แต่ ไทย สามารถแก้ตัวเบียดชนะ ฮ่องกง อันดับ 147 ของโลก ด้วยสกอร์ 1-0 ถือเป็นการปลดล็อกกำชัยในเกมเยือนหลังสะกดคำว่าชนะไม่เป็นมา 6 นัดติดต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นการเสมอ อินโดนีเซีย 1-1 แพ้ มาเลเซีย 1-0 , เสมอ เวียดนาม 2-2 แพ้ ซีเรีย 3-1 และ ยูเออี 2-0ก่อนจะเสมอกับ ไต้หวัน 2-2 

เกมอุ่นเครื่อง 2 นัดที่ผ่านมา มีนักเตะหลายคนได้รับคำชมทั้ง ฉัตรชัย บุตรพรม ที่หายเจ็บคัมแบ็คเฝ้าเสาในรอบ 2 ปี 

กองหลังอย่าง เฉลิมศักดิ์ อักขี และ เอเลียส ดอเลาะ รวมไปถึงนักเตะดาวรุ่งทั้ง 3 คนทั้ง นิโคลัส มิเคลสัน แบ็คขวาจาก โอบี โอเดนเซ, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว จาก ชลบุรี และ ธีรศักดิ์​ เผยพิมาย ดาวยิงซูเปอร์ซับจาก การท่าเรือ โดยเฉพาะใน 2 รายแรก ได้รับคำชมเป็นอย่างมาก

ต้องยอมรับว่า มิเคลสัน มาตรฐานดีมากและทำผลงานได้โดดเด่นทั้งเกมรับและเกมรุกที่เป็นจุดเด่น สมราคาแบ็คจากยุโรป เพราะเขามีความเร็ว เข้าบอลดุดัน

จังหวะเติมเกมรุกทำได้ตามจังหวะเกม ทำให้เกมด้านข้างไหลลื่น มีจังหวะเปิดบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูหลายจังหวะ ทั้งการจ่ายบอลเรียดหรือเปิดบอลโค้งๆ ไปหน้าประตู

ขณะที่ ธีรศักดิ์ เห็นได้ชัดว่ามีความวูบวาบ ปราดเปรียวตามไว จมูกเร็วโดยเฉพาะในกรอบเขตโทษที่เข้าหาบอลได้เร็ว แต่เสียดายที่ยิงประตูไม่ได้เท่านั้น เดี๋ยวเติมประสบการณ์และความนิ่งอีกหน่อยอนาคตไปโลดแน่นอน

ส่วน ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว พัฒนาตัวเองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขากลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับทีมชาติไทย และ มาโน โพลกิง เพราะมีคลาสบอลยอดเยี่ยม กล้าเล่น กล้าเลี้ยงลุย ทำชิ่งกับกองหน้าสวยๆ หลายจังหวะ 

จังหวะจ่ายคิลเลอร์พาสให้ ธีรศิลป์ หลุดไปยิงประตูชัยในเกมดับ ฮ่องกง ที่ทำได้อย่างไร้ที่ตินอกจากนี้ยังเล่นเข้าขากับ มิเคลสัน ทั้งเกมรับและเกมรุก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวัยที่ใกล้เคียงกันและคุยภาษาอังกฤษกันรู้เรื่อง 

กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ “เจ้าหนึ่ง” ต้องชนะอุปสรรคมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเอาชนะโรคทาลัสซีเมีย ตั้งแต่เด็ก 

การหาโอกาสในการลงเล่นอาชีพ เปลี่ยนสโมสรจาก เมืองทอง ยูไนเต็ด ไปอยู่กับ ชลบุรี ได้โอกาสลงสนามชุดใหญ่ และได้ท่องโลกลูกหนังในสเปน กับการเล่นกับ อูนิโอ อดาร์เบ้ แบบยืมตัว 1 ฤดูกาล 

เรียกว่าทุกจังหวะชีวิตเขาไม่เคยถอนคันเร่ง มีแต่ความมุ่งมั่นที่จะก้าวไปข้างหน้า และก้าวมาเป็นนักเตะอาชีพให้ได้ จนวันนี้เขาประสบความสำเร็จเรียบร้อยแล้ว เคล็ดไม่ลับในการมาถึงจุดนี้คือ “มีเป้าหมาย และสนุกกับการเล่นฟุตบอลที่รัก”

ในอนาคตอันใกล้ต่อให้ไม่ใช่หมอดูก็รู้ว่า เขาจะก้าวมาเป็นกำลังสำคัญในแนวรุกของทีมชาติไทย ได้แน่นอน เพราะคลาสบอลเขาเกินวัยไปแล้ว 

ขณะที่รุ่นพี่คนอื่นๆ หากประมาทและยังไม่เร่งฟอร์มให้ดีขึ้น มีโอกาสโดนแซงและโดนยึดตัวจริงในทีมชาติสูง 

บอกไว้ก่อนนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!!!