เมื่อเขาเพิ่งเปิดตัวเป็นสมาชิกใหม่กับ ลำพูน วอริเออร์ สโมสรเจ้าบุญทุ่มประจำภาคเหนือเป็นที่เรียบร้อย โดยเป็นการเซ็นสัญญาถาวร เพราะสัญญากับต้นสังกัดที่แท้จริงอย่างบีจี ปทุม ยูไนเต็ด นั้น หมดลงพอดี
ถือเป็นการขึ้นไปเล่นที่ภาคเหนืออีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยไปร่ายเพลงแข้งที่ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด มาแล้วในฤดูกาล 2021-2022
นี่จึงเป็นดีลที่น่าสนใจมากๆ ของ ลำพูน วอริเออร์ เพราะจริงๆ แล้ว ตัวของสิโรจน์เองนั้นเคยได้รับการจับตามองมากๆ ในช่วงที่เริ่มมีชื่อเสียงกับ อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด
ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งและมีความรวดเร็ว รวมถึงการไปกับบอลได้ดี จึงทำให้เขามีชื่อติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ และมีส่วนร่วมในชุดแชมป์อาเซียนเมื่อปี 2016
จากฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมในตอนนั้น ก็ทำให้เขาได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นดาวดวงใหม่ในแนวรุกของทีมชาติไทยคนต่อไป
และจากสโมสรระดับกลางๆ อย่าง อุบล ยูเอ็มที "ปีโป้" ก็ได้ย้ายไปอยู่กับทีมที่ใหญ่กว่าอย่างเมืองทอง ยูไนเต็ด ทว่าเจ้าตัวไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งได้เหมือนเคย จึงถูกปล่อยตัวไปให้กับ พีที ประจวบ
และเป็นที่ประจวบนี่แหละ ที่ช่วยเรียกความมั่นใจของ สิโรจน์ กลับมาได้บ้าง เมื่อเขาลงสนามไปทั้งหมด 24 นัด ซัดไป 3 ประตู พร้อมได้แชมป์โตโยต้า ลีก คัพ กับทีม
ซึ่งนั่นก็เพียงพอที่จะให้เขาได้ย้ายตัวเองไปอยู่กับทีมที่วรรณะสูงกว่าอีกครั้ง โดยเป็นทางด้านของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด รับตัวเข้าไปดูแลต่อ
ที่นี่ "ปีโป้" ได้จารึกชื่อตัวเองอยู่ในชุดประวัติศาสตร์ หลังคว้าแชมป์ไทยลีก 1 เป็นครั้งแรกของสโมสร นับตั้งแต่เทคโอเวอร์ทีมมาจากธนาคารกรุงไทย
โมเม้นท์ที่เขานำถ้วยชนะเลิศในวันฉลองแชมป์มาโชว์คุณแม่ที่นั่งอยู่บนรถเข็น คือหนึ่งในภาพถ่ายที่ถูกพูดถึงบนโลกโซเชียลในเวลานั้น
แน่นอนว่าด้วยการแข่งขันที่สูงขึ้นภายในทีม เพราะต้องไปแข่งขันฟุตบอลถ้วยเอเชีย ทำให้บีจีฯ ต้องปล่อยสิโรจน์ไปให้กับทีมพันธมิตรอย่าง ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ต่อด้วยนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ตามลำดับ จนกระทั่งหมดสัญญาลง
การเดินทางครั้งใหม่ของกองหน้าร่างใหญ่รายนี้จึงกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง...
อย่างที่บอกไปนั่นแหละ นี่เป็นดีลที่น่าสนใจมากๆ ของลำพูน เพราะพวกเขาคือสโมสรที่ให้โอกาสนักเตะอยู่เสมอ
เด็กเทพฟุตบอลเดินสายอย่าง อนันต์ ยอดสังวาลย์ ได้ตบเท้าเข้าไปติดทีมชาติชุดซีเกมส์ และมีชื่อติดทีมชาติไทยชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ก็เพราะการให้โอกาสจากสโมสรแห่งนี้
ไม่แน่เหมือนกันนะครับ ถ้าในฤดูกาลใหม่นี้ "ปีโป้" ทำผลงานได้ดีกับ ลำพูน วอริเออร์ บางทีประตูทีมชาติไทยอาจกางแขนต้อนรับเขาอีกครั้งก็เป็นได้
ก็ดู ธีรศิลป์ แดงดา เป็นตัวอย่าง แม้อายุอานามจะมากขึ้นทุกวัน แต่ขานั้นก็มีชื่อติดทีมชาติทุกครั้ง นั่นเพราะเขารักษาผลงานได้แบบคงเส้นคงวา
สำหรับผลงานของ สิโรจน์ ฉัตรทอง ในฤดูกาลล่าสุดกับ นครราชสีมา นั้น เขาลงเล่นให้กับสโมสรไปทั้งหมด 29 นัด ยิงได้ 2 ประตู กับ 4 แอสซิสต์
ขณะที่การมีชื่อติดทีมชาติไทยชุดใหญ่นั้น ต้องย้อนกลับไปถึงปี 2019 หรือเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ในทัวร์นาเม้นท์เอเชียน คัพ ที่ทีมชาติไทยสร้างประวัติศาสตร์เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย
ถ้าสิโรจน์อยากเรียกชื่อเสียงเก่าๆ กลับมา และยังอยากมีธงไตรรงค์กลับมาติดที่หน้าอกอีกครั้ง ก็ต้องทำให้เต็มที่มากๆ ในซีซั่นนี้
เอาใจช่วย และขอเป็นกำลังใจให้กับการเดินทางครั้งใหม่นะ...
