:::     :::

เทพนิยาย ลา ซามพ์ กับตำนานที่ชื่อ จานลูก้า วิอัลลี่

วันอาทิตย์ที่ 08 มกราคม 2566 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
620
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หากย้อนไปถึง 30 ปีก่อนหน้านี้ เด็กรุ่นหลังอาจแทบไม่เคยทราบมาก่อนแน่ ๆ ว่า ทีมเล็ก ๆ ที่ชื่อ ซามพ์โดเรี​ย นั้น เคยอหังการ์ขนาดคว้าแชมป์ลีกมาครอง แถมยังเคยเข้าชิงถ้วยยุโรปมาแล้ว โดยมี จานลูก้า วิอัลลี่ เป็นสตาร์ดังประจำทีม

ในอดีตที่ผ่านมา ซามพ์โดเรีย ไม่เคยคว้าแชมป์ลีกได้เลยสักครั้ง จนกระทั่งในยุคทองของพวกเขาที่มี จานลูก้า วิอัลลี่ กับ โรแบร์โต้ มันชินี่ เป็นคู่หัวหอกนั่นแหละ ยอดทีมอย่าง ลา ซามพ์ ถึงบินสูงจนมีลุ้นแชมป์เป็นครั้งแรกในฤดูกาล​ 1990-91


ย้อนเวลากลับไปยังปีดังกล่าว การแข่งขัน กัลโช่ เซเรีย อา งวดเข้ามาเหลือแค่ 3 นัดสุดท้าย ซามพ์โดเรีย ในเวลานั้นเป็นจ่าฝูงของลีก ก่อนลงสนามในวันนั้น พวกเขามีแต้มนำผู้ไล่ล่าอย่าง อินเตอร์ มิลาน อยู่ 3 คะแนน และมันก็เป็นคิวที่เขาต้องยกพลออกไปเยือนเจ้า งูใหญ่ ที่ จูเซ็บเป้ เมียซซ่า พอดิบพอดีเสียด้วย


นับว่าหนักหนาเอาการเลยนะครับ เมื่ออีกฝั่งเต็มไปด้วยผู้เล่นชั้นอ๋องมากมาย โดยเฉพาะ "3 ทหารเสือด๊อยช์" ที่มีทั้ง โลธาร์ มัทเธอุส, เจอร์เก้น คลินส์มันน์ และ อันเดียส เบรห์เม่ ที่พึ่งพกพาตำแหน่งแชมป์โลกติดตัวกันมาทุกคน


เมื่อเกมการแข่งขันเริ่มต้น ซามพ์โดเรีย สามารถเล่นตามเกมของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม รับลึก และรอจังหวะสวนกลับที่เพื่อกำราบเจ้าบ้าน ก่อนที่พวกเขาจะสามารถทำประตูออกนำได้สำเร็จในนาทีที่ 60 จากกองกลางตัวเก่งที่ชื่อว่า จูเซ๊ปเป้ ดอสเซน่า


ทว่า สำหรับเกมชี้เป็นชี้ตายแบบนี้ ประตูที่ 2 ของเกมคือจุดเปลี่ยนที่สำคัญมากกว่า ไม่ว่ามันจะมาจากฝั่งไหนก็ตาม มันมีส่วนชี้วัดตอนจบของเกมและอาจชี้ไปถึงตำแหน่งแชมป์เลยด้วยซ้ำ


"ผมจำได้ว่าเกมนั้นเราเล่นกันได้ไม่ดีเท่าไหร่ อาจจะด้วยประสบการณ์ในการลุ้นแชมป์ของพวกเราที่ไม่เขี้ยวเท่ากับ อินเตอร์ แต่วันนั้นต้องยอมรับว่านายประตูของเรา (จานลูก้า ปายูก้า ในวัย 24) ช่วยเซฟให้เราอย่างน้อยๆ ก็ 2-3 ครั้ง ก่อนที่ผมจะมายิงประตูที่ 2 ได้ก่อนหมดเวลา 14 นาที มันเป็นประตูที่ปลดความตึงเครียดของเราได้เป็นอย่างมาก พวกเราวิ่งกรูไปฉลองกับแฟนๆ ของเราที่ตามไปเชียร์ถึง มิลาน อย่างบ้าคลั่งสุดๆ ไปเลย"


วิอัลลี่ ดาวซัลโวสูงสุดของ กัลโช่ ในปีนั้นรำลึกความหลังของเกมดังกล่าว ซึ่งตัวเขาเองยอมรับว่ามันคือเกมที่บีบหัวใจที่สุด และยังเป็นเกมที่ตัดสินตำแหน่งแชมป์ได้โดยไม่ต้องรอจบฤดูกาล




ซามพ์โดเรีย ชนะ อินเตอร์ ไป 2-0 ซึ่ง วิอัลลี่ เลือกที่จะฉลอง สคูเด็ตโต้ ด้วยการย้อมผมสีทองลงสนามในช่วงเกมที่เหลืออีก 2 นัด ขณะที่ อินเตอร์ ยังเสียขวัญไม่เลิก หลังจากแพ้ ซามพ์โดเรีย ในบ้าน เกมต่อมาพวกเขายังออกไปพ่าย เจนัว เละเทะถึง 0-3 อย่างไม่น่าเชื่อ


ในฤดูกาลนั้น ซามพ์โดเรีย หวุดหวิดจะเป็น ดับเบิ้ล แชมป์ ด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดายที่เกมรอบชิง โคปา อิตาเลีย พวกเขาพ่ายให้กับ โรม่า ไป 2-4 โดยหมาป่าแห่งกรุงโรม ได้ รูดี้ โฟลเลอร์ รับบทฮีโร่ ยิงคนเดียว 2 ประตู ทั้งเหย้าและเยือน ส่งผลให้ ซามพ์โดเรีย ได้แค่ สคูเด็ตโต้ ไปประดับสโมสรเพียงแค่รายการเดียวอย่างน่าเจ็บใจ


1 ปีให้หลังจากนั้น จานลูก้า วิอัลลี่ สามารถพา ซามพ์โดเรีย ไปได้ไกลถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอล ยูโรเปี้ยน คัพ (ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่ใช้ชื่อนี้ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างในปัจจุบัน)


"ผมอยู่กับ ซามพ์โดเรีย มานานมาก และนี่คือเกมสุดท้ายของผมที่ เวมบลีย์" วิอัลลี่ กล่าวหลังจบเกมด้วยการพ่ายบาร์เซโลน่าไป 0-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ซึ่งแชมป์หนนั้น ยังเป็นแชมป์ยุโรปใบแรกของพลพรรคอาซูลกราน่าอีกด้วย


"มันเป็นสิ่งที่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าสโมสรเราจะมาไกลจนถึงรอบชิง ถ้วยยุโรปอยู่แค่เอื้อม ผมเองพลาดโอกาสทองในการยิงไป 2-3 ครั้ง เมื่อเกมจบลง ผมจำได้ว่าร้องไห้โฮเลยทีเดียว ผมฝันร้ายถึงเกมนั้นมาตลอด หวังให้เกมนั้นต้องเตะใหม่อีกรอบ เพื่อหยุดฝันร้ายนี้"


วิอัลลี่ จบเส้นทางการค้าแข้งกับเทพนิยาย ลา ซามพ์ หลังเกมกับ บาร์เซโลน่า ก่อนที่เขาจะย้ายไปอยู่กับ ยูเวนตุส พร้อมกับสมหวังเจ้าถ้วยหูโตในอีก 4 ปีต่อมา ซึ่งเกมนั้นเขาสวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีมให้เจ้าม้าลายอีกต่่างหาก


ขณะที่ ซามพ์โดเรีย เมื่อ วิอัลลี่ ย้ายออกไปผจญภัยที่อื่น พวกเขาก็ทำได้แค่หวือหวาเป็นช่วงๆ เก่งสุดคือการคว้าแชมป์โคปปา อิตาเลีย 1 ครั้ง และคว้าอันดับ 3 ได้ในยุคที่ สเวน โกรัน อีริคส์สัน เข้ามาคุมทีม โดยมี รุด กุลลิท, เดวิด แพล๊ท และ โรแบร์โต้ มันชินี่ เป็นคีย์แมนคนสำคัญ


และนับจากนั้นเป็นต้นมา

หน้าประวัติศาสตร์ของ ซามพ์โดเรีย ก็ยังไม่เคยถูกขีดเขียนด้วยเทพนิยายอันมหัศจรรย์แบบในฤดูกาล 1990-91 ได้อีกเลย


เขียนถึงเนื่องจากรำลึกถึงยอดตำนานผู้ยิ่งใหญ่อย่าง จานลูก้า วิอัลลี่ ที่จากโลกนี้ไปด้วยวัย 58 ปีครับ


ยอดกองหน้าผู้นี้เป็นตำนานของ ซามพ์โดเรีย ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนนึง และเป็นชายที่ไปไหนก็มีแต่คนรัก ช่วงย้ายไป ยูเวนตุส ก็เป็นกัปตันทีมคนสุดท้ายที่พาทีมคว้าแชมป์ยุโรป ครั้นมาอังกฤษ​ก็เป็นกุนซืออิตาเลียน​คนแรกในพรีเมียร์​ลีก​และพาทีมคว้าแชมป์บอลถ้วยได้ถึง 3 รายการ อีกทั้งยังยิงประตูสำคัญให้ทีมได้อยู่ประจำ


จานลูก้า วิอัลลี่ คือยอดนักสู้ คือสุภาพบุรุษ​ลูกหนัง และเป็นตำนานอิตาเลียนที่มีแต่คนรัก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด