:::     :::

10 นัดวัดใจปืนที่อาจไร้ 'ซาลีบา'

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อาร์เซน่อล กำลังเจอบททดสอบสำคัญใน 10 นัดสุดท้ายของการลุ้นแชมป์เพราะอาจไม่สามารถใช้งาน วิลเลี่ยม ซาลีบา กองหลังตัวเก่งที่โชคร้ายบาดเจ็บส่อพักยาว

ซาลีบา เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ อาร์เซน่อล นำจ่าฝูงในฤดูกาลนี้ หลังได้โอกาสในทีมชุดใหญ่เต็มตัวเป็นฤดูกาลแรก และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม 

ปราการหลังที่เพิ่งอายุครบ 22 ปี เซ็นสัญญาย้ายจาก แซงต์-เอเตียน มาร่วมทีมปืนใหญ่ตั้งแต่ซัมเมอร์ปี 2019 แต่ตลอด 3 ฤดูกาลแรกยังไม่ได้ลงสนามให้ทีมแม้แต่นัดเดียว 

ฤดูกาลแรกถูกปล่อยกลับไปให้ แซงต์-เอเตียน ขณะที่ฤดูกาลต่อมาได้อยู่ในทีมของ มิเกล อาร์เตต้า แต่ก็ยังไม่ได้โอกาสจึงถูกปล่อยชั่วคราวอีกครั้งช่วงกลางฤดูกาลที่กลับฝรั่งเศสไปเล่นให้ นีซ 

ส่วนฤดูกาลที่แล้ว ลุยเต็มๆ กับ โอลิมปิก มาร์กเซย ที่ฝีเท้าพัฒนาขึ้นอย่างมากจนกระทั่งได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ อาร์เซน่อล ในฤดูกาลนี้

อาร์เตต้า ให้โอกาส ซาลีบา เป็นตัวจริงตั้งแต่นัดเปิดสนามที่บุกชนะ คริสตัล พาเลซ 2-0 ก่อนยึดตำแหน่งยาว 27 นัดติดต่อกันในลีกที่ลงสนามต่อเนื่อง และไม่เคยถูกเปลี่ยนตัวออกเลย 

เกมรับปืนใหญ่เหนียวแน่นขึ้นกว่าเดิมมากในฤดูกาลนี้ที่เก็บไปได้ 12 คลีนชีตจาก 28 นัด และเพิ่งเสียไป 26 ประตู เฉลี่ยไม่ถึง 1 ประตูต่อ 1 นัด มีเพียง นิวคาสเซิ่ล (19 ประตู) กับ แมนฯ ซิตี้ (25 ประตู) ที่เสียน้อยกว่า 

ผลงานส่วนตัวของ ซาลีบา โดดเด่นอย่างมากในเกมรับ มีความแข็งแกร่ง นิ่งเกินวัย ลูกเบียดลูกปะทะไม่เป็นรอง และดักชิงเล่นจังหวะอันตรายได้บ่อยครั้ง 

ซาลีบา ทำสถิติเป็นผู้เล่นอายุน้อยกว่า 23 ปีที่เก็บบอลกลับมาครองได้มากสุดใน 5 ลีกใหญ่ยุโรปที่จำนวน 206 ครั้ง โดยทำได้ในพื้นที่เกมรับมากถึง 112 ครั้ง 


ซาลีบา บาดเจ็บจากเกมยุโรป

การมาของ ซาลีบา ที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์กับทีมอื่นมาเต็มที่ในรูปแบบยืมตัว ทำให้ อาร์เตต้า สามารถโยก เบน ไวท์ ไปเล่นแบ็กขวาได้ โดยที่ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ เป็นอะไหล่คอยสับเปลี่ยนช่วงท้าย 

อย่างไรก็ตาม ปราการหลังอนาคตไกลกลับต้องโชคร้ายบาดเจ็บในเกมยูโรปา ลีก ที่ อาร์เซน่อล ตกรอบคาบ้านจากการพ่ายจุดโทษต่อ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ก่อนพลาดลงเล่นเกมลีกที่เปิดบ้านชนะ คริสตัล พาเลซ 4-1 ช่วงก่อนเบรกทีมชาติ 

ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา อาร์เซน่อล พยายามประคบประหงมอาการอย่างเต็มที่เพื่อให้ฟิตกลับมาช่วยทีมได้ในช่วง 10 นัดสุดท้าย ทว่าตอนนี้ก็ยังไร้ความชัดเจนว่าจะกลับมาลงสนามได้เมื่อไหร่

ในการตรวจเช็คร่างกายครั้งแรก ผลออกมาไม่ดีนัก และอาจถึงขั้นต้อง "ผ่าตัด" ซึ่งจะทำให้พลาดลงสนามช่วงที่เหลือของฤดูกาลไปในทันที 

อย่างไรก็ตาม การตรวจอีกรอบให้ผลเชิงบวกว่าอาจไม่ต้องผ่าตัด และมีโอกาสลงเล่นได้บางนัดของโปรแกรมที่เหลือ แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บหนักได้เช่นกัน

ทีมแพทย์ของ อาร์เซน่อล ยังต้องประเมินอาการอย่างละเอียดเพื่อให้ทราบแน่ชัดถึงความรุนแรงของอาการ และช่วงเวลาที่ต้องพักรักษาตัว 

ในกรณีเลวร้ายสุดไม่สามารถลงเล่นได้เลยใน 10 นัดสุดท้าย มิเกล อาร์เตต้า จะหาทางออกในปัญหานี้อย่างไร 

ตามตำแหน่งแล้ว ร็อบ โฮลดิ้ง คือทางเลือกแรกที่ได้โอกาสไปแล้วในเกมล่าสุดกับ พาเลซ และทำผลงานได้ดี ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดในการจับคู่กับ กาเบรียล มากัลเญส


โฮลดิ้ง ได้โอกาสในเกมล่าสุดกับ พาเลซ

อย่างไรก็ตาม โฮลดิ้ง ยังต้องพิสูจน์ตัวเองในเกมใหญ่เกมยากที่รออยู่ไม่ว่าจะเป็นนัดเยือน ลิเวอร์พูล, เยือน แมนฯ ซิตี้ และเยือน นิวคาสเซิ่ล 

โฮลดิ้ง เป็นผู้เล่นที่อยู่กับทีมมานานตั้งแต่ปี 2016 มีประสบกาณณ์พอตัว และมีความเป็นมืออาชีพดีเยี่ยมไม่ว่าอยู่ในบทบาทใด ทว่าการที่ไม่ได้ลงสนามต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และบางจังหวะการเล่นไม่ละเอียดนัก มีลูกโฉ่งฉ่างติดฟาวล์ให้เห็นเรื่อยๆ ก็เป็นสิ่งที่น่ากังวลอยู่ไม่น้อย

หากไม่ใช้ โฮลดิ้ง ยืนคู่กับ กาเบรียล มากัลเญส อีกทางเลือกคือขยับ เบน ไวท์ กลับไปยืนเซนเตอร์อีกครั้ง

ทว่าไอเดียนี้ก็จะมีปัญหาตรงแบ็กขวาเพราะ โทมิยาสึ เจ็บหนักปิดเทอมไปแล้ว ส่วน เซดริก โซอาเรส ก็ถูกปล่อยให้ ฟูแล่ม ยืมใช้งานในตลาดหน้าหนาวที่ผ่านมา

ถ้าต้องให้ ไวท์ เล่นข้างในจริงๆ อาร์เตต้า อาจต้องใช้ โธมัส ปาร์เตย์ ลงเล่นแบ็กขวาจำเป็น และส่ง จอร์จินโญ่ เล่นแทนตรงกลาง

ปาร์เตย์ เคยเล่นแบ็กขวามาบ้างตอนอยู่ แอตเลติโก มาดริด หนึ่งในนั้นคือการเจอกับ อาร์เซน่อล ในรอบตัดเชือกนัดแรก ยูโรปา ลีก เมื่อปี 2018 ที่ ซิเม่ เวอร์ซัลโก้ ได้ใบแดงตั้งแต่ 10 นาที ปาร์เตย์ จึงต้องขยับไปอุดเกมรับฝั่งขวา และเล่นได้อย่างแข็งแกร่ง 

เช่นเดียวกับนัดล่าสุดที่ ไวท์ ถูกถอดออกช่วงท้าย อาร์เตต้า จึงส่ง จอร์จินโย่ ลงไปเล่นตรงกลางและให้ ปาร์เตย์ ถอยไปเล่นแบ็ก


ปาร์เตย์ แก้ขัดตำแหน่งแบ็กขวาได้ แต่คงไม่สามารถเล่นได้ทุกนัด และเป็นไปได้ยากที่จะยืน 90 นาทีเพราะเป็นตำแหน่งที่ใช้พลังงานค่อนข้างเยอะในการรับมือปีกคู่แข่งที่มีความเร็ว เบน ไวท์ และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ที่หนุ่มแน่นมากขึ้นก็ยังหมดช่วงท้ายจนต้องเปลี่ยนออกแทบทุกนัด

สองทางเลือกนี้คงเป็นสิ่งที่ อาร์เตต้า คิดเอาไว้ในใจ และเลือกใช้ตามคู่แข่งที่เจอ ถ้าเป็นทีมที่เกรดบอลเป็นรองและเน้นบอลโด่ง โฮลดิ้ง อาจเหมาะมากกว่า แต่หากเป็นทีมเขี้ยวๆ เกมรุกดุดัน ไวท์ ก็น่าจะรับมือได้ดีกว่า

ไอเดียอื่นสำหรับแท็กติกให้ ไวท์ กลับไปยืนเซนเตอร์และเหลือโจทย์แบ็กขวาให้ต้องแก้คือ รูเอล วอลเตอร์ส ดาวรุ่งวัย 18 ปีที่เล่นตำแหน่งนี้มาแล้วช่วงปรีซีซั่นที่อเมริกา ทว่ายังไม่เคยลงเล่นให้ชุดใหญ่ในเกมทางการเลย

ส่วนการโยก ซินเชนโก้ จากแบ็กซ้ายมาเล่นฝั่งขวาอาจฝืนธรรมชาติมากไปนิดแม้แข้งทีมชาติยูเครนจะเป็นผู้เล่นสารพัดประโยชน์ก็ตามที 

ในหลายครั้ง มิเกล อาร์เตต้า แก้ปัญหาตัวหลักขาดหายไปในบางนัดได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะช่วงที่ กาเบรียล เชซุส กองหน้าตัวเก่งบาดเจ็บพักยาวหลายเดือนแต่ก็ยังรักษาตำแหน่งจ่าฝูงเอาไว้ได้ 

รวมถึงการเสริมทัพกลางฤดูกาลที่ จอร์จินโญ่ กับ เลอันโดร ทรอสซาร์ เข้ามาแล้วช่วยทีมได้หลายต่อหลายนัดซึ่งบ่งบอกให้เห็นความยอดเยี่ยมในการอุดรอยรั่วในทีมของ อาร์เตต้า 

และการแก้โจทย์ล่าสุดหากต้องไร้ วิลเลี่ยม ซาลีบา ตลอดทุกนัดที่เหลือก็จะเป็นอีกความท้าทายสำหรับ มิเกล อาร์เตต้า ในการประคองทีมไปถึงตำแหน่งแชมป์ให้ได้



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด