:::     :::

ปิดฉาก 7 ปีที่ยิ่งใหญ่ของ ชนาธิป บนเวทีเจลีก

วันอังคารที่ 13 มิถุนายน 2566 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
1,785
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด "เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ นักเตะเบอร์ 1 ของวงการฟุตบอลไทยในปัจจุบัน จะย้ายจาก คาวาซากิ ฟรอนตาเล บิ๊กทีมในเจลีก ญี่ปุ่น กลับมาเล่นในไทยลีก กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในฤดูกาลหน้า หลังทุ่มเงินกว่า 70 ล้าน กระชากตัวเพลย์เมกเกอร์จอมพริ้วกลับมาวาดลวดลายบนแผ่นดินเกิดเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี

โดย “ชนาธิป” ย้ายไปเล่นให้กับ “คอนซาโดเล ซัปโปโร” ในฤดูกาล 2017 ไม่มีใครเชื่อว่าดาวเตะรายนี้จะประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับจากชาวญี่ปุ่น

แม้แต่เพื่อนร่วมทีม “คอนซะ” เองยังไม่เชื่อว่านักเตะไทยคนนี้จะพาทีมบินสูง ขนาดยืนอยู่ในตำแหน่งที่ดีมากๆ แต่เพื่อนร่วมทีมเลือกที่จะจ่ายบอลให้คนอื่น หากใครเล่นฟุตบอลเป็นจะรู้เลยว่า เมื่อเพื่อนไม่มั่นใจและไม่ส่งบอลให้มันเจ็บปวดขนาดไหน 


นั่นทำให้ก้าวแรกบนเจลีกของ “ชนาธิป” จบลงด้วยสถิติลงสนาม 16 นัด ทำได้ 1 แอสซิสต์ และยิงประตูไม่ได้ 

แต่ปี 2018 ถือเป็นปีทองของ “ชนาธิป” เมื่อเขายึดตัวจริงสำเร็จ คราวนี้เขาไม่ใช่ร่างไร้วิญญาณของเพื่อนร่วมทีม แต่กลายเป็น “หัวใจ” ในแนวรุกเต็มตัว 

ทั้งฤดูกาลเขาได้โอกาสลงสนามในลีก 30 นัด ยิงไป 8 ประตู เป็นสถิติที่ยิงมากสุดในเจลีกของเขา บวกอีก 2 แอสซิสต์ พาทีมตรานกฮูก จบอันดับ 4 ของตาราง ถือเป็นอันดับสูงสุดของสโมสร ทำให้เพื่อนร่วมทีมโหวตให้เขาเป็นผู้เล่นทรงคุณค่าประจำปีของสโมสร


ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือการถูกเลือกให้ติดทีมยอดเยี่ยมประจำศึกเจลีก 2018 เคียงข้างกับซูเปอร์สตาร์ระดับแนวหน้าของลูกหนังแดนปลาดิบ ซึ่งส่วนใหญ่มาจาก คาวาซากิ ฟรอนตาเล อาทิ โชโกะ ทานิกูชิ, เคนโงะ นากามูระ, อากิฮิโระ อิเอนางะ และ เรียวตะ โอชิมะ

จากนั้น “ชนาธิป” ยังสร้างมาตรฐานที่สูงและเรียกว่าเป็นนักเตะเบอร์ 1 ของทีมไม่ผิดนัก ก่อนจะถูก “คาวาซากิ ฟรอนตาเล” กระชากตัวไปร่วมทีมด้วยค่าตัวเป็นสถิติของเจลีก ราว 130 ล้านบาท ในปี 2021

การย้ายไปเล่นให้ทีมเบอร์ต้นๆ ของ เจลีก ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ โทรุ โอนิกิ กุนซือของทีมให้โอกาสจอมทัพจากแดนสยามลงสนามเรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่ไม่เกิน 60 นาที ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออก ประกอบกับผลงานของทีมไม่สม่ำเสมอจนพลาดแชมป์ 


ขณะที่ “ชนาธิป” เองโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานบ่อยครั้ง ขณะที่ในฤดูกาลนี้ตัวหลักอย่าง เรียวตะ โอชิมะ หรือ ยาซูโตะ วากิซากะ ฟิตกลับมาเต็มถัง ยิ่งทำให้โอกาสลงสนามลดน้อยลงไปอีก 

โดยเฉพาะในรายของ “โอชิมะ” ที่เล่นตำแหน่งเดียวกับ “เจ” และได้โอกาสลงสนามมากกว่า 

ในเกมล่าสุดเป็นเกมนัดสุดท้ายของเลกแรก “เจ” ไม่มีชื่อทั้งตัวจริงและตัวสำรอง คงเป็นการบอกแล้วว่าเขาคือส่วนเกินของทีม ไม่แปลกที่เขาจะตัดสินใจกลับมาเล่นในไทยลีก ปิดฉาก 7 ปี อันแสนยิ่งใหญ่บนแผ่นกินซามูไร

เรียกว่าไปแบบโนเนม กลับมาอย่างตำนานของจริง แม้จะไม่มีแชมป์ติดมือ แต่ผลงานของ “ชนาธิป” ยากที่จะมีนักเตะไทยคนไหนก้าวขึ้นไปเทียบเคียง คงต้องใช้เวลานานกว่าจะลบรอยเท้าที่ทำไว้ได้ 


ถึงเวลาแล้วที่เขาจะมานับ 1 ใหม่ในไทยลีก ในวัย 29 ปี ถือว่ากำลังดี แถม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เองก็ได้โควต้าไปเล่นเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก รอบเพลย์ออฟ 

ขุมกำลังก็ไม่ขี้เหร่มีลุ้นเข้าไปเล่นรอบแบ่งกลุ่ไม่น้อย นอกจากนี้ยังมีลุ้นแชมป์ลีกอีกด้วย 

เชื่อว่า “เจ” จะเป็นเชื้อเพลิงปลุกให้ทีม “เดอะ แรบบิท” กลับมาคึกคักออกล่าแชมป์อีกครั้ง พร้อมสร้างตำนานให้กับตัวเองและสโมสรต่อไป 

อย่างน้อยที่สุดอยู่ในที่ที่เขาเห็นค่าย่อมดีกว่าไร้ตัวตนเยอะ การผจญภัยครั้งใหม่ของ “เจ” ชนาธิป เริ่มแล้ว 

เตรียมตัวออกเดินทางได้


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด