนทีมเขาจะเน้นเกมรับก่อน อุ้มเองเป็นคนที่เล่นเกมรับได้ไม่ดีเท่าไหร่ การปิดลูกครอสหรือช่วยป้องกันลูกกลางอากาศยังเป็นจุดอ่อนของเขา แต่ถ้าเป็นเกมที่ต้องการ 3 แต้ม อุ้มก็น่าจะมีโอกาสได้เล่นมากขึ้น

แมน : ฤดูกาลก่อนตอนที่อุ้มยังไม่ได้ย้ายมา โกเบค่อนข้างมีปัญหาที่วิงแบ็กซ้ายนะครับ เพราะเป็นสไตล์รับ การทำเกมรุกทางริมเส้นภาระไปอยู่ที่ โพลดี้ ซะเยอะ โพลดี้เองก็ไม่ค่อยประสานกับเพื่อนเท่าไหร่ มาปีนี้พอได้ปลอกแขนกัปตันทีมดูเหมือนโพลดี้จะเล่นเป็นทีมมากขึ้น แต่ก่อนอุ้มจะลงก็ยังไม่เห็นเกมรุกทางซ้ายอยู่ดี มีแต่เทไปฝั่งขวาซะเยอะที่เติมขึ้นมาครอสตลอด

มาสเซอร์ธร : อาจเพราะเกมนี้เป็นนัดเยือนด้วยแหละ เขาเลยเอาแบ็กที่เล่นเกมรับดีๆ มีความสูงใหญ่ลงก่อน อุ้มเองลงมาก็ดูมีประโยชน์กับทีมมากนะ

แมน : คิดว่าคาแร็คเตอร์ของอุ้ม ที่ดูห้าวๆ ไม่กลัวใครในไทยลีก จะเป็นผลดีต่อการเล่นที่ญี่ปุ่นมั้ยครับ

มาสเซอร์ธร : อยู่ที่ว่าจะเอามาใช้ตอนไหนนะ ตอนอยู่ไทยบางทีอุ้มก็ติดโวยวายเพื่อนร่วมทีมเวลาทำเสีย ไปอยู่นู่นอาจจะยังทำไม่ได้ ส่วนความเป็นนักสู้อุ้มเขามีติดตัวมาตั้งแต่เด็กแล้ว อุ้มมันไม่กลัวใครและมันมีนิสัยไม่ยอมแพ้ด้วย ตอนเด็กๆ อุ้มตัวนิดเดียวแต่พอลงสนามอุ้มมันใจใหญ่มาก มาสเซอร์ว่าอุ้มผ่านอะไรมาเยอะ มั่นใจว่าเขาจะเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว

แมน : ผมสังเกตดูอุ้มแอคทีฟและมีความกระหายเวลาลงเล่นมากกว่าตอนอยู่ไทยอีก เป็นเพราะเขาต้องไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ในการพิสูจน์ตัวเองที่นั่นหรือเปล่า

มาสเซอร์ธร : แน่นอนครับ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่อุ้มออกไปเล่นลีกต่างประเทศ เขาต้องพยายามอย่างหนัก ยิ่งเริ่มต้นจากการเป็นตัวสำรองด้วยแล้ว เขาต้องแข่งขันกับเพื่อนร่วมทีมเพื่อแย่งตัวจริงให้ได้ มีความท้าทายที่เขาต้องเจออีกเยอะ ไม่เหมือนตอนอยู่ไทยที่ยังไงก็เป็นตัวจริง มีแต่คนส่งบอลให้เล่น ดังนั้นไปอยู่นั่นไม่ต้องห่วงเรื่องความกระหายของอุ้มเลย

แมน : แล้วแบบนี้โอกาสที่จะแทรกขึ้นมาเป็นตัวจริงเป็นยังไงบ้างครับ 

มาสเซอร์ธร : ก็คงต้องค่อยเป็นค่อยไปแหละ อาจจะสัก 3-4 เกม ถ้าวันไหนได้ลงตัวจริงแล้วทำได้ดี ยืนระยะให้ได้ตลอดทั้งเกมให้โค้ชและเพื่อนร่วมทีมได้เห็น ไม่ติดเล่นยากเหมือนตอนอยู่ไทย อุ้มก็น่าจะเบียดตัวจริงไหวอยู่

ให้ "โก๋อุ้ม" เสี่ยงทายกัน โคอิสึรุ ฟอร์จูน คุกกี้

แมน : มาที่ เจ บ้างครับ ผมเคยคิดว่าการที่ คอนซาโดเล ซัปโปโร เปลี่ยนโค้ชจาก ชูเฮ โยโมดะ มาเป็น มิไฮโล เปโตรวิช ที่เล่นบอลกับพื้นมากขึ้นจะเข้าทางเจ แต่เกมแรกกลายเป็นว่าเจกลับเงียบยิ่งกว่าเดิม

มาสเซอร์ธร : เจต้องปรับสไตล์การเล่นบ้าง ต้องแสดงให้เห็นว่ามีทีเด็ด เพราะคนเป็นโค้ชการจะส่งใครลงสนามถ้าไม่มีอะไรเป็นทีเด็ด เขาก็ต้องมองหาคนอื่นลงเล่นแทนอยู่แล้ว

แมน : เป็นเพราะทีมได้ โคจิ มิโยชิ (เบอร์ 41) เข้ามาใหม่แล้วสไตล์คล้ายๆ เจหรือเปล่าครับ ผมสังเกตว่า มิโยชิ มีการทะลุทะลวงและประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้มากกว่าเจ รูปร่างก็พอๆ กัน บทบาทของเจก็เหมือนไปซ้ำกับ มิโยชิ 

มาสเซอร์ธร : ใช่มาสเซอร์ก็ดูอยู่นะ เบอร์ 41 เขาเล่นได้โดดเด่นเลย แล้วการเล่นหน้า 3 คนมี เจย์ โบธรอยด์ เป็นหน้าเป้า ถ้าหาก เจ เล่นได้ไม่แตกต่างหรือสร้างประโยชน์ให้เกมรุกไม่ได้ เขาก็อาจจะมองหาตัวจบสกอร์เพิ่มอีกคน เพราะ เบอร์ 41 เขาทำหน้าที่ในแบบที่เจเคยทำได้ไปหมดแล้ว

แมน : เปลี่ยนสไตล์ที่ว่าคือยังไงครับ

มาสเซอร์ธร : ก็ต้องกล้าเลี้ยงกินตัวบ้าง ไม่ต้องแปะบอลคืนบ่อยเกินไป หาโอกาสสอดเข้าไปในกรอบเขตโทษเพื่อทำประตูบ้าง คือพอมีเบอร์ 41 แล้ว เขาทำเกมได้แถมเข้าไปเล่นในกรอบเขตโทษด้วย เจก็ต้องมีทีเด็ดให้โค้ชเห็น ต้องกล้ายิงกว่านี้ ยิงให้แรงไปเลย เจมีข้อเสียคือไม่ค่อยทำประตูเอง ถ้าไม่อยากเสียตำแหน่งตัวจริงไป ต้องมีลูกพลิกแพลงให้คู่ต่อสู้กังวลมากกว่าแค่พลิกบอลหรือเปลี่ยนแกน ทีมเขามี โบธรอยด์ ที่พักบอลและจบสกอร์แล้ว มีวิงแบ็กคอยเติมด้านข้าง มีเบอร์ 41 ที่คอยทำเกมผ่านบอลและเลี้ยงกินตัว ดังนั้นเจต้องมีอะไรที่แตกต่างจากพวกนี้บ้าง

แมน : ผมพอจะนึกภาพออกว่า โจนาธาน เฮส อาจจะมีโอกาสเบียดเจ เพราะเขาจบสกอร์หรือเลี้ยงกินตัวได้ และสามารถเล่นด้านข้างได้ด้วย

มาสเซอร์ธร : ใช่ มาสเซอร์ก็ยังมองว่าเกมที่จะกลับมาเฝ้าบ้าน โค้ชเขาอาจปรับมาใช้ระบบกองหน้า 2 คนแล้วตำแหน่งของเจก็สามารถให้เบอร์ 41 เล่นแทนได้

โคจิ มิโยชิ ดีกรีติดเยาวชนทีมชาติญี่ปุ่นทุกรุ่น โชว์ฟอร์มเด่นเหลือเกิน

แมน : พี่ธรกำลังมองว่าสถานการณ์ตัวจริงของเจกำลังสั่นคลอนรึเปล่า 

มาสเซอร์ธร : ถ้าเทียบกัน 3 คนนี้ มาสเซอร์ว่าเจน่าเป็นห่วงที่สุดแล้วล่ะ เพราะเขาเป็นที่รู้จักของนักเตะญี่ปุ่นแล้ว รู้แล้วว่าเล่นยังไง ได้บอลแล้วจะทำอะไรต่อ พอเริ่มจับทางได้แล้วก็ยากที่เจจะทำแบบเดิมๆ ได้ ดังนั้นต้องกล้าเล่นมากขึ้นกว่าเดิม

แมน : พูดถึงคาแร็คเตอร์ของเจ ที่เป็นคนสบายๆ ขี้เล่น ปีที่แล้วเราคุยกันว่าเป็นผลดีที่ทำให้เข้ากับคนอื่นได้ง่าย มาปีนี้ยังเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่าครับ

มาสเซอร์ธร : ก็อาจจะดีสำหรับบางคน แต่บางคนที่เขาซีเรียสเขาอาจจะไม่ฮาด้วยก็ได้นะ บางคนอาจจะมองไปว่าติดเล่นนอกสนาม พอลงไปเล่นแล้วก็ไม่เห็นมีอะไร มันจะกลายเป็นความน่าเกรงขามลดหายไป นอกสนามเป็นคนขี้เล่นเป็นคนตลกเฮฮา เพื่อนที่ชอบเขาก็ชอบแหละ แต่คนไม่ชอบอาจจะไม่แสดงออกแต่เราจะไปเห็นที่ความไว้วางใจเวลาลงสนามมากกว่า

แมน : ปีนี้เป็นปีที่ยากขึ้นสำหรับเจเลยนะครับ ความคาดหวังสูงขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงโค้ช แล้วเรื่องสภาพจิตใจมีผลมั้ยครับ

มาสเซอร์ธร : ไม่น่ามีนะ เจเป็นคนที่พอลงเล่นแล้วเขาจะมีสมาธิกับเกม เจก็ต้องพยายามปรับตัวเข้ากับแท็กติกของโค้ชใหม่ ปรับตัวเข้ากับการถูกจับตายของคู่ต่อสู้ แต่มาสเซอร์มองว่าเจเขาเจอดูถูกมาตลอด เขาสู้มาเยอะ และก็เป็นคนที่จิตใจแข็งแกร่งมาก เขาเอาชนะอุปสรรคมาได้ตลอด ยังไงมาสเซอร์ก็ยังมั่นใจว่าเจจะผ่านไปได้

"พี่มุ้ย" กับ "น้องเจ" เผชิญหน้ากันในเจลีกตั้งแต่เกมแรก

แมน : พูดถึงมุ้ยกันบ้างพี่ ลงเล่นเกมแรก ทำประตูแรกเป็นประตูชัยให้ ซานเฟรชเช่ ฮิโรชิม่า แล้วก็ได้เป็นแมนออฟเดอะแมตช์เลย 

มาสเซอร์ธร : มุ้ยเล่นเข้าขากับเพื่อนร่วมทีมมากนะ เขาดูเซนส์บอลทันกัน จะเห็นได้ว่ามุ้ยแทบไม่เสียบอลเลย กับกองหน้าต่างชาติ (พาทริค) ก็ประสานงานกันได้ดีมาก บอลเท้าสู่เท้าของทีมนี้แม่นยำมากเลย

แมน : เป็นเพราะประสบการณ์ที่มุ้ยเคยเจอมาทั้งสมัยไปแมนฯซิตี้, กราสช็อปเปอร์ ซูริค รวมทั้ง อัลเมเรีย หรือเปล่าครับ ที่ทำให้มุ้ยไม่กลัวการเพรสซิ่งของบอลเจลีกเลย

มาสเซอร์ธร : ใช่ไม่กลัวเลย มาสเซอร์ว่ามีส่วนนะ เพราะกองหลังในสเปนน่าจะโหดกว่าที่ญี่ปุ่นอีก เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์มากที่สุดใน 3 คนนี้ และพอได้รับความไว้วางใจประสานงานกับเพื่อนได้ตามแท็กติกก็ทำให้ปรับตัวได้ง่าย

แมน : ที่เพื่อนไว้ใจ เป็นเพราะความอาวุโส, ดีกรีอดีตนักเตะลาลีกา หรือเพราะฝีเท้าที่เห็นกันในตอนซ้อมครับ

มาสเซอร์ธร : มุ้ยนี่ก็แทบจะเป็นกลุ่มนักเตะอาวุโสที่สุดของทีม การเคยเล่นในลาลีกาก็ถือเป็นดีกรีที่ได้รับความเคารพ ส่วนการซ้อมมาสเซอร์คิดว่าทั้งโค้ชและเพื่อนร่วมทีมคงจะเห็นแล้วล่ะว่ามุ้ยคลาสบอลเล่นกับเพื่อนร่วมทีมได้ เหมือนเวลาเราเตะบอลกับเพื่อนๆ แล้วเราก็จะรู้่ว่าไอ้คนนี้มันเล่นยังไง ให้บอลไปแล้วมันไม่ทำเสีย แถมเอาไปยิงประตูได้ แบบนี้เพื่อนก็จะไว้ใจไปเอง ยิ่งในทีมไม่ใช่แค่มุ้ยกับกองหน้าบราซิลนะ คนอื่นๆ ทั้งกองกลาง, กองหลัง, วิงแบ็ก ก็เล่นกับมุ้ยได้หมด ทักษะเขาดีกันทั้งทีม เรียกว่าเซนส์บอลทันกันหมด แบบนี้เราคงได้เห็นมุ้ยยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าปรับตัวเข้ากันได้มากขึ้นอีก

แมน : ตอนอยู่ไทยผมแทบไม่เคยเห็นมุ้ยยิ้มแย้มหรือเล่นสนุกกับเพื่อนร่วมทีมเท่าไหร่เลย แต่เกมนี้ไม่ใช่ มุ้ยยิ้มแย้มตลอด ยิงประตูได้ก็ไปฉลองท่าดีใจประจำสโมสร เพื่อนร่วมทีมก็ดูจะดีใจมากที่มุ้ยทำประตูได้ ดูกลมกลืนเหมือนอยู่ด้วยกันมานาน

มาสเซอร์ธร : มุ้ยกำลังมีความสุขไง ไม่เหมือนตอนที่ไปสเปนที่เขาไม่ค่อยได้รับโอกาส พอมาอยู่ไทยเขาก็เป็นพี่ใหญ่ของทีม เขาได้มาหมดแล้วในประเทศความท้าทายก็คงไม่เท่าไหร่ แต่พอไปเล่นเจลีก ได้ลงเล่นแถมทำประตูได้ ตอนนี้มาสเซอร์มองว่า มุ้ยกำลังสนุกกับการเล่นฟุตบอลมากๆ 

แมน : แปลกใจมั้ยครับที่มุ้ยทำประตูได้จากการโหม่ง สมัยเด็กๆ จนขึ้นมาติดทีมชาติไทยช่วงแรกๆ ไม่ค่อยเห็นมุ้ยโหม่งทำประตู จะมีบ้างก็นานๆ ที

มาสเซอร์ธร : อืมใช่ๆ ตั้งแต่ที่อัสสัมชัญมุ้ยก็ไม่ค่อยโหม่งได้นะ ส่วนใหญ่จะยิงด้วยลูกเท้ามากกว่า แต่มุ้ยเขาเรียนรู้ตลอด เขาเก่งขึ้นเรื่อยๆ และไปญี่ปุ่นทีนี้มาสเซอร์ก็มองว่านอกจากมุ้ยจะใช้ประสบการณ์ที่มีอยู่แล้ว เขาจะยิ่งพัฒนาตัวเองมากขึ้นไปอีกด้วยนะ

แมน : ผมเคยคุยกับพ่อของมุ้ย (พ.อ.อ.ประสิทธิ์ แดงดา) เขาบอกว่าตอนเล่นในไทย มุ้ยเจ็บหลังทุกเกมเพราะเป็นตัวพักบอล แล้วกองหลังฝั่งตรงข้ามจะกระแทกหลังตลอด แต่ตอนนี้ซานเฟรชเช่ เขาให้ พาทริค เป็นตัวพัก แล้วให้มุ้ยเป็นคนคอยเก็บ ตรงนี้จะเป็นผลดียิ่งขึ้นสำหรับมุ้ยมั้ย

มาสเซอร์ธร : ใช่คือตอนทีมชาติไทย มุ้ยก็เป็นคนที่ประตูหรือกองหลังโยนบอลมาให้โหม่งหรือพักบอล ดังนั้นก็จะโดนกระแทกจากข้างหลังตลอด อยู่เมืองทองก็เหมือนกันเพราะตอนเล่นกับ เฮแบร์ตี้ หรือ อัสซัมเซา พวกนี้ก็ไม่ใช่ตัวเก็บบอล การที่มีกองหน้าตัวใหญ่ที่เล่นลูกกลางอากาศดีๆ มารับหน้าที่นี้แทนก็จะทำให้มุ้ยมีโอกาสหันหน้าหาประตู และวิ่งหาช่องได้มากขึ้น มุ้ยน่าจะยิ่งมีโอกาสยิงประตูมากขึ้นด้วย

"มุ้ย" และพาทริค กลายเป็นคู่หูแดนหน้าที่เข้าขากันอย่างรวดเร็ว

แมน : ขออ้างอิงอีกคน พี่เฮง (วิทยา เลาหกุล) เคยบอกผมว่า มุ้ย เป็นกองหน้าที่มีสถิติล้ำหน้าน้อยมาก ต่างจากกองหน้าไทยคนอื่นๆ ที่ถูกดักล้ำหน้าได้ง่าย

มาสเซอร์ธร : แน่นอนเพราะมุ้ยไม่ใช่กองหน้าที่จะวิ่งแลบตัดกับดักล้ำหน้าของไลน์แบ็ก เขาจะเป็นพวกที่เอาบอลลงแล้วยึกยักๆ ถ้าไม่จ่ายก็พาบอลไปต่อ แต่ถ้าเป็นกองหน้าไทยคนอื่นๆ มักจะเป็นพวกที่ใช้สปีดความเร็ววัดกับกองหลัง อย่าง กอล์ฟ (อดิศักดิ์ ไกรษร) ก็เป็นประเภทนั้นถึงได้ล้ำหน้าเยอะกว่า

แมน : ตอนแรกเราค่อนข้างเป็นห่วงคาแร็คเตอร์ของมุ้ยมากที่สุดใน 3 คนนี้เลยนะครับ เพราะใครๆ ก็บอกว่ามุ้ยเป็นคนเงียบขรึม และดูเหมือนเฉื่อยๆ ไม่ค่อยกระตือรือล้น แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ามุ้ยได้รับความไว้วางใจมากที่สุด แถมยังดูเหมือนกลายเป็นกลุ่มหัวโจกของทีมไปแล้วด้วยซ้ำ

มาสเซอร์ธร : จริงๆ แล้วมุ้ยเขามีหลายคาแร็คเตอร์นะ ถ้าสนิทกับใครก็มีหยอดมุกมีคุยเล่น บางอารมณ์ก็ดูเงียบขรึม ซึ่งการเป็นนักเตะอาวุโสของทีม บุคลิกแบบนี้มันอาจจะเป็นผลดีนะ เพราะให้เล่นก็ได้บทจะเอาจริงเอาจังก็มี ความเกรงใจของเพื่อนร่วมทีมก็อาจจะมากกว่าที่มีกับเจ คือวุฒิภาวะของมุ้ยเขาดูเป็นผู้ใหญ่น่าเกรงขาม ยิ่งพอเข้ากับกลุ่มหัวโจกของทีมได้ก็สบายเลย ตอนนี้พี่ว่าพวกสื่อของญี่ปุ่นเขาจะหันมาจับตามองมุ้ยมากกว่าเจหรืออุ้มแล้วนะ เพราะมุ้ยเขามีพร้อมทั้งฝีเท้า, ประสบการณ์ และวุฒิภาวะความเป็นผู้นำ

แมน : เพื่อนร่วมทีมในเจลีกมีตัวเปิดบอลแม่นๆ ศักยภาพโดยรวมก็น่าจะดีกว่าที่ไทย พี่ธรคิดว่ามุ้ยจะยิงได้ถึงเลข 2 หลักมั้ยครับ

มาสเซอร์ธร : อืม ก็ถ้าได้ลงตัวจริงแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็มีโอกาสนะ เพราะโดยตำแหน่งและบทบาทแล้วมุ้ยจะเป็นตัวที่เพื่อนคอยสร้างโอกาสให้มากกว่าอยู่ที่ไทยอีก 

แมน : มุ้ยเคยยิงประูตูในไทยลีกได้มากที่สุด 24 ประตู แต่ละปีก็ประมาณ 10 ประตูบวกลบ ระดับของกองหลังในเจลีกน่าจะแกร่งกว่าบ้านเรานะครับ

มาสเซอร์ธร : ก็ต้องอยู่ที่โอกาสลงสนามแหละ นี่เพิ่งเกมแรกยังวัดอะไรได้ไม่มากทั้ง 3 คนเลย ถ้าเจอทีมชั้นนำยิ่งกว่านี้อาจจะไม่ได้มีโอกาสยิงประตูบ่อยๆ แล้วการเป็นเกมแรกกองหลังเขายังไม่ค่อยรู้ทาง ถ้าผ่านไปสักครึ่งฤดูกาล หรือเอาสัก 4-5 เกม มุ้ยก็คงเริ่มถูกจับตามองมากขึ้น นี่นัดแรกทำประตูได้ เกมต่อไปก็ต้องโดนประกบมากขึ้นอยู่แล้ว ลองดูกันไปก่อนถ้ารักษาความต่อเนื่องได้ก็น่าจะทำประตูได้เยอะแหละ

หวังว่าคงจะได้เห็น "มุ้ย" โชว์ท่าแผลงศรแบบนี้บ่อยๆ 

แมน : สถานการณ์ต่างกันเลยนะพี่ มุ้ย, อุ้ม, เจ ตามที่คุยกับพี่มา มุ้ย มีภาษีดีุสุดและสิ่งที่ต้องทำคือรักษามาตรฐาน อุ้มต้องพิสูจน์ตัวเอง, พัฒนาเกมรับและขัดเกลาทีเด็ดของตัวเองให้เฉียบคม ส่วนเจต้องปรับเปลี่ยนสไตล์ เพิ่มทีเด็ดให้ตัวเอง และสร้างความแตกต่างในทีมให้ได้ กลายเป็นว่าคนที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ เจ ที่อยู่มาก่อนพี่ๆ 

มาสเซอร์ธร : แน่นอนครับ เพราะเจเป็นที่รู้จักแล้ว เขาศึกษาวิธีการเล่นของเจ แต่มาสเซอร์ก็ยังมองว่าทั้งสามคนมีโอกาสที่ดีนะ อย่างที่บอกแหละนี่เพิ่งเกมแรกอย่าเพิ่งไปตัดสินอะไร นัดนี้ไม่ดีนัดหน้าอาจจะดี นัดนี้ดีนัดหน้าอาจจะทำอะไรไม่ได้ ต้องดูไปสักพักก่อน  

แมน : โอเคครับพี่ วันนี้คุยกันนานมากๆ ขอบคุณมากนะพี่ ไว้คราวหน้าผมโทรมาคุยใหม่นะครับ

มาสเซอร์ธร : ยินดีเลยครับแมน


ถ้าชอบก็กดไลค์ ถ้าใช่ก็กดแชร์ แล้วอย่าลืมให้เครดิตกันด้วยนะ (แมน โกสินทร์ อัตตโนรักษ์)


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด