:::     :::

การกลับมาสู่ทัพ "ช้างศึก" ด้วยฝีเท้าของ "นิวฉ่ำ"

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2565 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
1,602
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ย้อนกลับไปในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่มจี เมื่อเดือน มิ.ย. 2021 นั่นคือเกมสุดท้ายที่ชื่อของ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี เข้าไปอยู่ในลิสต์ของทีม ภายใต้การคุมทีมของ อากิระ นิชิโนะ

ก่อนที่เขาจะไม่มีส่วนกับทีมอีกเลย โดยเฉพาะในยุคที่ มาโน โพลกิ้ง เข้ามาคุมทีม และสามารถพาทีมคว้าแชมป์อาเซียน คัพ 2020 ได้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามด้วยความที่เป็นนักเตะที่มีความเป็น “มืออาชีพ” ในการก้มหน้าทำงานอย่างหนัก

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเป็นแชมป์เลกแรกไทยลีก 2022/2023 ของทางฝั่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เจ้าของค่าตัว 10 ล้านบาท ที่ย้ายมาจาก สมุทรปราการ ซิตี้ มีส่วนร่วมกับทีมไม่น้อย จากสถิติการลงสนาม 11 นัด ยิง 1 ประตู พร้อมกับทำไป 2 แอสซิสต์


สิ่งที่เขาพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก ก็คือ การเป็นตัวคัฟเวอร์ให้กับ ธีราทร บุญมาทัน ในการคุมจังหวะ เพราะ “โก๋อุ้ม” จะมีหน้าที่เปิดฉากเกมรุก ไม่ว่าจะวางบอลยาว หรือแทงบอลทะลุช่อง แต่ “นิวฉ่ำ” จะเป็นคนลงมาล้วงบอล คอยเก็บกวาดให้เดินงานสะดวกขึ้น

ด้วยผลงานที่ออกมาเห็นได้ชัดว่า เขาเปลี่ยนบทบาทจากตัวปั้นเกม หรือ “เพลย์เมกเกอร์” ที่เคยเป็นให้กับ “เขี้ยวสมุทร” มาเป็นตัวคอยซัพพอร์ต พร้อมหาจังหวะวางบอลแม่นๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา ซึ่งช่วยให้เขามีความโดดเด่นไปอีกแบบ แม้ว่าจะอยู่หลังฉากก็ตาม

“นิวฉ่ำ” อาจจะมีสไตล์ที่ต่างจาก “คุณพ่อประภาส” ที่จัดว่าเป็นนักเตะกองกลางตัวรุกสไตล์คลาสสิคในยุคปลาย 80 ถึงต้น 90 ซึ่งรายล้อมไปด้วยมิดฟิลด์ฝีเท้าเด่นระดับทวีปเอเชียไม่ว่าจะเป็น เฉลิมวุฒิ สง่าพล, วรวรรณ ชิตะวณิช,อรรถพล ปุษปาคม,ไกรพล สุนทรพฤกษ์ ฯลฯ


ทว่าการที่เขาผ่านร้อนผ่านหนาว ทั้ง จามจุรี ยูไนเต็ด จนกลายเป็นเป็นกองกลางสมัยใหม่มักจะได้รับคำสั่งโค้ชให้ถอยมาช่วยตัดเกมแบบ BOX TO BOX ซึ่งสไตล์การเล่นจะดุดัน ก่อนโยกไปคว้าแชมป์ไทยลีก 2016 ครั้งแรกในชีวิตกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด

หลังจากนั้นถูกปล่อยตัวไปอยู่กับทีมในเครืออย่าง พัทยา ยูไนเต็ด แม้เวลาต่อมาได้มีกลุ่มผู้บริหารใหม่มาเทคโอเวอร์ไปเป็นทีม สมุทรปราการ ซิตี้ แต่ด้วยความสามารถของตัวเอง เขาถูก มิโลวาน ราเยวัช เรียกมาติดทีมชาติไทยครั้งแรกในเกมอุ่นเครื่องกับ อุซเบกิสถาน 

ยิ่งเล่นยิ่งดีอย่างต่อเนื่องกับ “เขี้ยวสมุทร” ทำให้ มิโลวาน ราเยวัช เรียกเขาเข้ามาติดทีมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเวลานั้น "นิว" เองก็ได้สัมผัสประสบการณ์ในรายการใหญ่อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก รวมถึง ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ 


จนมาถึงจุดทีเปลี่ยนครั้งสำคัญ คือ การเข้ามาทำทีม สมุทปราการซิตี้ ของ มาซาทาดะ อิชิอิ ที่ลือเรื่องในการปั้นนักเตะ จากการที่เคยเนรมิต คาชิมา แอนท์เลอร์ส คว้าแชมป์เจลีก คัพ 2015, คว้าดับเบิ้ลแชมป์ (แชมป์เจลีก+แชมป์เอ็มเพอเรอร์ คัพ ปี 2016) อีกทั้งยังคว้าตำแหน่งผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปี 2016 รวมถึงพาทีมคว้ารองแชมป์ฟุตบอลสโมสรโลกอีกด้วย

ในฤดูกาล 2020/2021 "มาซะ" ย้ายมารับงานคุมทีมในเมืองไทยครั้งแรกกับ สมุทรปราการ ซิตี้ ก่อนพาทีมจบอันดับที่ 6 ของตาราง ซึ่งเป็นซีซั่นที่เขาทำให้ “นิวฉ่ำ” พัฒนาขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ก่อนที่ทีมต้องขายไปให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพราะด้วยพิษการเงินเล่นงานทีม 


อย่างไรก็ตามเขาทั้งสองคนก็ได้กลับมาร่วมงานกันที่รัง “ปราสาทสายฟ้า” เมื่อซีซั่นที่แล้ว พร้อมกับพาทีมคว้าทริปเปิ้ล แชมป์ ได้อีกด้วย ซึ่งเราได้เห็นชัดเจนว่า พีรดนย์ นั้นพัฒนาตัวเองขึ้นมามากขนาดไหน 

จน มาโน โพลกิ้ง กุนซือทีมชาติไทย ก็ไม่อาจมองข้ามฟอร์มอันยอดเยี่ยมของเจ้าตัวได้ไหว จัดการดึงเข้ามาสู่ทัพ “ช้างศึก” ชุดป้องกันแชมป์อาเซียน คัพ 2022 โดย “นิวฉ่ำ” เปิดใจแบบสั้นๆว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติทุกครั้งที่ได้รับใช้ชาติ มีความสุขมากที่อยู่ตรงนี้ หลังจากที่หายไปก็ทำงานตลอดเวลาเพื่อให้ได้กลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง”


ถือว่านี่เป็นอีก 1 นักเตะ ที่คัมแบ็คสู่ทีมชาติไทย ด้วยการใช้ฝีเท้ากลบทุกเสียงที่วิจารณ์

เชื่อเหลือเกินว่าเขาจะเป็นขุนพลชั้นเยี่ยมที่ทีมจะขาดไปไม่ได้อย่างแน่นอน สำหรับการป้องกันบัลลังก์ “เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเลคทริค คัพ 2022” หนนี้


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด